บทที่ 52 คำถามที่น่ากลัว (ปลาย)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 52 คำถามที่น่ากลัว (ปลาย)

เหล่าคนคุ้มกันของตระกูลอวี้ ต่างกลืนน้ำลายของพวกเขาพลางคิดในใจ เมื่อครู่พวกเราก็ตวาดใส่ไอ้คนผู้นี้ไปหลายรอบนี่หว่า ฉิบหายแล้ว พวกเราไม่รอดแน่เลย!

อย่างไรก็ตามซูอันไม่ได้สนใจพวกเขา แต่เขากลับเริ่มค้นศพของเป๋ากังและโจรคนอื่น ๆ

จี้เสี่ยวซีอยากรู้อยากเห็น นางก้าวมาอยู่ข้างซูอันและถามว่า “พี่ซู ท่านกำลังหาหลักฐานเพื่อยืนยันตัวตนพวกเขาอยู่ใช่ไหม”

ซูอัน ส่ายหัวและตอบว่า “ข้าจะเสียเวลาทำอะไรไร้สาระแบบนั้นไปทำไม? ข้ากำลังค้นดูว่าในร่างกายของไอ้คนพวกนี้มันมีของมีค่าอะไรบ้างรึเปล่าต่างหาก!… ให้ตายสิ ทำไมไอ้โจรพวกนี้มันถึงยากจนกันแบบนี้ฮะ? ทำไมพวกมันไม่มีเงินติดตัวกันเลยแม้แต่เหรียญทองแดงเหรียญเดียวก็ไม่มี!”

จี้เสี่ยวซี: “…”

ฝูงชนจากตระกูลอวี้: “…”

จี้เสี่ยวซี อธิบายด้วยสีหน้าเหนื่อยใจว่า “พี่ซู โจรเหล่านี้ออกมาปล้น ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะโง่พอพกเงินออกมาด้วยหรอกนะ”

ซูอันคิดว่าคำพูดเหล่านั้นสมเหตุสมผลดี แต่เขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจเพราะมันหมายความว่าสิ่งที่เขาลงทุนทำไปทั้งหมด มันไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมาเลย เขาเสียขวดยาพิษไปโดยเปล่าประโยชน์!!

จากนั้นเมื่อซูอันสังเกตเห็นบรรดาผู้คนของตระกูลอวี้กำลังตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอยู่ข้างหลังเขา

ชายหนุ่มก็สวมรอยยิ้มโอบอ้อมอารีเดินเข้าไปถามทันทีว่า “ข้าคิดว่ามันยุติธรรมสำหรับข้าที่จะถามคำถามกับพวกเจ้าที่เหลือด้วย ตอนนี้ข้าเพิ่งช่วยชีวิตพวกเจ้า พวกเจ้าตั้งใจจะตอบแทนให้ข้ายังไงเอ่ย?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ผู้คนของตระกูลอวี้ ต่างกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง พวกเขาได้เห็น

ชะตากรรมอันน่าสลดใจที่กลุ่มโจค่ายเมฆาทมิฬได้รับไปหมาด ๆ ซึ่งมันสร้างบาดแผลทางใจให้กับพวกเขาเช่นกัน แค่ได้ยินคำว่า ‘คำถาม’ ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาสั่นสะท้าน

“คุณชาย พวกเราต้องตอบแทนบุญคุณของท่านแน่นอนอยู่แล้ว เอาเป็นว่าข้าขอเสนอรางวัลตอบแทนให้กับท่านเป็นเงินจำนวน 10,000 ตำลึงทองก็แล้วกัน ไม่ทราบว่าท่านพึงพอใจกับรางวัลตอบแทนที่ข้าเสนอให้กับท่านหรือไม่?” เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากในรถม้า

