ถูกขังเดี่ยวในคุกมืดเป็นเวลา 20 ปีที่ไร้ซึ่งแสงตะวัน…

 

 มันเกินกว่าที่อินกองจะคิดจินตนาการได้

 

 หากเขาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เขาไม่อาจคาดเดาความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น

 

 ความรู้สึกแง่ลบหลากหลาย

 

 จริงอยู่ที่พลังแห่งทุพภิกขภัยมีส่วนในการเปลี่ยนลมปราณของจีราดจนกลายเป็นสีดำ แต่สาเหตุที่แท้ที่จริงมาจากจิตใจของตัวจีราด ความอาฆาตแค้นที่สะสมมานานถึงยี่สิบปีผันให้ลมปราณของจีราดเข้าสู่ความมืด

 

 การโจมตีเพียงครั้งเดียวของจีราดส่งให้ทหารลอยสะเปะสะปะ นั่นทำให้คริสต์เข้าใจในทันที

 

 ทหารทั่วไปไม่สามารถรับมือกับจีราดได้แน่นอน ยิ่งเมื่อคิดถึงไอพลังสีดำอันแปลกประหลาดเหล่านั้นแล้ว แทนที่จะเรียกว่าอ่อนแอ อาจเรียกได้ว่าจีราดแข็งแกร่งขึ้น

 

 อาจจะเสี่ยงไปบ้าง แต่คริสต์เลือกที่จะบุกเข้าไปด้วยตนเองแทนที่จะส่งทหารไปเป็นเครื่องสังเวย

 

 คริสต์กระโจนเข้าปะทะกับจีราดซึ่งหน้า ส่วนเคทลินก็อาศัยช่องโหว่ที่เกิดขึ้นอ้อมไปด้านหลังจีราด

 

 การโจมตีประสานหน้าหลังไม่ใช่อะไรที่ใครก็สามารถจะทำได้ ทั้งคู่ต้องรู้จังหวะลมหายใจและจังหวะโจมตีอย่างแม่นยำ หากคู่ประสานจังหวะไม่เข้ากัน การโจมตีย่อมไม่สามารถสร้างความกดดันให้ศัตรูได้

 

 แน่นอนว่าการโจมตีประสานของคริสต์และเคทลินเรียกได้ว่าลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ จนอาจเรียกได้ว่า ‘สองกายใจหนึ่งเดียว’

 

 ทว่าจีราดกลับไม่มีที่ท่าหวั่นเกรงแต่อย่างใด สมกับที่เคยได้ชื่อว่าเป็นไลแคนโทรปที่เก่งกาจที่สุดเมื่อยี่สิบปีก่อน เขารับมือกับสองพี่น้องได้อย่างคล่องแคล่ว ราวกับทั้งสามกำลังร่วมเต้นรำอยู่ก็ไม่ปาน

 

 ทหารไลแคนโทรปต่างไม่กล้าเข้าไปแทรกการต่อสู้อันดุเดือดตรงหน้า แม้แต่เฟลิซีที่รวบรวมพลังเวทเสร็จเรียบร้อยก็ไม่กล้าใช้เวทมนตร์เข้าโจมตี

 

 อินกองสงบสติอารมณ์วิเคราะห์การต่อสู้ตรงหน้า แม้เขาจะประมือกับเคทลินได้อย่างสูสี แต่หากเขาเข้าร่วมการต่อสู้นี้ ก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงให้จังหวะโจมตีประสานของสองพี่น้องเสียหาย

 

‘พลังแห่งทุพภิกขภัย’

 

 จีราดกลืนกินพลังชีวิตของทหารไลแคนโทรป เมื่อพลังชีวิตถูกดูดไป ไอพลังสีดำก็รุนแรงขึ้นอย่างชัดเจน

 

‘ต้องสัมผัสโดยตรง’

 

 แต่นอกจากการสัมผัสแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาเล็กน้อย แล้วก็คำพูด ‘เดรน’ ที่ราวกับเป็นคำสั่งอีก บางทีการทำงานของพลังนี้อาจไม่ต่างจากการ ‘ครอบงำ’ ด้วยพลังแห่งอาณัติของอินกอง

 

 อาชาแห่งทุพภิกขภัย

 

 เมื่อคิดดูแล้ว ก็อาจเรียกได้ว่าจีราดสืบทอดพลังมาจากบุรุษชุดดำ ที่อินกองเห็นจารึกภาพบนแผ่นกระดานหิน

 

 แต่ไม่ใช่ว่าบุคคลทั้งสี่อยู่ฝ่ายเดียวกันหรอกหรือ? หรือทั้งสี่ต่างเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน? หรือบางที อาณัติอาจจะถูกทั้งสามทอดทิ้ง?

