ตอนที่ 73 ทำไมน้องสะใภ้ถึงอยู่ที่นี่

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 73 ทำไมน้องสะใภ้ถึงอยู่ที่นี่

ตอนที่ 73 ทำไมน้องสะใภ้ถึงอยู่ที่นี่

หลังจากที่ฉินมู่หลานเปิดกล่องอาหารแล้ว เธอก็รีบเรียกเสิ่นหรูฮวนมากิน

ตั้งแต่มาที่นี่ เสิ่นหรูฮวนไม่เคยกินอาหารดี ๆ แบบนี้มาก่อนเลย ขณะที่กินจึงรู้สึกปลื้มปริ่มมาก: “มู่หลาน อยู่กับเธอแล้วไม่อดตายแน่นอน ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าฝีมือทำอาหารของพี่จูจะอร่อยขนาดนี้ หมูนึ่งข้าวคั่วรสชาติดีมาก” สวรรค์รู้ดีว่าเมื่อครู่นี้หล่อนหิวแค่ไหน

เมื่อเห็นเสิ่นหรูฮวนกินอย่างมีความสุข ฉินมู่หลานก็บอกให้กินเยอะ ๆ

“ยังมีหมั่นโถวเหลืออยู่อีกหลายลูก เธอค่อย ๆ กินเถอะ”

“อืมอืม”

เสิ่นหรูฮวนพยักหน้าขณะกินอย่างเอร็ดอร่อย ถึงแม้ว่าจะรีบกิน แต่หลังจากกินซาลาเปาไปสองลูก หล่อนก็ไม่สามารถกินได้อีกต่อไป ซาลาเปาลูกใหญ่ กินสองลูกก็ถือว่าเยอะมากแล้ว

ตั้งแต่ฉินมู่หลานถูกจับมา เธอก็ไม่ได้ถูกควบคุมอาหารเลย เธอจึงกินก็ต่อเมื่อรู้สึกว่าไม่อิ่ม หลังจากกินอาหารที่เหลือในกล่องเสร็จแล้ว ในที่สุดเธอก็รู้สึกอิ่ม

“หรูฮวน เธออยู่ในห้องนะ ฉันจะเอากล่องอาหารไปให้พี่จู และเอายาไปให้ลูกพี่ไห่ด้วย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหรูฮวนก็รีบพยักหน้า แล้วพูดว่า “ได้เลยมู่หลาน เธอไปเถอะ”

ฉินมู่หลานหยิบกล่องอาหารตรงไปที่ห้องครัว

พี่จูเพิ่งกินอาหารเสร็จเช่นกัน เมื่อเห็นฉินมู่หลานก็รีบพูดว่า “หมอมู่ ทำไมคุณถึงเอามันมาคืนเองอีกแล้วล่ะ ฉันจะไปเอาคืนเองค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่จู บังเอิญว่าฉันต้องไปหาหัวหน้าไห่อยู่แล้ว ฉันก็เลยหยิบมันมาเพราะเป็นทางผ่าน”

เมื่อเห็นท่าทางที่ใจดีและอ่อนโยนของฉินมู่หลาน พี่จูก็รู้สึกสนิทสนมกับเธอมากขึ้น “หมอมู่ งั้นก็รีบกลับมานะคะ”

จากนั้นพี่จูก็เตือนเธอด้วยเสียงแผ่วเบา: “หมอมู่ ฉันสังเกตเห็นว่าบรรยากาศในห้องโถงด้านหน้าไม่ปกติ คุณควรระวังตัวให้ดี ดูเหมือนหัวหน้าไห่จะโกรธมากเพราะอะไรบางอย่างค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็กะพริบตา จากนั้นมองพี่จูด้วยความรู้สึกขอบคุณ แล้วพูดว่า “พี่จู ขอบคุณค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะระวัง”

“เฮ้อ… งั้นก็ดีแล้วค่ะ”

หลังจากที่ฉินมู่หลานจากไป พี่จูก็เริ่มจัดห้องครัวให้เรียบร้อย

เมื่อฉินมู่หลานมาถึงห้องโถงด้านหน้า เธอพบว่าชางไห่กำลังคุยกับอวี๋ตงและคนอื่น ๆ อยู่ เมื่อทุกคนเห็นเธอมาก็หยุดพูด ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วอยู่ครู่หนึ่ง

เจ้าผอมเป็นคนแรกที่ถาม “หมอมู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ มีอะไรเหรอครับ?”

