ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

ตอนที่ 18 เป็นลมอีกแล้ว…
ฉินเทียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอวิ๋นม่านไม่ได้หลบหนีจากไป แม้ว่าทั่วร่างของนางจะสั่นเทิ้มให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังหวาดกลัวก็ตาม
หากว่านางเลือกที่จะท่องเมฆาหลบหนีไป ฉินหยางก็ย่อมไม่อาจติดตามนางไปได้
แม้ว่านางจะทั้งวิตกกังวลและหวาดกลัว หากแต่ก็ยังไม่ได้จากไป
“เด็กหญิงที่โง่เขลา เจ้าช่างจิตใจดีจริงๆ” ฉินเทียนทอดถอนใจ
ในขณะเดียวกัน ฉินเทียนก็โคจรเคล็ดมังกรฟ้าภายในจุดตันเถียนที่เสียหาย ขุมพลังปราณอันกล้าแกร่งได้แผ่กระจายออกมา
ขณะที่อวิ๋นม่านยืนขวางอยู่เบื้องหน้าเพื่อปกป้องเขา ฉินหยางก็ไม่อาจมองเห็นได้ว่าฉินเทียนกำลังทำสิ่งใดอยู่ แม้ว่ามันจะสัมผัสได้ถึงพลังปราณอันกล้าแข็งขุมหนึ่งจนทำให้สะท้านใจ หากแต่มันก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก
ฉินเทียนเป็นเพียงสวะผู้หนึ่ง แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะฉินคุนในหนึ่งกระบวนท่าได้ก็ตาม แต่มันไม่ใช่ฉินคุน ดังนั้นมันจะไม่ยอมให้ฉินเทียนได้ทันมีโอกาศลงมือใดๆ
“นางงามน้อย ข้ามาแล้ว…” ฉินหยางแสยะยิ้มชั่วร้ายขณะตวัดกระบี่ออกไป กระบี่นี้ไม่ได้เล็งไปที่อวิ๋นม่าน หากแต่เป็นฉินเทียนที่อยู่เบื้องหลังของนาง
มันมีนิสัยระมัดระวังตัว และไม่ต้องการให้เกิดเหตุแทรกซ้อนขึ้น ดังนั้นมันจึงตัดสินใจที่จะกำจัดฉินเทียนออกไปก่อน จากนั้นจึงค่อยช่วงชิงป้ายไม้มา นี่ก็คือเป้าหมายที่แท้จริงของมัน สำหรับกับเรื่องอื่นๆ มันจะค่อยๆใช้เวลาจัดการในภายหลัง….
“อ๊าา…” อวิ๋นม่านกรีดร้องก่อนจะย่อตัวลงเอาสองมือกุมหัวคล้ายกับเด็กหญิงที่หวาดกลัว ร่างของนางสั่นเทาไม่หยุด….
ฉินหยางหัวเราะออกมาเมื่อเห็นการแสดงออกของนาง กระบี่ที่ห่อหุ้มพลังปราณจนแหลมคมอย่างที่สุด แสดงความมุ่งมั่นที่จะตัดศีรษะของฉินเทียนลงมาในกระบี่เดียว ทว่าทันใดนั้น ฉินเทียนที่เคยนั่งอยู่พลันหายตัวไป!
อะไรกัน!
จิตใจของมันพลันปั่นป่วนขึ้นมาแทนที่ด้วยความหวาดกลัว
ปัง! ปัง! ปัง!
ฉินเทียนต่อหมัดสามครั้งติดต่อกันไปที่แผ่นหลังของฉินหยาง เป็นการลอบโจมตีที่หมดจด!
ฉินหยางรับสามหมัดที่รุนแรงเข้าไป ใบหน้าของมันพลันขาวซีด ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด หากแต่เป็นเพราะคำกล่าวของฉินเทียน มองดูฉินเทียนที่อาจหาญราวมังกร น่าเกรงขามดุจพยัคฆ์แล้ว มันก็ถามออกมาอย่างโกรธแค้น “เจ้าไม่ใช่ถูกพิษแทรกซึม? ขาของเจ้า….เจ้าเพียงแสแสร้ง?”
“เจ้าไม่มีสมองคิดเองหรือ?” ฉินเทียนหัวเราะออกมาขณะใช้มือตบต้นขาที่ถูกแมงมุมพิษกัด โลหิตสีดำยังคงไหลออกมา “นี่เป็นโลหิตของสัตว์ปีศาจ เจ้าไม่ทราบจริงๆ?”
