บทที่ 63 กล้วยไม้เขากวางอ่อน

บทที่ 63 กล้วยไม้เขากวางอ่อน

หากเสี่ยวเป่าอยากเลี้ยงก็เลี้ยงเถิด แต่ถ้าถึงเวลาแล้วไม่ชอบก็โยนทิ้งไปเสีย

เสี่ยวเป่าเก็บเจ้าพืชต้นน้อยที่ตนขุดขึ้นมาอย่างดี ตัดสินใจว่าอีกสามสี่วัน หลังเพาะกุหลาบหินลูกอมจนงอกงามแล้ว เหล่าพี่ชายต้องมองนางใหม่แน่!

หากกล่าวถึงดอกกล้วยไม้ คล้ายว่าท่านพี่ใหญ่จะโปรดปรานดอกกล้วยไม้ ต้นกุหลาบหินลูกอมนี้ต้องรอให้งอกงามเสียก่อนแล้วจึงส่งมอบต่อไปได้ เพราะฉะนั้น ตอนนี้ต้องตามหาดอกกล้วยไม้ให้ท่านพี่อีกกระถางหนึ่ง

ผู้อื่นคิดหาดอกกล้วยไม้ อาจต้องตามล่าไปทั่วทั้งขุนเขาอย่างไร้จุดหมาย ซ้ำยังอยู่ที่โชคด้วย

แต่ในฐานะภูตพฤกษาตัวน้อย แม้ยามนี้กลายเป็นมนุษย์คนหนึ่งแล้ว ทว่าเสี่ยวเป่ายังคงได้ยินการสื่อสารระหว่างธรรมชาติ

เพียงแต่ต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณเล็กน้อย

ในเมื่อตัดสินใจตามหาของขวัญให้พี่ชาย ย่อมต้องเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุด

ด้วยเหตุนี้ เสี่ยวเป่าจึงเลือกรับฟังเสียงจากพันธุ์พืช

สบโอกาสที่เหล่าพี่ชายมิได้สนใจ นางยอบกายลงตรงพื้นที่หนึ่ง นิ้วมือขาวนวลเนียนนุ่มนิ่มแตะต้นไม้เก่าแก่หลักร้อยปีซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะหลับตาลง

พลังวิญญาณแผ่ขยายออกไปเป็นวงคลื่นในร่างกายของนางวงแล้ววงเล่า อาบไล้พฤกษานานาพันธุ์ประดุจริ้ววารี

ตอนที่หลับตา ทุกสิ่งรอบตัวราวกับเงียบสงัด เสียงทั้งหมดหายลับ ประสาทสัมผัสของนาง สายตาของนาง จดจ่ออยู่กับพืชทั้งปวงบนเทือกเขาแห่งนี้

ทุกอากัปกิริยาของพันธุ์พืชล้วนอยู่ในการรับรู้ของนาง

คล้อยตามเสียงพึมพำแผ่วเบานุ่มนวล นางได้ยินเสียงของพฤกษาทั้งปวงในธรรมชาติผืนนี้

เพื่อเป็นการประหยัดพลังวิญญาณ เสียงอ่อนละมุนของเสี่ยวเป่าดังขึ้นในใจ ไถ่ถามต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดในคราเดียว

“ที่ใดมีดอกกล้วยไม้งามสะพรั่งสมัครใจไปจากที่นี่บ้าง ข้าต้องการของขวัญให้ท่านพี่ใหญ่ ท่านพี่ใหญ่ของข้าเป็นคนดีอ่อนโยนที่หนึ่งเลย”

ภูตพฤกษาเป็นคนโปรดของธรรมชาติ และเป็นคนโปรดของพืชพันธุ์ทั้งปวง

ไม่ว่าความปรารถนาใดของนาง พวกมันล้วนยินดีช่วยเหลือให้เป็นจริง

จากนั้น สถานที่หลายแห่งซึ่งมีดอกกล้วยไม้ขึ้นอยู่ก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง การมองเห็นของเสี่ยวเป่าเห็นทะลุสิ่งกีดขวางทั้งมวล ค้นพบดอกกล้วยไม้เหล่านั้นราวกับกำหนดเป้าหมายไว้อย่างนั้น

รูปลักษณ์งามงดโอนอ่อน และสภาพการณ์ของดอกกล้วยไม้เหล่านั้นล้วนเข้าสู่ประสาทการมองเห็นของนาง สุดท้าย เสี่ยวเป่าก็เลือกต้นที่อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล และมีลักษณะบานสะพรั่งสวยงาม

ในขณะเดียวกัน นางยังสังเกตเห็นอีกด้วยว่าใกล้ ๆ กับกล้วยไม้ดอกนั้น มีลมปราณอ่อนบางสายหนึ่ง

