บทที่ 409 หลี่จิ่วเต้า ‘นี่เอาวัวมาให้ข้าหรือนี่!’

รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人

บทที่ 409 หลี่จิ่วเต้า ‘นี่เอาวัวมาให้ข้าหรือนี่!’

หลิงอินกับเสี่ยวหยาพาอสูรฟ้าชิงหนิวสี่ตัวกลับมายังเมืองชิงซาน

ทั้งที่ยังห่างจากเมืองชิงซานอยู่ไกลโข ทั้งสองก็ร่อนลงจากท้องฟ้า และสั่งให้อสูรฟ้าชิงหนิวสี่ตัวลงมาด้วย

เกิดอะไรขึ้น?

ถึงที่หมายแล้วหรือ?

อสูรฟ้าชิงหนิวสี่ตัวหันมองรอบ ๆ ไม่เห็นรู้สึกว่าที่นี่วิเศษวิโสแต่อย่างใด

ยามพาพวกมันมานี่ หลิงอินกล่าวว่าจะพาพวกมันไปยังที่ที่เยี่ยมยอดยิ่งกว่าภพเซียน ทว่าที่นี่กลับไม่เห็นมีอันใด มีเพียงเมืองปุถุชนแห่งหนึ่งไกล ๆ เท่านั้น

“พวกเราต้องเดินเท้าเข้าเมืองชิงซาน เพื่อแสดงความเคารพ”

หลิงอินบอกกับอสูรฟ้าชิงหนิวทั้งสี่ตัว

“…”

หลังอสูรฟ้าชิงหนิวทั้งสี่ตัวได้ยินคำกล่าวของหลิงอินแล้ว แต่ละตัวล้วนรู้สึกระอา

เรื่องบ้ากระไร เมืองปุถุชนธรรมดาแห่งหนึ่งมีสิ่งใดควรค่าแก่การเคารพ!?

“ด้านในมีผู้ยิ่งใหญ่ที่พวกเจ้าจินตนาการไม่ออกประทับอยู่!”

หลิงอินรู้ว่าอสูรฟ้าชิงหนิวสี่ตัวนี้คิดสิ่งใดอยู่ นางกล่าว “ผู้ที่ข้าจะพาพวกเจ้าไปพบก็คืออาวุโสผู้นี้ อาวุโสผู้นี้ท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน…”

นางสาธยายถึงข้อห้ามของท่านเซียน สั่งให้อสูรฟ้าชิงหนิวสี่ตัวนี้เก็บงำพลังปราณ อย่าได้ฝ่าฝืนข้อห้ามของท่านเซียนโดยเด็ดขาด จนทำให้ท่านเซียนไม่พอใจ

ลูกวัวน้อยเพิ่งถือกำเนิดได้ไม่นาน ทว่าเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวนั้นมีสายเลือดสูงส่ง ลูกวัวน้อยนั้นรู้ความนานแล้ว และสามารถเข้าใจในสิ่งที่หลิงอินบอกได้

“เช่นนี้หรอกหรือ”

“ได้!”

อสูรฟ้าชิงหนิวสี่ตัวทำตามคำกล่าวหลิงอิน เก็บงำพลังปราณ ซ้ำยังเปลี่ยนร่างวัวของพวกเขาให้หดเล็กลง ดูไม่ต่างจากวัวธรรมดาเท่าใด

ร่างดั้งเดิมของพวกเขาใหญ่เกินไป ประหนึ่งภูเขาลูกเล็ก ไม่ย่อส่วนคงมิได้

“จำไว้ นี่คือวาสนาการเปลี่ยนแปลงสูงสุดของพวกเจ้า พวกเจ้าอย่าทำพังเด็ดขาด!”

หลิงอินกำชับอีกรอบ แล้วเดินนำทางด้านหน้ากับเสี่ยวหยา มุ่งหน้าไปที่เมืองชิงซาน

เมื่อมาถึงริมลำธารนอกเมืองชิงซาน หลิงอินชะงัก เอ่ยกับต้นหลิวและก้อนหิน “สวัสดีทั้งสองท่าน”

ท่าทีของหลิงอินชวนให้อสูรฟ้าชิงหนิวสี่ตัวจับต้นชนปลายไม่ถูก

ไฉนถึงทักทายต้นหลิวและก้อนหินธรรมดาริมลำธาร?

