ตอนที่ 47 ซื่อสัตย์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ทั้งสามคนสารภาพออกมาอย่างหมดเปลือกด้วยความหวาดกลัว เพียงแต่ว่าเรื่องที่ทั้งสามคนรับรู้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องที่สำคัญเหลียงอ๋องกับชุนเหยียนก็ไม่ฝากผ่านทั้งสามคนนี้ อย่างมากพวกเขาก็แค่รับเงินมาแล้วช่วยตามชุนเหยียนให้ไปพบที่ประตูหลังจวนเท่านั้น

“นอกจากสามคนนี้แล้ว ยังมีผู้ใดช่วยส่งข่าวให้เจ้าอีกหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปถามชุนเหยียนที่คุกเข่าตัวสั่นเทาอยู่ตรงปลายเท้าของนาง

ชุนเหยียนกัดปาก น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย

ไป๋ชิงเหยียนวางเตาอุ่นมือลง หยิบถ้วยชาร้อนขึ้นมาแทน เป่าไล่ความร้อนเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้น “นี่คือโอกาสที่เจ้าจะได้ไถ่โทษ หากเจ้าไม่ยอมบอก ต่อให้ชุนเถาจะคุกเข่าขอร้องอีกครั้ง ข้าก็จะไม่ไว้ชีวิตเจ้าอีกแล้ว”

หญิงชราที่โดนจับมัดคุกเข่าอยู่กลางลานรีบกล่าวขึ้นทันที “ยังมียายหลิวเจ้าค่ะ! ยายหลิวก็เคยส่งข่าว ข้าเคยเห็นเจ้าค่ะ!”

หญิงชราหลิวที่ถูกเอ่ยถึงรีบคุกเข่าลงทันที “ฮูหยินซื่อจื่อ คุณหนูใหญ่ได้โปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ! บ่าว…บ่าวเคยส่งข่าวแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเจ้าค่ะ! ครั้งเดียวเท่านั้น! บ่าวเห็นยายหวังรับเงินมาบ่าวก็เลยอยากทำบ้างเจ้าค่ะ!”

ซักต่อกันเป็นทอดๆ อีกคนแล้ว

หญิงชราหวังรีบคุกเข่าลงบนพื้น ตัวสั่นเทาราวกับลูกนก

ต่งซื่อวางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง “จวนเจิ้นกั๋วกงไม่เคยทารุณ รังแกบ่าวไพร่ นึกไม่ถึงเลยว่ายังมีบ่าวที่เห็นแก่เงินอยู่! ยังมีผู้ใดอีก หากยอมรับออกมาเองข้าอาจไว้ชีวิต! แต่หากถูกผู้อื่นชี้ตัว ข้าจะตีให้ตายทันที!”

ต่งซื่อปกครองคนด้วยความเมตตามาโดยตลอด จัดระเบียบและดูแลจวนเจิ้นกั๋วกงอย่างเข้มงวดเรียบร้อย มิเช่นนั้นตอนที่ต่งซื่อสั่งมิให้แพร่งพรายเรื่องหลังจากที่ไป๋จิ่นซิ่วกลับมาที่จวน จะไม่มีสิ่งใดเล็ดลอดออกไปข้างนอกเลยได้อย่างไรกัน

เหลียงอ๋องลงทุนอย่างมากเพื่อไป๋ชิงเหยียนจริงๆ …แต่ก็ทำได้แค่ซื้อตัวบ่าวรับใช้ชายเฝ้าประตูหนึ่งคนและหญิงชราเฝ้าประตูอีกสี่คนเท่านั้น

น้ำตาของชุนเหยียนไหลพรากยิ่งกว่าเดิม คลานไปแทบเท้าต่งซื่ออย่างสิ้นหวัง “ฮูหยิน เหลียงอ๋องจริงใจต่อคุณหนูใหญ่จริงๆ นะเจ้าคะ บ่าวหวังดีต่อคุณหนูจึงทำเช่นนี้! เหลียงอ๋องได้ยินว่าต่งเหล่าไท่จวินจากเติงโจวตั้งใจจะมาสู่ขอคุณหนูใหญ่ให้คุณชายเปี่ยว[1] ท่านก็รีบเสด็จมาหาคุณหนูใหญ่ทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บสาหัสอยู่เจ้าค่ะ หวังว่าจะได้พบหน้าคุณหนูสักครั้ง ความรักที่หนักแน่นเช่นนี้ มีชายใดในเมืองหลวงจะจริงใจต่อคุณหนูใหญ่ได้เช่นนี้กันเจ้าคะ!”