นั่นก็เป็นดอกกล้วยไม้ เพียงแต่คล้ายว่าใกล้จะตายแล้ว

พริบตาที่เสี่ยวเป่าลืมตา สุ้มเสียงทั้งหมดพลันหวนคืน

“เจ้าทำอะไรอยู่”

ทันทีที่ลืมตา นางก็ได้ยินเสียงของท่านพี่รอง

หนานกงฉีโม่กับหนานกงฉีอวิ๋นเห็นว่าเสี่ยวเป่านั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนี้นานแล้ว จึงเข้ามาไถ่ถาม

เสี่ยวเป่าเชิดดวงหน้างามวิจิตรขึ้น ยิ้มจนตาหยีพลางตอบ “เสี่ยวเป่ากำลังหาของขวัญให้ท่านพี่ใหญ่อยู่”

จากนั้นนางก็พาเหล่าพี่ชายไปยังจุดที่ดอกกล้วยไม้อยู่

“โอ้โห!”

“โอ้โห! ดอกกล้วยไม้ใหญ่มาก!”

นี่คือกล้วยไม้เขากวางอ่อนซึ่งสูงอย่างน้อยครึ่งเมตร ซ้ำยังเป็นกล้วยไม้เขากวางอ่อนสีขาวอีกด้วย

ดอกของกล้วยไม้เขากวางอ่อนงอกเป็นช่อเดียวกัน ใบของมันไม่ได้เรียวเล็กงามสง่าดั่งเช่นกล้วยไม้พันธุ์อื่น หากแต่มีลักษณะเป็นวงรี ซ้ำยังดูเตี้ย ให้ความรู้สึกน่ารัก

ก้านซึ่งมีดอกไม้ชูช่ออยู่เป็นแนวโค้งอ่อน ดอกไม้สีขาวหยกคลี่ออกดั่งผีเสื้อเปี่ยมชีวิตชีวาตัวแล้วตัวเล่าที่พร้อมร่ายรำว่อนไหว ส่วนตรงกลางอันเป็นเกสรดอกไม้มีสีม่วงจาง ๆ สวยสดงดงามเป็นอย่างมาก

ไม่ว่ารูปลักษณ์หรือสภาพการเติบโตของต้นไม้นี้ล้วนเป็นไปในทางที่ดี หากนำไปขายในเมืองหลวง หลักหลายร้อยตำลึงก็ยังมีขุนนางผู้มีอำนาจมากมายแย่งกันซื้อ

เสี่ยวเป่าสับขาสั้น ๆ วิ่งเตาะแตะเข้าไป ก่อนจะขุดดอกกล้วยไม้เขากวางอ่อนขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

บรรดาพี่ชายที่อยู่ด้านข้างมองอย่างกังวล

“ระวัง ๆ เดี๋ยวจะทำให้เสียหายเอา”

“พวกเรามาช่วยแล้ว เสี่ยวเป่าระวังมือของเจ้าด้วย อย่าให้หินกรวดบาดเอา”

โดยเฉพาะสองฝาแฝดหนานกงเหิงและหนานกงเหยี่ยน ถึงแม้พวกเขานั้นจะเจ้าสำราญ กระนั้นก็สำราญอย่างมีคุณภาพ ความรู้ที่มีหาได้ด้อยไม่

ดังนั้น พวกเขาย่อมชื่นชอบการสะสมของมีค่าหายากเช่นนี้ที่สุด

ดอกกล้วยไม้เขากวางอ่อนสูงกว่าครึ่งเมตรนี้ถือได้ว่าหายากอย่างแน่นอน

“ญาติผู้น้อง เจ้าคิดจะทำอย่างไรกับดอกกล้วยไม้เขากวางอ่อนนี้หรือ”

สองพี่น้องกระตือรือร้นอยากได้มาเป็นของสะสม

เสี่ยวเป่าเอ่ย “ท่านพี่ใหญ่ไม่ได้มาด้วย นี่คือของขวัญที่เสี่ยวเป่าให้ท่านพี่ใหญ่”

สองพี่น้อง ‘ฮือ ๆๆ…พวกเขากลับไปตอนนี้ยังทันอยู่หรือไม่’

พี่ชายที่เหลือเห็นเสี่ยวเป่าคิดแต่อยากมอบของขวัญให้พี่ใหญ่ อย่าให้พูดเลยว่าอิจฉาริษยาแค่ไหน

เสี่ยวเป่าย้ายดอกกล้วยไม้เขากวางอ่อนลงไปในกระถาง ทั้งยังถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปด้วย

“ท่านพี่สี่ ช่วยถือให้เสี่ยวเป่าได้หรือไม่” ท่านพี่สี่ตัวใหญ่ที่สุด ก็น่าจะถือได้มั่นคงที่สุด

ให้นางกอดไว้เองยังมิสู้จะไว้ใจเท่าใด กลัวจะล้มทับกล้วยไม้ดอกนี้เสียก่อน

องค์ชายสี่หนานกงฉีอิงย่อมเต็มใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าคมเข้มนั้นมีรอยยิ้มระบายอยู่ รับประกันด้วยสีหน้าจริงจัง