 

“ใต้ร่มเงากษัตริย์!”

 

 อินกองหยุดความคิดของเขาแล้วใช้พลังแห่งอาณัติ ในทันทีที่มีดดวอฟถูกปักลงกับพื้น ไอพลังสีขาวก็แผ่ขยายเข้าคลุมร่างของคริสต์และเคทลิน

 

 การเคลื่อนไหวของคริสต์ เคทลิน และจีราดเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน

 

 การสนับสนุนอย่างกระทันหันทำให้คริสต์และเคทลินแปลกใจเล็กน้อย แต่ทั้งคู่ก็ปรับตัวเข้ากับพลังที่ได้รับอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเริ่มไล่ต้อนจีราดจนมุม

 

 จีราดจ้องสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนเขาจะหันมาจ้องเขม็งที่อินกองพร้อมไอพลังสีดำที่ลุกโชน

 

‘อาชาแห่งอาณัติ’

 

 จีราดไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่อินกองกลับได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน ทั้งทีเสียงจากการต่อสู้ควรจะดังจนกลบเสียงอื่นจนหมดสิ้น

 

 นักสู้ทั้งสามกระหน่ำซัดรุนแรงขึ้น

 

 ทันใดนั้นจีราดที่ดูเสียเปรียบก็หัวเราะ พร้อมปลดปล่อยพลังแห่งทุพภิกขภัยที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมออกมา

 

 แม้จะกระทันหันแต่รูปร่างของไอพลังสีดำสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน โซ่ตรวนสีดำผนึกการเคลื่อนไหวของคริสต์และเคทลิน

 

 คริสต์เค้นลมปราณออกมาอย่างรุนแรงจนโซ่เหล่านั้นแหลกสลาย ทว่าเคทลินไม่สามารถทำในสิ่งที่พี่ชายของนางทำได้ การเคลื่อนไหวของนางหยุดชะงัก และนั่นไม่หลุดรอดสายตาของจีราด

 

 คริสต์พุ่งเข้าโจมตีจีราดเพื่อพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ แต่จีราดกลับจงใจรับการโจมตีนั้น โดยอาศัยแรงกระแทกส่งตัวเข้าหาเคทลินได้ไวขึ้น แขนซ้ายของจีราดเงื้อออกไปหาเคทลินราวกับอสรพิษ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คริสต์นัยน์ตาเบิกกว้าง ฝ่ามือของจีราดสัมผัสกับท้องของเคทลิน นั่นเป็นจุดพลิกผัน

 

“เคทลิน!”

 

 เฟลิซีกรีดร้องออกมา ร่างของเคทลินลอยกระเด็นตามด้วยละอองน้ำสีแดง ส่วนคริสต์ก็พุ่งกระโจนเข้าโจมตีจีราดอย่างคลุ้มคลั่ง

 

 แต่จีราดไม่รอรับการโจมตีจากคริสต์ เขาส่งพลังไปที่เท้าแล้วกระโดดพุ่งเข้าตามเคทลิน ฝ่ามือของจีราดสัมผัสกับท้องของเคทลินอีกครั้งอย่างรวดเร็วราวดุจสายฟ้า!

 

บรึ้ม!

 

 เคทลินถูกอัดกระแทกลงกับพื้น เลือดจำนวนมากสาดกระเซ็นพร้อมกับเสียงร้องอันโหยหวน

 

 การโจมตีของจีราดยังไม่จบ จีราดทิ้งเข่าซัดใส่เคทลินที่นอนจมกองเลือด เลือดสีแดงฉานกระเซ็นออกมาอีกครั้ง เคทลินกระอักเลือดนอนแน่นิ่ง คริสต์คำรามร้องออกมาอย่างจนตรอก

 

 จีราดหันไปชำเลืองมองคริสต์แล้วใช้มือขว้างร่างของเคทลินออกไป

 

 หากแต่สติของคริสต์ได้หายไปแล้ว แทนที่จะรับร่างของเคทลินไว้ คริสต์พุ่งตัวเข้าหาจีราดทั้งน้ำตา ร่างโชกเลือกของเคทลินกลิ้งไปตามพื้นระหว่างที่การต่อสู้ของคริสต์กับจีราดดำเนินต่ออีกครั้ง

 

 ลมปราณสีน้ำเงินและดำปะทะกันระเบิดออกเสียงดังสนั่น ผืนดินที่รับแรงระเบิดไม่ไหวแตกออกเป็นหลุม