ขอบเขตพลังของพวกมันสูงส่ง ตนหนึ่งเป็นชิงหนิวจ้าวสูงสุดเฒ่า ตนหนึ่งเป็นชิงหนิวราชันนักบุญ ขอบเขตพลังของแม่วัวก็อยู่ที่กษัตริย์นักบุญเช่นกัน

ลูกวัวน้อยเกิดได้ไม่นาน กระนั้นระดับพลังก็มิได้ต่ำนัก อยู่ที่ขอบเขตสุญญตา

แต่พวกมันสัมผัสไม่ได้เลยว่าต้นหลิวและก้อนหินพิเศษอย่างไร

นี่คือต้นหลิวและก้อนหินธรรมดาเท่านั้น

ทว่าไม่นานพวกมันก็ต้องตะลึง

มีเสียงดังมาจากด้านต้นหลิวและก้อนหิน

“สวัสดีแม่นางหลิงอิน!”

“เหตุใดถึงพาวัวมาด้วยสี่ตัว”

ต้นหลิวและก้อนหินถามด้วยความแปลกใจ

ขอบเขตอะไรกันนี่!

ชิงหนิวจ้าวสูงสุดเฒ่ามีสีหน้าเหลือเชื่อ

ใกล้กันปานนี้ มันกลับสัมผัสความผิดปกติจากต้นหลิวและก้อนหินไม่ได้เลย อกอีแป้นจะแตก ไม่สิ อกวัวจะแตก!

ระดับพลังของต้นหลิวและก้อนหินคงเหนือกว่าเขามาก!

มันสะท้อนในใจ อาวุโสผู้นั้นฉกาจยิ่งนัก ต้นหลิวและก้อนหินที่ใช้อารักขาเมืองยังทรงพลังปานนี้ ขอบเขตลึกล้ำเกินหยั่ง!

“นมที่คุณชายดื่มเป็นประจำขาดส่ง ข้าจึงคิดอยากหานมให้คุณชาย พอดีพวกมันไร้ที่ไป จึงพาพวกมันกลับมาที่นี่ แบบนี้ก็ดี คุณชายจะได้ดื่มนมอย่างสะดวกด้วย”

หลิงอินตอบยิ้ม ๆ ท่าทางเกรงใจต้นหลิวและก้อนหินสุด ๆ

นางรู้ดีว่า ต้นหลิวและก้อนหินอยู่ข้างกายท่านเซียนมานาน ได้รับประโยชน์มากเกินจินตนาการ พลังน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่ง

“เช่นนี้เองหรือ”

“แม่นางหลิงอินใส่ใจยิ่ง!”

ต้นหลิวและก้อนหินตอบยิ้ม ๆ

จากนั้น หลิงอินบอกลาต้นหลิวและก้อนหิน พาอสูรฟ้าชิงหนิวเข้าเมืองชิงซานไปพร้อมกับเสี่ยวหยา

ระหว่างทาง หลิงอินทักทายคนในเมืองอย่างสนิทสนม นางกับเสี่ยวหยาพาอสูรฟ้าชิงหนิวสี่ตัวมาถึงหน้าประตูลานเล็กของท่านเซียน

หลิงอินมิได้พาอสูรฟ้าชิงหนิวทั้งสี่ตัวเข้าทางร้าน แต่นางเคาะประตูลานเล็กแทน “คุณชายอยู่หรือไม่”

“ผู้ใดกัน”

ภายในลานเล็ก หลี่จิ่วเต้ากำลังถอนหญ้าในไร่ผัก เมื่อได้ยินมีคนเรียกเขา จึงวางจอบลงและเดินไปหา

พูดถึงหญ้าเหล่านี้ เดิมทีในไร่ผักนั้นไร้หญ้า ดินที่ผู้เฒ่าเฮ่อและสือเฟิงนำมาให้ดีเยี่ยม สะอาดเหลือแสน หลังจากเขาปลูกผักลงไปไม่เคยมีหญ้าขึ้นเลยสักครั้ง

เพียงแต่ต่อมาเขาขึ้นเขาไปบ่อย ๆ บางทีอาจมีเมล็ดหญ้าติดมาโดยไม่รู้ตัว และตกลงไปในไร่ผัก

รอจนเขารู้ตัว หญ้าเหล่านี้ก็งอกงามเต็มที่แล้ว

เอ๊ะ!

เหตุใดท่านเซียนถึงจากไปซะนี่?

กำลังทำงานเพลินอยู่เชียว! อย่าให้พูดเลยว่าสบายปานใด!

