ตอนที่ 68ล้มเลิกความคิดไปได้เลย

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

บทที่68ล้มเลิกความคิดไปได้เลย

ตอนที่เสียงนุ่มทุ้มของคุณพ่อเอ่ยถาม ในที่สุดมู่เทียนซิงก็เชื่อคำพูดนั้นของท่าน

ไม่มีใครรู้เรื่องเรื่องลูกสาวตัวเองดีกว่าพ่อ

ดวงตาแววใสของเธอคู่นั้นก็กลายเป็นท้อแท้ ไม่กล้ามองกลับไป แต่ก็ไม่พูดอะไร

มู่อี้เจ๋อรออยู่แป๊บหนึ่ง เห็นว่าเธอไม่พูดก็ถอนหายใจ “เรื่องบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของผู้หญิง น่าจะเป็นแม่มาคุยกับลูก แต่ว่าแม่ของลูกชอบตีตนไปก่อนไข้ ไม่เหมือนพ่อที่พอจะใจเย็นบ้าง เพราะฉะนั้นพ่อเลยลองมาถามลูกก่อน เทียนซิง พ่อเป็นพ่อของลูก เป็นคนที่ใกล้ชิดกับลูกมากที่สุด ลูกมีเรื่องอะไรก็พูดกับพ่อได้ พ่อจะช่วยลูกดู”

มู่เทียนซิงกัดริมฝีปากล่าง เธอลังเลเล็กน้อย “พ่อ ขาของซือซ่าวมีความรู้สึก บางทีเขาอาจจะยืนขึ้นมาได้ในเร็วๆนี้ก็ได้”

 

ภายในห้องไม่มีเสียงตอบรับ

 

เรื่องที่มู่อี้เจ๋อเคยกังวลในที่สุดก็เกิดขึ้น

เขาพยายามคิดแล้วคิดอีก แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าจะบอกตัวเองยังไง

เขาลุกขึ้นยืน เดินไปหาลูกสาว “เทียนซิงเอ๋ย ลูกเป็นที่ภูมิใจของพ่อกับแม่มาตลอด เรื่องอื่นพ่อไม่พูดแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงก็ตามแม่ของลูก เธอรับไม่ได้จริงๆ ดังนั้นลูกพยายามคิดเรื่องเสี่ยวหลงจะดีกว่านะ”

 

“คุณพ่อ!” เธอเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลมารวมอยู่ที่ขอบตา

พูดแบบนี้ หมายความว่า เรื่องเธอกับหลิงเล่ไม่มีทางเป็นไปได้!

ถึงตอนนี้ เรื่องที่เธอกังวลมากที่สุดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว

มู่อี้เจ๋อพูดด้วยความหวังดีจากส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจ “เรื่องของซือซ่าวไม่ง่าย พ่อก็อยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว ก็มองเด็กคนนี้ไม่ออก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ขาทั้งสองข้างของเขายืนไม่ได้ ต่อให้เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แข็งแรง ปกติดีทุกอย่าง ลูกแต่งกับเขา พ่อก็วางใจไม่ได้ เรารู้ที่มาที่ไปของตระกูลเมิ่ง เสี่ยวหลงเองก็มีแค่ลูกมาคนเดียวตลอด ทำไมลูกถึงไม่มองความสุขรอบตัว ทำไมถึงต้องพาตัวเองไปอยู่กับหนามแหลมคม?”

“คุณพ่อ~”

“เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีกแล้ว! เรื่องงานหมั้นของลูกกับเสี่ยวหลงจะจัดขึ้นสิ้นเดือนหน้า รายละเอียดพ่อจะไปคุยกับเหล่าเมิ่งอีกครั้งนึง”

“คุณพ่อ! คุณอาไม่ใช่คนใบ้นะคะ เรื่องนี้หนูเคยบอกพ่อไปตั้งนานแล้ว เรื่องขาของเขามันยังพอมีหวัง เขาจะเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป ก็แค่มันต้องใช้เวลา! อีกอย่าง เขาไม่ใช่คนที่ซับซ้อนอะไร เขาก็แค่เด็กที่โดนทิ้ง แค่มีกิจการเอาไว้เลี้ยงปากท้องตัวเอง ก็แค่นี้เองค่ะ!”

“เทียนซิง! ลูกเคยเห็นใครที่มีกิจการเล็กๆแล้วสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งคฤหาสน์จื่อเวยงั้นหรอ?”