จากนั้นมืออันเรียวยาวงดงามก็ปรากฏขึ้นจากด้านในรถม้าและค่อย ๆ ดึงผ้าม่านประตูออก ร่างของหญิงสาวที่งดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยายก็ค่อย ๆ เยื้องย่างออกจากรถม้าปรากฏกายขึ้นให้ซูอันได้เห็นอย่างเต็มตา

ซูอันเชื่อว่าเขามีความต้านทานสูงต่อผู้หญิงสวยแน่นอน แต่ผู้หญิงคนนี้กลับทำให้เขาตกตะลึงเพราะนางงดงามมากจริง ๆ งดงามมากกว่าดาราคนใด ๆ ที่เขาเคยเห็นในหนังมาก่อนหรือแม้แต่ในการ์ตูนที่เขาเคยอ่านก็ไม่มีคนวาดคนไหนที่วาดตัวละครนางเอกได้งดงามเท่ากับนางเลยสักคน!

ฉายา ‘อดีตหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง’ นั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยจริง ๆ!

นางมีผิวที่เรียบเนียนจนแม้แต่เด็กสาววัยละอ่อนก็เทียบไม่ได้ สีผิวของนางขาวผ่องเปล่งประกายราวกับถูกปกคลุมด้วยน้ำนมบาง ๆ ให้ความรู้สึกทั้งเนียนนุ่มและน่าสัมผัสโดยที่เขายังไม่จำเป็นต้องไปแตะต้องร่างกายของนางจริง ๆ เลยด้วยซ้ำ ดวงตาของนางเปล่งประกายสว่างไหวไม่ต่างอะไรกับดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุดบนท้องฟ้า ใบหน้าได้รูปของนางไร้ที่ติไม่มีตำหนิใด ๆ ลำคอระหงยาวที่งามสง่าตามแบบฉบับของนางฟ้าในอุดมคติของชายทั้งหลาย ผมของนางซึ่งถูกจัดทรงอย่างพิถีพิถันให้มีลักษณะเป็นมวยผมตั้งสูงขึ้นชี้ไปยังท้องฟ้าเสริมเข้ากับใบหน้าอันเรียวยาวราวกับว่านางคือผลงานชิ้นเอกที่พระเจ้าผู้สร้างปั้นแต่งขึ้นมาด้วยพระองค์เองอย่างพิถีพิถัน

ดวงตาของซูอันค่อย ๆ เลื่อนลงมาพินิจมองหน้าอกและเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของนาง ชุดสีขาวของนางรัดแน่นรอบเอว ซึ่งทำให้ต้องมองไปที่เอวเรียวของนางอย่างช่วยไม่ได้ ความโค้งมนจากสะโพกถึงเอวคอดของนางนั้นสมบูรณ์แบบจนทำให้เขาน้ำลายไหลยืด

แม้แต่จี้เสี่ยวซีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความต่ำต้อยของตัวนางเอง แม้ว่าคนรอบข้างจะชมเชยความงามของนางอยู่เสมอ แต่นางก็รู้สึกว่าความงามของนางนั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับนายหญิงใหญ่แห่งตระกูลอวี้ผู้นี้

แม้แต่น้อย!

“ข้าดูดีไหม” แม้ว่าซูอันจะจ้องมองนางอย่างหยาบคายแต่นายหญิงใหญ่แห่งตระกูลอวี้ก็ไม่แสดงอาการหงุดหงิดแม้แต่น้อย กลับกันนางส่งรอยยิ้มที่อ่อนโยนให้กับซูอันแทน

“ใช่ เจ้าดูดี” ซูอันตอบพร้อมพยักหน้า “แต่ข้าก็ยังคิดว่าข้าเป็นคนที่ดูดีที่สุดในโลกนี้ ส่วนเจ้ายังคงเป็นรองข้าอยู่ระดับหนึ่ง”

“อุ๊บ~”

จี้เสี่ยวซีควบคุมตัวเองไม่ไหวจนหลุดขำออกมาครึ่งคำ และในเวลาเดียวกันมันทำให้ความรู้สึกต่ำต้อยในตัวนางถูกพัดหายไปในทันที

อวี้เหยียนลั่วตกตะลึงเช่นกัน นางเคยชินกับการถูกยกยอจากผู้ชายทุกคนเมื่อพวกเขาเห็นนาง แต่

ชายหนุ่มคนนี้กลับไม่ทำแบบนั้น…ชายหนุ่มคนนี้พูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติมากว่าเขาดูดีกว่านาง!