ย้อนกลับไปตอนที่ฉินเทียนกำลังตัดศีรษะของสัตว์ปีศาจ เขาได้เก็บรวบรวมโลหิตของพวกมันมาบางส่วน การกระทำนี้ แม้แต่อวิ๋นม่านก็ไม่ทันสังเกตเห็น เช่นนั้นแล้ว ฉินหยางที่หลบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้จะทราบได้อย่างไร?
ฉินหยางลอบหวั่นใจ มันไม่คาดคิดว่าจะมีบางคนลึกซึ้งชั่วร้ายกว่ามัน ดังนั้นจิตใจของมันจึงคุกรุ่นไปด้วยความโกรธ
รสชาติของการเป็นเพียงตัวหมากนั่นย่ำแย่ยิ่ง ดวงตาของฉินหยางเต็มไปด้วยความคั่งแค้นขณะหยิบเม็ดยาออกมากลืนลงไป หลังจากนั้นมันพลันชักกระบี่ฟาดฟันออกไปหลายครั้งจนก่อเป็นภาพกลีบดอกไม้พุ่งฝ่าอากาศอย่างรุนแรง
“แปดกระบี่ไร้ใจ!”
ฉินเทียนไม่กล้าที่จะมองข้ามการโจมตีนี้ มองดูแถบพลังชีวิตเหนือศีรษะของฉินหยางที่ลดลงไปครึ่งหนึ่งจากการโจมตีสามหมัดก่อนหน้าแล้ว ในตอนนี้มันได้ถูกฟื้นฟูกลับไปเต็มเปี่ยมอีกครั้งหลังจากกลืนเม็ดยาลงไป
ดูเหมือนว่าผู้คนก็ไม่ได้แตกต่างไปจากสัตว์ปีศาจ ทั้งสองต่างมีแถบพลังชีวิตเช่นเดียวกัน
“มาดูกันว่าเจ้ามีเม็ดยาอยู่มากเพียงใด” ฉินเทียนเปลี่ยนท่า ยกเท้าก้าวไปข้างหน้า กางฝ่ามือรวบรวมพลังปราณ มือทั้งสองเคลื่อนไหวหมุนเวียนจนก่อเป็นเงาภาพติดตานับไม่ถ้วน
“หาที่ตาย!” ฉินหยางแค่นเสียงเมื่อเห็นฉินเทียนต้องการจะต้านรับแปดกระบี่ไร้ใจ นี่เป็นทักษะระดับสูงของตระกูลฉิน ตัวมันก็คงไม่มีโอกาศได้ศึกษาเช่นกันหากไม่มีผู้อาวุโสมอบให้มันด้วยเมตตา
ปัจจุบัน ฉินหยางเป็นรุ่นเยาว์ของตระกูลเพียงคนเดียวที่ได้ฝึกฝนทักษะระดับสูง แปดกระบี่ไร้ใจนี้มีสภาวะดุดันแข็งกร้าว ทักษะระดับสูงยังจะเรียบง่ายหรือ?
กระบี่ในมือของฉินหยางฟาดฟันลงไป….
การโจมตีนี้ทั้งเฉียบคมและครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ผนึกการเคลื่อนไหวของฉินเทียนไม่ใช่หลบหนีรอดไปได้ สีหน้าของฉินเทียนพลันเปลี่ยนไปขณะคิดว่าเขาได้ตัดสินใจผิดพลาดไป
เคล็ดมังกรฟ้าภายในจุดตันเถียนที่เสียหายดูเหมือนจะรับรู้ได้ว่าฉินเทียนกำลังมีอันตราย มันเริ่มโคจรขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือทั้งสองของเขาราวกับค้อนหนักหลายหมื่นชั่งที่สามารถบดขยี้ทุกสิ่งที่มันกวาดฟาดไป
การโจมตีที่ถูกปล่อยออกมาเกิดเป็นเสียงระเบิดกัมปนาท ปราณกระบี่แตกกระจาย มีเสียงแตกร้าวดังออกมายามเมื่อตัวกระบี่ถูกทำลายไป
ฉินหยางไม่อาจยอมรับได้ รังสีแปดกระบี่ไร้ใจถูกทำลายโดยฝ่ามืออันเรียบง่ายของฉินเทียนไปเช่นนี้จริงๆ? มันตกตะลึงเพราะได้ทุ่มพลังปรษรเข้าไปในการโจมตีเมื่อครู่อย่างเต็มกำลังแล้ว
มันเป็นผู้ที่อยู่ในห้าลำดับแรกของผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ กระบวนท่านี้ของมันได้บรรจุความแข็งแกร่งระดับปลายของผู้ฝึกตนขั้นที่เจ็ดเอาไว้ ทว่าตอนนี้มันกลับถูกฉินเทียนทำลายไป
ไม่ได้ถูกบั่นทอน หากแต่ถูกทำลายโดยตรง มันเป็นการโจมตีปะทะโดยตรง!