“หนู”

 

อยู่ๆเทียนซิงก็นิ่งค้าง

ในตอนนี้ เธอเพิ่งพบว่า จริงๆแล้วเธอไม่ได้รู้จักหลิงเล่เลยแม้แต่น้อย

มู่อี้เจ๋อพูดต่อ “ช่วงนี้ที่ลูกไม่อยู่บ้าน พ่อไปถามคนอื่นมาหมดแล้ว ซือซ่าวไม่ได้ถือหุ้นอะไรของบริษัทหลินหวินกรุ๊ปเลย! นอกจากวิลล่าหลังหนึ่ง หลิงหยวนก็ไม่ได้ให้อะไรกับซือซ่าวอีก ค่าใช้จ่ายของซือซ่าวก็ได้มาจากการที่หลิงหยวนโอนอั่งเปาเขาปีละครั้ง แต่ว่าเงินแค่นั้น มันยังน้อยกว่ารายจ่ายต่อปีของคฤหาสน์จื่อเวยเสียอีก!”

 

“แต่ว่า ต่อให้เป็นแบบนี้ก็ไม่สามารถพูดว่าเขาเป็นคนที่ลึกลับได้นี่คะ ไม่มีใครให้พึ่งตั้งแต่เด็ก โดนบีบบังคับจนอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางออก ทำไมเขาจะสร้างเนื้อสร้างตัวจนเลี้ยงคนได้ทั้งคฤหาสน์ไม่ได้? เพราะเรื่องนี้พ่อก็เลยมีอคติต่อเขา อย่างนี้มันไม่ยุติธรรม!”

 

มู่เทียนซิงเปิดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นมายืน ตั้งแต่เกิดมาเธอทะเลาะกับมู่อี้เจ๋อแค่มือคู่เดียวก็นับได้

เรื่องงานของคุณอา เธออาจจะไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

แต่ว่าเรื่องความจริงใจของคุณอา เธอไม่เคยสงสัย!

“คุณพ่อ เขาจริงใจกับหนูจริงๆค่ะ คนทั้งโลกหันหลังให้กับเขา ถ้าเกิดหนูก็ทำแบบนั้นอีกคน เขาคงต้องแย่แน่ๆ!” 

“ลูกยังใสซื่อเกินไป! ผู้ชายแบบซือซ่าว แค่ขาดผู้หญิงไปคนเดียวถึงกับแย่? ลูกนี่มัน ลูกนี่มันโง่จนไม่รู้จะโง่ยังไงแล้ว!”

“คุณพ่อ!”

“ไม่ต้องพูดแล้ว!”

มู่เทียนซิงยังไม่ยอมแพ้ แต่ว่ามู่อี้เจ๋อใช้ท่าทางเด็ดขาดกับเธอ “ถ้าลูกไม่ชอบเสี่ยวหลง แล้วก็ไม่มีทางชอบคนอื่นแล้ว พ่อก็คิดว่าพ่อจะไม่บังคับลูก ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ รอให้ทั้งลูกกับเสี่ยวหลงโตกว่านี้ค่อยว่ากันอีกที! แต่ว่าตอนนี้ มู่เทียนซิง พ่อขอบอกลูกอีกครั้ง ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ให้ลูกล้มเลิกความคิดที่จะคบกับซือซ่าวไปได้เลย มิเช่นนั้น ลูกก็ออกจากบ้านหลังนี้ไปเลย! พ่อกับแม่ของลูกยังหนุ่มยังสาว ยังมีลูกได้อีกหนึ่งคน! พวกเราก็แค่ทำเหมือนไม่เคยมีลูกสาวแบบลูก!”

“ฮือๆ ฮึก~!”

มู่เทียนซิงร้องไห้สะอึกสะอื้น 

แค่เธอร้องไห้ มู่อี้เจ๋อก็ปวดใจ 

เขาปิดตา แล้วก็หันหลัง พูดเสียงอ่อน “เตรียมตัวเรื่องงานหมั้นเอาไว้ให้ดี มีไอเดียอะไรก็ไปคุยกับแม่ ตระกูลมู่ของเรากับตระกูลเมิ่งไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ มีอะไรที่อยากได้ก็ขอให้บอก พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะทำให้ลูกพอใจ!”