“น้องสาววางใจได้ พี่ชายจะถือให้ดี”

รูปร่างกำยำล่ำสันเต็มไปด้วยพละกำลัง ถือกระถางดอกไม้น้อย ๆ มิได้เหนือบ่ากว่าแรงแม้แต่น้อย

เสี่ยวเป่าขอบคุณอย่างมีมารยาท ก่อนจะไปตามหาดอกกล้วยไม้ที่ใกล้ตายอยู่รอมร่อตามที่ตนจับสัมผัสได้

เหลือเพียงก้านแห้งเหี่ยวไร้ใบ หากมิใช่เสี่ยวเป่า คงมิมีผู้ใดพบเห็นมันอีก

“นี่คือต้นอะไร”

เสี่ยวเป่าถ่ายพลังวิญญาณเกือบทั้งหมดที่เหลืออยู่เข้าไปหล่อเลี้ยงก้านดอกกล้วยไม้ คงชีวิตของมันไว้ แล้วจึงบรรจงห่อด้วยโคลนดิน

“นี่คือดอกกล้วยไม้เช่นกัน เพียงแต่ใกล้ตายแล้ว”

หนานกงฉีเฉินเอ่ย “ในเมื่อใกล้ตายแล้ว เหตุใดต้องนำกลับไปด้วย”

เสี่ยวเป่าเอ่ยอย่างมั่นใจ “กลับไปเลี้ยงอย่างไรล่ะ เสี่ยวเป่าเลี้ยงให้รอดได้!”

หนานกงฉีรุ่ยถือผ้าแพรผืนหนึ่งเข้ามา “มือ”

เสี่ยวเป่ายื่นมือเปรอะเปื้อนของตนออกไปให้แต่โดยดี

เด็กหนุ่มเสมือนบุรุษวัยผู้ใหญ่ เช็ดโคลนดินบนมือน้องสาวออกจนสะอาดอย่างบรรจงใจเย็น

“คราวหน้าห้ามใช้มือขุดอีก เจ้าไม่เจ็บมือบ้างหรือไร รอบข้างเต็มไปด้วยกิ่งไม้ หรือไม่ เจ้าเรียกพวกเราไปช่วยก็ได้ น้องสาว เจ้ายังเล็ก เป็นเด็กผู้หญิงควรรู้จักปกป้องตนเอง…”

หนานกงฉีรุ่ยเข้าสู่รูปแบบความเป็นบิดา กำชับจุกจิก ขี้บ่นเสียยิ่งกว่าบิดาบังเกิดเกล้าอย่างหนานกงสือเยวียนอีก

ทว่าเสี่ยวเป่าไม่รำคาญ นางตั้งใจฟัง และยังผงกหัวน้อย ๆ ตามอย่างเชื่อฟัง

“อืม ๆ เสี่ยวเป่าเข้าใจแล้วท่านพี่เจ็ด”

สายมากแล้ว ถือโอกาสที่อาทิตย์อัสดงยังอยู่ เสี่ยวเป่าจูงมือท่านพี่สามและท่านพี่รองลงเขา ท่ามกลางสายตาเจ็บใจจากเหล่าพี่ชายที่เหลือ

มีสิทธิ์อันใดกัน! มีสิทธิ์ตรงที่พวกท่านสองคนอายุมากกว่าหรือไร?!

ณ ตีนเขา เสี่ยวเป่ามองปราดเดียวก็เห็นท่านพี่ใหญ่ผู้อุ้มลูกสุนัขละอ่อนกำลังรอพวกเขาอยู่ เจ้าก้อนแป้งใจดำทอดทิ้งท่านพี่รองและท่านพี่สามทันที สับขาอันเล็กป้อมวิ่งเข้าไปหาพี่ใหญ่

“ท่านพี่ใหญ่~”

เสียงอ่อนละมุนนั้นกังวานใส

“โฮ่ง ๆ~”

หางของโร่วโร่วสะบัดรุนแรงจนเห็นเป็นภาพซ้อน ดวงตาดำขลับกลมโตเปล่งประกายขณะจ้องมองเสี่ยวเป่า

“โร่วโร่ว”

“โฮ่ง ๆ~”

หัวของเจ้าก้อนนุ่มนิ่มกลมอั๋นสองหัวถูไถเบียดกันไปมา ภาพที่มีความน่ารักคูณทวีเช่นนี้ ช่างมีพลังทำลายล้างมหาศาล โดยเฉพาะกับผู้ชื่นชอบสิ่งมีชีวิตน่ารักขนปุกปุย

หนานกงฉีอวิ๋นต้องสะกดอารมณ์สุดขีด ถึงมิได้ก้าวเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กทั้งสองขึ้นมาฟัด

เพียงแต่สายตานั้นเป็นประกายวาวกว่าปกติมากนัก