ฉินหมัวมัวประสานมืออยู่ตรงหน้าท้อง สีหน้าตึง “แม่นางชุนเหยียนช่างเหลวไหลสิ้นดี! หากเหลียงอ๋องรักคุณหนูใหญ่มากมายเช่นนี้ พระองค์ก็ควรเชิญฮูหยินสักคนมาที่จวนของเรา…จะมาสังเกตสถานการณ์หรือเลียบเคียงถามก็ยังได้ เหตุใดจึงเลือกใช้วิธีซื้อตัวบ่าวเพื่อลอบพบกันเช่นนี่เล่า การกระทำหยาบคายเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการทำให้ชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่ต้องเสียหาย! เจ้าเป็นสาวใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่แต่กลับไปมาหาสู่สนิทสนมกับบ่าวรับใช้ของเหลียงอ๋อง หากไม่ใช่เพราะคุณหนูใหญ่ไหวตัวทันให้อิ๋นซวงแอบตามดูเจ้า หากผู้อื่นรับรู้เรื่องนี้เข้า…บ่าวต่ำช้าอย่างเจ้าตายไปก็ไม่สำคัญ แต่ชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่จะทำเช่นไรกัน!”

“ฮูหยิน! เหลียงอ๋องรักคุณหนูใหญ่จริงๆ นะเจ้าคะ…”

“ดูเหมือนว่าชุนเหยียนจะกินข้าวของจวนเจิ้นกั๋วกงแต่ทำงานให้จวนเหลียงอ๋อง!” ต่งซื่อหัวเราะเสียงต่ำ เอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ฉินหมัวมัว เดี๋ยวเจ้าไปเอาสัญญาทาสของชุนเหยียนมาแล้วส่งนางไปที่จวนของเหลียงอ๋อง หากเหลียงอ๋องไม่รับไว้ก็ตีขาทั้งสองข้างของนางให้หักอยู่ตรงหน้าประตูจวนเหลียงอ๋อง จากนั้นให้พ่อค้าทาสรับตัวนางไปขายให้ซ่องโสเภณี”

สีหน้าของชุนเหยียนเปลี่ยนไปในทันที คลานกลับไปหาไป๋ชิงเหยียนอย่างขอความช่วยเหลือ น้ำตานองหน้า “คุณหนูใหญ่! คุณหนูใหญ่ช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ! บ่าวไม่ไปไหนทั้งนั้น บ่าวอยากติดตามคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ บ่าว…บ่าวไม่กล้าทำอีกแล้วเจ้าค่ะ!”

แม้ว่าชุนเหยียนจะโง่ แต่นางก็รู้ว่าที่เหลียงอ๋องยอมพบหน้านางก็เพราะว่านางคือสาวใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่ หากนางโดนคุณหนูใหญ่ทอดทิ้ง เหลียงอ๋องจะอยากได้นางทำไมกัน ท่านไม่ต้องการนางแน่ๆ เช่นนั้นนางก็จะตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับหมิงอวี้

เมื่อนึกถึงหมิงอวี้ ชุนเหยียนเย็นวาบไปทั้งร่าง ร้องไห้หนักกว่าเดิม

ไป๋ชิงเหยียนมองดูชุนเหยียนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เอ่ยออกมานิ่งๆ “เจ้าเล่าเรื่องใดของข้าให้เหลียงอ๋องฟังบ้าง วันนี้…จงกล่าวออกมาให้หมด มิเช่นนั้นต่อให้เป็นเทวดาก็ช่วยเจ้ามิได้!”

“บ่าว บ่าว…เล่าเรื่องความชอบของคุณหนูใหญ่ให้พระองค์ฟังเจ้าค่ะ แล้วก็เรื่องตอนเยาว์วัยของคุณหนูเจ้าค่ะ” ชุนเหยียนร้องไห้ออกมาอย่างร้อนรน น้ำเสียงแผ่วลง

“กล่าวให้ชัดเจน มีเรื่องใดบ้าง! อย่าให้ขาดไปแม้แต่เรื่องเดียว!” ไป๋ชิงเหยียนหยิบถ้วยชาขึ้นช้าๆ พลางเอ่ย

นางไม่ใช่คนใจร้าย แต่ชาติที่แล้วเหลียงอ๋องรู้เรื่องราวของนางหมดทุกอย่าง รู้ถึงขั้นที่ว่าร่างกายส่วนใดบ้างของนางมีรอยแผลเป็น รู้แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กน้อยดังเช่นรอยแผลเป็นส่วนใดที่นางจะคันเวลาฝนตก หากชาตินี้เหลียองอ๋องใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ชุนเหยียนเล่าให้เขาฟังมาทำลายความบริสุทธิ์ของนาง ต่อให้นางแก้ต่างก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ

ไป๋ชิงเหยียนจัดการเรื่องทุกอย่างอย่างเปิดเผยในวันนี้ หากภายหน้าเหลียงอ๋องคิดจะใช้วิธีสกปรก ไป๋ชิงเหยียนจะได้ไม่ต้องกังวลอีก