 

ตอนที่มู่อี้เจ๋อเปิดประตู ก็เห็นเมิ่งเสี่ยวหลงยืนอยู่หน้าประตูห้อง

ดวงตาคู่นั้น จับจ้องอยู่ที่เงาของร่างเล็กๆที่นั่งอยู่บนพื้นข้างเตียง 

มู่อี้เจ๋อตบบ่าเขาอย่างรู้สึกอายๆ “เสี่ยวหลง นายก็อย่าคิดมากไปเลยนะ เทียนซิงเธอยังเด็กเกินไป โดนคนหลอกได้ง่าย แต่ว่าขอแค่พวกเราไม่ทิ้งเธอ รีบดึงเธอกลับมาในทันทีก็ไม่มีอะไรแล้ว”

“คุณลุงมู่ ตอนนี้เธออยู่ในสภาพนี้ ไม่เหมาะที่จะหมั้นกันหรอกครับ พวกเราอย่าไปบังคับเธอเลย”

“ไม่ได้! ยังไงก็ต้องหมั้น! ถอยไม่ได้แล้ว!” 

มู่อี้เจ๋อพูดจบ ก็แข็งใจไม่หันกลับไปมองลูกสาวที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย แล้วก็รีบเดินจากไป! 

มู่เทียนซิงร้องไห้โฮ เมิ่งเสี่ยวหลงเดินเข้ามาในห้องเงียบๆ รินน้ำพุทราให้เธอแล้วเอาไปวางไว้ตรงหัวเตียง แถมยังไปยกน้ำร้อนมาให้เธออีกอ่างหนึ่ง บิดผ้าขนหนูลงไปแล้วส่งให้เธอ

เธอร้องไห้เหมือนฟ้าจะถล่ม ไม่สนใจใครทั้งนั้น 

เมิ่งเสี่ยวหลงไม่เคยรู้ ว่าเธอเองก็สามารถเสียใจเพราะผู้ชายอีกคนได้มากขนาดนี้

เทียนซิงของเขาโตแล้ว ภายในใจก็ไม่มีเขาอยู่ในนั้นอีกแล้ว 

พยายามเช็ดหน้า เช็ดมือให้เธอ แต่เธอก็ยังร้องไห้เหมือนกับเด็ก 

เขาผลักอ่างล้างหน้าออกไป ตอนที่เขาออกมาจากห้องของเธอ ยืนอยู่ที่หน้าประตู พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เทียนซิง ฉันจะทำดีกับเธอ!”  

หลังจากที่เมิ่งเสี่ยวหลงออกไป เธอยังคงร้องไห้อยู่

เหมือนกับโลกล่มสลาย ในหัวเธอคิดออกแต่ความคิดแบบนี้ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าพอถึงจุดนี้จริงๆ หัวใจมันจะเจ็บได้ขนาดนี้

โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างหมอนสว่างขึ้น

มีคนโทรมา เป็นหลิงเล่

เธอรับสาย แนบเอาไว้ข้างหู เมื่อกี้ร้องไห้หนักไปจนตอนนี้หายใจหอบ เวลาพูดลิ้นก็พันกันไปหมด

“คุณ คุณ คุณอา ฮึกฮึก~ ฮึกฮึก~”

 

หลิงเล่เงียบ

อยู่ๆสายก็โดนตัด

 

มู่เทียนซิงไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย เธอถือโทรศัพท์แล้วก็เริ่มร้องไห้ต่อ

ไม่เกินสองนาที เบอร์ของหลิงเล่ก็โทรเข้ามาอีกครั้ง ครั้งนี้ ไม่รอให้เธอได้พูดอะไร เขาก็รีบชิงพูดขึ้นเสียก่อน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ฮึกฮึก~ ฉัน~ ฮึกฮึก~ คุณอา ฮึกฮึก~”

 

มู่เทียนซิงสะอื้นจนพูดออกมาไม่เป็นคำ

คุณพ่อไม่เห็นด้วย ให้เธอเลือกระหว่างครอบครัวกับเขา คำตอบของเธอมันมีอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าตอนนี้ไม่ว่ายังไงก็พูดไม่ได้

เขาไม่ถามอะไรต่อ แต่ก็ไม่ได้วางสาย กลับนั่งฟังเธอร้องไห้เงียบๆ

อีกพักใหญ่ เสียงร้องไห้เริ่มเงียบลง เสียงสะอื้นก็เริ่มจะหยุด เขาถึงได้พูดขึ้นช้า “เทียนซิง มาข้างๆหน้าต่างสิ”