“เจ้าช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆ” อวี้เหยียนลั่วยกมือข้างหนึ่งป้องปากและหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างมีจริต เสียงหัวเราะของนางทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกอบอุ่นราวกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ “เจ้าชื่ออะไร? เจ้าแนะนำตัวเองว่าเฉิงโซวผิงแต่เด็กสาวคนนั้นเรียกเจ้าว่าเป็นพี่ซู ข้าเชื่อว่าอย่างหลังควรเป็นชื่อจริงของเจ้าใช่ไหม?”

“ข้าไม่มีนิสัยชอบบอกชื่อตัวเองหลังจากทำความดี!” ซูอันตอบพร้อมกับส่ายหัว เขาให้ชื่อเฉิงโชวผิงไปเพื่อให้เจ้าของชื่อตัวจริงเป็นผู้ที่ต้องแบกรับภาระในการกระทำของเขาทั้งหมด ตอนนี้สถานการณ์ของตัวเขาเองมีอันตรายรอบด้าน หากเขายังคงมืดบอดไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมทั้งหมด เขาก็ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาทำอะไรได้มากแค่ไหน

อวี้เหยียนลั่วมองไปที่ศพของโจรที่ซูอันค้นก่อนหน้านี้และริมฝีปากของนางก็ม้วนขึ้นอย่างมีเสน่ห์

“แต่ตอนนี้ข้าไม่มีเงินมากขนาดนั้น ถ้าเจ้าไม่บอกชื่อของเจ้า ข้าจะตอบแทนเจ้าในสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับได้อย่างไร”

ซูอันเกาหัวด้วยความหงุดหงิดขัดแย้งกับเรื่องนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมจำนนต่อจำนวนเงินที่ล่อใจ เขาจับมืออวี้เหยียนลั่วและดึงให้นางเดินออกไปคุยกันแบบส่วนตัว “มากับข้าสักครู่!”

อวี้เหยียนลั่วเหลือบมองมือที่คว้าข้อมือของนางไว้ และแววตาเย็นฉายผ่านดวงตาของนาง แต่สุดท้ายนางก็ยังเลือกที่จะไม่พูดอะไร

ในขณะเดียวกัน สายตาของผู้คุ้มกันของตระกูลอวี้ ก็เกือบจะถลนออกมาจากเบ้าเพราะความตกใจ พวกเขารู้ว่านายหญิงของพวกเขาเกลียดการถูกสัมผัสจากผู้ชายเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้นางกลับอนุญาตให้เขาจับนางโดยไม่พูดอะไรเสียอย่างนั้น!?

พวกเขาบางคนคิดอยากจะตะโกนใส่ซูอันให้ปล่อยมือจากนายหญิงของพวกเขาเหมือนกัน แต่เมื่อ

นึกถึงภาพโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับพวกโจรที่อยู่รอบ ๆ พวกเขาก็จำต้องหุบปากลงไม่กล้าพูดอะไร

ซูอันดึงอวี้เหยียนลั่วไปที่มุมที่ห่างไกลก่อนที่เขาจะเริ่มพูด “ก่อนอื่น ให้ข้าอธิบายตัวเอง ข้าไม่ได้พูดเรื่องนี้เพราะเห็นแก่ 10,000 ตำลึงทอง…”

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบอวี้เหยียนลั่วก็เหลือบมองที่มือของเขาแล้วพูดแทรก “เจ้าปล่อยมือข้าก่อนได้ไหม?”