ชุนเหยียนหวาดกลัวจริงๆ นางสารภาพเรื่องทุกอย่างที่เคยกล่าวกับเหลียงอ๋องและถงจี๋ออกมาจนหมดสิ้น

เมื่อฉินหมัวมัวได้ยินว่าชุนเหยียนเล่าแม้กระทั่งเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนได้รับบาดเจ็บจากสนามรบ บ่ามักจะคันเวลาฝนตกให้บุรุษอื่นฟัง นางก็โมโหจนมือสั่นเทา ถลาไปด้านหน้าตบไปที่ใบหน้าของชุนเหยียนฉาดใหญ่อย่างกลั้นไม่อยู่ “ใครก็ได้จับนางชั้นต่ำคนนี้ไปโบยให้ตาย! เดี๋ยวนี้เลย! เรื่องส่วนตัวเช่นนี้ของคุณหนูใหญ่เจ้ายังกล้าเอาไปพูดอีกหรือ!”

ต่งซื่อที่ปกติเป็นคนสุขุมก็โมโหจนหน้ามืด นั่งทรงตัวไม่อยู่จนเกือบเป็นลมล้มพับไป

“คุณหนูใหญ่! คุณหนูใหญ่!” ชุนเหยียนกอดขาไป๋ชิงเหยียนแน่น “คุณหนูใหญ่ช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ บ่าวบอกไปหมดแล้ว คุณหนูใหญ่ช่วยบ่าวด้วยนะเจ้าคะ!”

“จับบ่าวชั่วนั่นออกมา อย่าให้แปดเปื้อนเสื้อผ้าของคุณหนูใหญ่!” ต่งซื่อกัดฟันกรอด แทบอยากจะฉีกร่างของชุนเหยียนออกเป็นชิ้นๆ

“ท่านแม่…” ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้าให้ต่งซื่อ จากนั้นก้มหน้าเอ่ยถามชุนเหยียน “กล่าวสิ่งใดกับเหลียงอ๋องอีก”

“ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ ไม่มีแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ…” ชุนเหยียนร้องไห้พลางส่ายหน้า

ครู่หนึ่ง ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาในมือลง เอ่ยเรียกชุนเถา “ชุนเถา…”

ชุนเถาได้ยินว่าชุนเหยียนเล่าเรื่องส่วนตัวของคุณหนูใหญ่ให้เหลียงอ๋องฟังตั้งมากมาย นางโมโหจนสั่นเทาไปทั้งร่าง ใบหน้าขาวซีด รีบคุกเข่าลงทันที “ชุนเถาอยู่นี่เจ้าค่ะ!”

“วันนั้นเจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้า ร้องขอชีวิตแทนชุนเหยียน วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตนางสักครั้ง ถือว่าชดใช้บุญคุณที่ชุนเหยียนเคยช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้! ชุนเหยียนรอดจากโทษตายแต่ต้องรับโทษเป็น โบยชุนเหยียนห้าสิบที ลดเป็นสาวใช้ระดับสาม! หักเงินเดือนเจ้าครึ่งปี เจ้ายอมรับหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถามชุนเถา

ชุนเถาก้มศีรษะแนบพื้น ละอายใจเป็นอย่างมาก น้ำตานองใบหน้า “คุณหนูโบยบ่าวด้วยเถิดเจ้าค่ะ บ่าวไม่ควรร้องขอชีวิตให้คนจิตใจชั่วช้าเช่นนั้น!”

ไป๋ชิงเหยียนประคองให้ชุนเถาลุกขึ้น กุมมือของนางพลางกล่าว “เจ้าซื่อสัตย์และรักพวกพ้อง นิสัยเช่นนี้จึงจะถือเป็นคนของจวนเจิ้นกั๋วกง!”

แววตาเยือกเย็นของไป๋ชิงเหยียนกวาดมองไปที่ชุนเหยียน “ชุนเหยียนเจ้ายอมรับหรือไม่” ชุนเหยียนตัวสั่นเทา รีบก้มศีรษะแนบพื้นกล่าวขอบคุณ “ขอบพระคุณคุณหนูที่ไว้ชีวิตบ่าวเจ้าค่ะ! ขอบพระคุณเจ้าค่ะ!”

ชุนเหยียนโดนลากลงไปทำโทษต่อหน้าทุกคน เสียงไม้หนากระทบลงบนผิวเนื้อ ชุนเหยียนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ไม่นานเลือดสดก็ไหลย้อมเสื้อผ้าจนกลายเป็นสีแดง ชุนเหยียนถูกโบยจนสลบไป

[1] เปี่ยว คำเรียกลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นญาติทางฝ่ายมารดา