 

 เฟลิซีวิ่งเข้าสมรภูมิเสี่ยงตายเพื่อนำร่างของเคทลินกลับมา คารัคและเซร่าตามออกมาคุ้มกันนางโดยมีไวท์อีเกิ้ลบินออกมาพร้อมทั้งสอง

 

 เสียงการต่อสู้หยุดลงพร้อมกับร่างของคริสต์ที่เต็มไปด้วยบาดแผล แต่ร่างของจีราดก็เช่นกัน นี่เป็นผลจากการที่ทั้งสองทุ่มพลังเข้าห้ำหั่นโดยไม่คิดป้องกัน

 

 คริสต์คำรามออกพร้อมเหวี่ยงหมัดใส่ศัตรูตรงหน้า ทว่าจีราดไม่มีทีท่าจะหลบอย่างใด นั่นเพราะเขายังเหลือไพ่ตายอีกหนึ่ง

 

 ร่างสัตว์สมิง  

 

 พลังที่แท้จริงของไลแคนโทรป

 

 ร่างกายท่อนบนของจีราดพองขึ้นพร้อมเสียงหอนของหมาป่าที่ดังออกจากปาก

 

 คริสต์และจีราดแลกหมัดกันอย่างดิบเถื่อน การต่อสู้ของทั้งสองในตอนนี้ไม่ต่างจากมวยวัด

 

 ผืนดินสนั่นในทุกครั้งที่ทั้งสองแลกหมัด ลมปราณที่แฝงในการโจมตีของทั้งสองฉีกกระชากสภาพแวดล้อมรอบตัว

 

 เวลาผ่านไปได้เพียงหนึ่งนาที แต่ราวกับเวลาได้ผ่านไปหลายร้อยนาทีสำหรับทั้งสอง ผู้ที่ล้มลงกองก็คือคริสต์ กระดูกเข่าทั้งสองแหลกละเอียด ลมปราณลุกโชนอย่างแปรปรวน ดั่งเปลวเทียนสุดท้ายก่อนจะดับสิ้น

 ธาตุไฟเข้าแทรก

 

 มือของจีราดเอื้อมมาคว้าหัวของคริสต์เอาไว้ แน่นอนว่าสภาพของจีราดก็ไม่ได้ต่างไปจากคริสต์ แต่ที่จีราดมีเหลือมากกว่าคริสต์ก็คือความอึด

 

 จีราดจ้องมองคริสต์ด้วยใบหน้าแสยะยิ้ม ก่อนเขาจะเรียกใช้พลังแห่งทุพภิกขภัย!

 

 กระสุนสังหาร!

 

 ขณะที่ทุกชีวิตรอบข้างเฝ้ามองจุดจบของการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัว อินกองก็ยิงลมปราณออกมา

 

 ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้น สมาธิของอินกองก็จดจ่อไปที่จีราด หลังจากที่ลมปราณของคริสต์อ่อนลง จีราดก็เผยช่องโหว่ออกมา ระหว่างที่จีราดกำลังหยิ่งผยองในชัยชนะ อินกองก็โจมตี

 

 กระสุนลมปราณพุ่งแหวกอากาศอย่างรวดเร็ว อินกองเล็งไปที่อกของจีราดและมั่นใจว่าเข้าเป้าแน่นอน แต่จีราดที่รับรู้ได้ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายพยายามบิดตัวหลบ กระสุนลมปราณพุ่งทะลุเข้าที่ไหล่ซ้าย จีราดตัวลอยกระเด็นไปตามแรงอัด

 

 จีราดจ้องเขม็งมาที่อินกอง และอินกองก็จ้องกลับไปเช่นกัน นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น แม้จะพลาดเป้าไปเล็กน้อยแต่กระสุนสังหารก็ยิงโดนจีราด นี่เป็นโอกาสอันดีของอินกอง

 

 หลังจากทั้งคู่สบตากัน อินกองก็ใช้ทักษะโลหิตมังกร เสียงคำรามจากพสุธากัมปนาทดังขึ้น แล้วอินกองก็กระโดดเข้าต่อสู้

 

 หากเทียบแค่เชิงวิทยายุทธแล้ว จีราดเหนือกว่าอินกองอยู่หลายขุมนัก

 

 ทว่าจีราดเหนื่อยอ่อนจากการต่อสู้กับคริสต์ แล้วยังจะถูกลอบโจมตีโดยกระสุนสังหารอีก

 

 นี่จึงเป็นโอกาสเดียวของอินกอง หากพลาดโอกาสนี้ไป อินกองไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