ฉินหยางเพียงคิดได้อย่างเดียวเท่านั้น มันต้องลงมือตอบโต้กลับไป มันต้องการจะกำจัดฉินเทียนให้ได้ก่อนที่ฉินเทียนจะจัดการมัน มิเช่นนั้นมันคงไม่อาจกล้ำกลืนความอับอายลงไปได้
ฉินหยางไม่ใช่คนเขลา มันทราบว่าตนจะต้องใช้เวลานับชั่วโมงเพื่อฟื้นฟูพลังปราณที่ทุ่มโจมตีออกไปก่อนหน้า ฉินหยางจ้องมองฉินเทียน ตอนนี้มันทราบแล้วว่ามันไม่ใช่คู่มือของฉินเทียน
เมื่อฉินหยางหันไปมองอวิ๋นม่านที่ยังคงนั่งกุมศีรษะสั่นเทิ้มอยู่ มันก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา ฉินหยางยกกระบี่จ้วงแทงไปยังอวิ๋นม่าน
ฉินหยางไม่ใส่ใจพลังปราณที่แข็งแกร่งเบื้องหลัง มันหัวเราะออกมา “บิดาผู้นี้จะให้นางตกตายไปก่อน…”
ฉินเทียนเดือดดาลขึ้นมา ชีวิตของอวิ๋นม่านกำลังตกอยุ่ในช่วงคับขัน หากว่ากระบี่ของฉินหยางไปถึงนาง ศีรษะของนางคงต้องถูกฟันลงมาแล้ว
ในช่วงที่กำลังวิตกอยู่นั้น ฉินเทียนไม่ทราบว่าควรทำอย่างไร ในอกของเขาร้อนรุ่ม ขณะครุ่นคิดหาทางอย่างรวดเร็ว
“เข้ามาสิ บิดาลงมือโดยไม่แยกแยะเพศอยู่แล้ว ฮ่าฮ่า….” ฉินหยางหัวเราะอย่างวิปลาส สองตาของมันเบิกโพรงจนแทบจะถลนออกมาอย่างน่ากลัว
“อวิ๋นม่าน มีอสรพิษอยู่ด้านหลังเจ้า!” ฉินเทียนทราบว่าไม่ทันการณ์แล้ว ท่ามกลางความสิ้นหวัง เขาพลันนึกได้ว่าอวิ๋นม่านนั้นกลัวอสรพิษ โดยไม่คำนึงให้มากความ เขาตะโกนออกไปทันที
“มันอยู่ไหน?” อวิ๋นม่านเบิกตากลมกว้าง เมื่อเห็นว่าฉินหยางกำลังพุ่งเข้ามา นางก็กรีดร้องและยิงผ้าแพรออกจากแขนเสื้อ
ฉินหยางตกตะลึง ผ้าแพรนี้คมกริบดุจกระบี่ ผ้าทั้งสองผืนแทงเข้าไปในไหล่ทั้งสองข้างของมัน มันไม่มีแม้แต่โอกาสจะหลบหลีก
ฉูด!
ผ้าแพรได้แทงเข้าไปในแขนของมันจนโลหิตพุ่งกระฉูด
“อ๊าาาาาาาา!…” อวิ๋นม่านกรีดร้องและดึงผ้าแพรกลับมา มันเป็นเพียงการตอบสนองไปตามสัญชาตญาณเมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย มิเช่นนั้นนางคงไม่กล้าลงมือ
มองดูโลหิตที่ฉีดพุ่งออกจากไหล่ทั้งสองข้างของฉินหยางแล้ว นางตื่นตระหนกขณะที่รู้สึกร่างกายเบาโหวงราวกับปุยเมฆ ก่อเกิดเป็นอารมณ์อันซับซ้อน สมองของนางขาวโพลน ทัศนวิสัยที่เบื้องหน้ายิ่งมายิ่งเลือนลาง
ฉินหยางหน้าซีดเผือดขณะที่พยายามข่มกลั้นความเจ็บปวด มันรวบรวมพลังปราณที่เหลืออยู่โคจรพุ่งเข้าป่าไป
ฉินเทียนต้องการจะไล่ตามไป หากแต่ทำได้เพียงเหม่อมอง อวิ๋นม่านได้เป็นลมไปอีกแล้ว…..