จอบซึ่งพิงกำแพงอยู่ หรือก็คือญาณมารแห่งดาบมารอมตะ ไม่สิ ญาณแห่งจอบเซียนคิดในใจอย่างไม่สบอารมณ์

ดินนี้ดียิ่ง ทุกครั้งที่ขุดจะเป็นการบำรุงอย่างล้ำลึกสำหรับมัน โดยเฉพาะยามที่ถูกท่านเซียนกำไว้ในมือ มันได้รับการยกระดับในทุก ๆ ด้าน ไม่ขาดแคลนแรงบันดาลใจแม้แต่น้อย ตระหนักรู้วิถีได้ง่ายเหมือนดื่มน้ำ

ทว่าในตอนที่มันเปรมปรีดิ์ที่สุด ท่านเซียนกลับจากไป ซ้ำแล้วยังจับมันพิงกำแพงไว้

‘จะว่าไปช่วงนี้เหมือนจะมีอะไรแปลก ๆ อยู่นะ…’

มันคิดในใจ

ช่วงนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับมัน มักเกิดความรู้สึกประหลาดในใจ คล้ายว่ามีบางสิ่งกำลังนำทางมันไป

แต่เมื่อมันลองจับสัมผัสโดยละเอียด กลับไม่พบสิ่งใดทั้งสิ้น

‘อย่าให้รู้ว่าเจ้าพวกนั้นออกตามหาข้าอีกแล้ว ขืนเป็นเช่นนี้ ข้าจะเฉาะพวกมันให้ตายด้วยจอบข้า!’

มันพูดในใจ นึกถึงช่วงก่อนที่มีสิ่งมีชีวิตใช้เคล็ดวิชาลับเรียกหามัน

ทว่า ความรู้สึกช่วงนี้ออกจะแตกต่างจากครานั้นอยู่หน่อย

หลังหลี่จิ่วเต้าวางจอบลง ก็เดินไปยังประตูลานเล็ก

เขานึกแปลกใจนิดหน่อยว่าใครกัน ไม่เข้าจากทางประตูหน้าร้าน และเรียกเขาจากประตูลานเล็ก

น้อยนักจะมีคนมาหาเขาที่ประตูลานเล็ก

ชายหนุ่มเปิดประตูลานเล็กออกก็เห็นว่าเป็นหลิงอินกับเสี่ยวหยา ทั้งยังเห็นวัวสี่ตัวด้านหลังหลิงอินกับเสี่ยวหยาด้วย

หลี่จิ่วเต้ามองวัวทั้งสี่ตัว วัวทั้งสี่ตัวก็กำลังมองหลี่จิ่วเต้าเช่นกัน

นี่คืออาวุโสผู้นั้นหรือ?

ไม่มีคลื่นพลังปราณสักนิด!

วัวทั้งสี่ตัวคิดในใจ ผู้อาวุโสท่านนี้เก่งกาจยิ่ง ดูไม่ต่างจากปุถุชนแม้แต่น้อย พวกมันจับพิรุธไม่ได้เลยสักนิด

แต่ไม่นานพวกมันก็หัวเราะเยาะตัวเองในใจ

แม้แต่ต้นหลิวและก้อนหินที่ผู้อาวุโสตั้งให้อารักขาอยู่นอกเมืองพวกมันยังจับพิรุธไม่ได้ ไฉนเลยจะจับพิรุธผู้อาวุโสได้เล่า!

ชายหนุ่มมองหลิงอินและเสี่ยวหยา พลางถาม “นี่คือ?”

หลิงอินกับเสี่ยวหยาพาวัวสี่ตัวนี้มาทำไม?

หรือว่าจะเกี่ยวกับคำบอกเล่าของเขาเมื่อหลายวันก่อน?

วัวสี่ตัว ตัวผู้สองตัว ตัวเมียหนึ่งตัว และมีลูกวัวน้อยอีกหนึ่งตัว เขานึกถึงเมื่อหลายวันก่อนที่ได้รับรองหลิงอินกับเสี่ยวหยาด้วยชานม

ทั้งยังเคยบอกว่าแม่วัวของตาลุงอู๋ตาย เลยจะไม่มีนมกินไปอีกนาน

บัดนี้ หลิงอินกับเสี่ยวหยาจูงวัวมา ซ้ำยังมีแม่วัวอยู่ด้วย ดูเหมือนเขาเข้าใจอะไรขึ้นมาได้บ้างแล้ว

หากเป็นตามที่คิดจริง หลิงอินและเสี่ยวหยาช่างใส่ใจยิ่ง!

นี่พวกนางเอาวัวมาให้เขา ให้เขาได้มีนมดื่มกิน!