 

 กระสุนสังหารทะลุไหล่ซ้ายของจีราด และอินกองก็อาศัยจุดอ่อนนั้น ลมปราณสีขาวและดำเข้าปะทะกัน เสียงระเบิดจากการต่อสู้ดังขึ้นอีกครั้ง

 

 พลังของฑูตโลกาวินาศทั้งสองเข้าห้ำหั่นกัน พลังแห่งอาณัติถูกหักล้างด้วยพลังแห่งทุพภิกขภัย

 

 เดเลียและเหล่าไลแคนโทรปนำตัวคริสต์ออกมาปกป้องข้างเคทลิน โดยมีเฟลิซีใช้เวทมนตร์รักษาทั้งสอง ไลแคนโทรปที่เหลือต่างเริ่มล้อมวงจีราดอีกครั้ง

 

 สำหรับจีราดแล้ว อินกองไม่ต่างไปจากท่อนซุงขวางทาง หากไม่ใช่เพราะอินกองทุกอย่างคงจบลงในตอนที่เขาล้มคริสต์ลงได้แล้ว แม้จะมีทหารไลแคนโทรปล้อมอยู่จำนวนมาก แต่พวกนั้นก็เปรียบเสมือนแหล่งอาหารของเขาเท่านั้น

 

 อาชาแห่งอาณัติ… อาณัติ!

 

 ความโกรธพุ่งปะทุขึ้น หากแต่นี่ไม่ใช่ความโกรธของจีราด ทุพภิกขภัยกำลังโกรธเกรี้ยว แค่เพียงแสดงความโกรธออกมาผ่านร่างที่ชื่อว่าจีราดเท่านั้น

 

บรึ้ม!

 

 ลมปราณของอินกองระเบิดออกอีกครั้งแต่ในครั้งนี้บางอย่างเปลี่ยนไป แขนขวาของจีราดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และกว่าอินกองจะรู้ตัว ฝ่ามือของจีราดก็สัมผัสกับท้องของเขาเสียแล้ว

 

 วิชาที่ล้มเคทลิน

 

 วิชาลับของเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพ อิเนีย

 พยายามค้นแล้วว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่สุดท้ายก็ทับศัพท์ตามเสียงอ่านไป Σ(°△°|||)︴คาดว่าเป็น innere หรือ internal แต่อ่านแบบเกาหลี ?

 

 ลมปราณรูปร่างหมาป่าที่พุ่งเข้าแฝงกายศัตรูก่อนจะระเบิดทำลายจากภายใน

 

 แน่นอนว่าร่างของอินกองระเบิดออก อินกองกระอักเลือดออกมาเช่นเดียวกับเคทลิน

 

 หากแต่ร่างของอินกองไม่ลอยกระเด็น นั่นเพราะไวท์อีเกิ้ลกางปีกค้ำหลังเขาไว้ อินกองกัดฟันแล้วเงยหน้าขึ้นมา

 

 จีราดจ้องมองอินกองอย่างเหลือเชื่อ และในขณะนั้นเอง ดาฟเน่ก็ร่ายพรให้กับอินกอง

 

“วิญญาณประทับ!”

 

 พรยังไม่สมบูรณ์พร้อมในทันที และเขาก็ไม่มีเวลาจนพรแสดงผลสมบูรณ์ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ถึงกระนั้นภูติที่เข้าสิงร่างก็ช่วยฟื้นคืนกำลังให้อินกองสามารถทำอะไรเล็กน้อยได้

 

 เพราะอินกองไม่กระเด็นออกไปทำให้เขายังอยู่ประชิดตัวกับจีราด อินกองเงื้อมือออกไปสัมผัสท้องของไลแคนโทรปตรงหน้า

 

 เนื่องจากเขาเพิ่งจะเรียนรู้ มันจึงเป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น

 

 ทว่า เท่านั้นก็เกินพอ

 

 เคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพ – อิเนีย

 

 ทันทีที่จีราดเห็นอินกองใช้เคล็ดลมปราณ เขาก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ แต่ฝ่ามือของอินกองยังไม่หยุดเคลื่อนที่ อินกองเลื่อนฝ่ามือของเขาขึ้นมาสัมผัสอกจีราด!

 

 เกิดการระเบิดขึ้นอีกครั้ง…

 

 ที่ต่างไปจากเดิมคือนี่ไม่ใช่เคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพ แต่เป็นเคล็ดไอศวรรย์ราชันสุร!

 

 ลมปราณหมาป่าสีขาวระเบิดปะทุออกจากอกของจีราด!