ฉินมู่หลานหยิบยาเม็ดออกมา แล้วพูดว่า “ฉันทำยาเม็ดเสร็จแล้ว เลยนำมันมาส่งที่นี่ ไม่ทราบว่ารบกวนพวกคุณหรือเปล่าคะ” เมื่อพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปยื่นยาให้เจ้าผอม แล้วอธิบาย “ยานี้กินได้หนึ่งสัปดาห์ กินครั้งละสองเม็ด หลังอาหารเช้าเย็น แต่การฝังเข็มนั้นขาดไม่ได้ ต้องทำทุกวันค่ะ”

หลังจากที่เจ้าผอมรับยาไปแล้ว เขาก็ยิ้มและพูดว่า “ได้ครับ เข้าใจแล้ว”โนเวลพีดีเอฟ

เมื่อเห็นว่าทุกคนยังคงจ้องมองเธอ ฉินมู่หลานก็ยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณคุยธุระกันต่อเถอะค่ะ ฉันจะกลับก่อน”

หลังจากที่ฉินมู่หลานจากไปแล้ว เจ้าผอมก็รีบส่งยาให้ชางไห่ “ลูกพี่ครับ ท่านรับประทานยานี้ได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ผมเห็นว่าวันนี้สีหน้าท่านสดใสขึ้น ยาที่หมอมู่จะต้องได้ผลดีมากแน่เลยครับ”

หลังจากที่ชางไห่รับขวดยาไป เขาก็พลิกมันเล่นอย่างเฉยเมยอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วเขาก็โยนมันให้อวี๋ตง “แกเอาไปให้ใครสักคน ตรวจสอบประสิทธิภาพของยานี้”

“ครับ”

อวี๋ตงรับขวดยาแล้ว เขาก็พยักหน้าด้วยความเคารพ

เจ้าผอมมองชางไห่ด้วยความประหลาดใจ แล้วพูดว่า “ลูกพี่ครับ ท่านเคยรับประทานยาและฝังเข็มมาก่อนแล้ว หากตรวจสอบยาตอนนี้ มันจะไม่สายเกินไปแล้วเหรอครับ”

อวี๋ตงเหลือบมองเจ้าผอม แล้วตอบว่า “มันไม่สายเกินไปหรอก ลูกพี่เพิ่งเริ่มรับประทานยาเม็ดตอนนี้ แต่จะต้องรับประทานยาเม็ดนี้ไปอีกนาน แน่นอนว่าต้องตรวจสอบมันให้ละเอียดก่อน”

เขากลัวว่าฉินมู่หลานจะใช้ยาพิษเรื้อรัง เพราะยาพิษเรื้อรังจะไม่ทำให้คนสังเกตเห็นอาการผิดปกติในทันที แต่หลังจากกินคิดต่อกันเป็นเวลานาน มันก็สายเกินไปที่จะรู้ตัวแล้ว คาดว่าเจ้านายน่าจะระแวงเช่นกัน จึงสั่งให้เขาทำแบบนี้

เจ้าผอมไม่ได้ถามคำถามอีกต่อไป หลังจากได้ยินคำพูดนั้น แต่กลับยกประเด็นเดิมขึ้นมาแทน

“แล้วเราควรทำยังไงต่อไปครับ เป็นไปได้ไหมว่าครั้งนี้จะไม่จัดส่งสินค้า แต่หากเราไม่ดำเนินการส่งสินค้าออกไป ก็น่าจะไม่ส่งผลดีแน่นอนครับ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็มองไปที่ชางไห่

นัยน์ตาของชางไห่ฉายแววอำมหิต

“จัดส่งสินค้าตามแผนเดิม ในเมื่อคนพวกนั้นกล้าเพ่งเล็งพวกเรา ก็ปล่อยให้พวกมันทำต่อไป”

“ใช่ครับ พวกเราไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร เรายังมีอาวุธทรงพลังมากมายอยู่ในมือ แม้ว่าคนเหล่านั้นจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนอยู่ดี” หลังจากเจ้าผอมพูดจบก็หัวเราะเสียงดัง เขาคิดว่าครั้งนี้เป็นเพราะอวี๋หนานและคนอื่น ๆ คิดมากเกินไป พวกเขาเคยฟันฝ่าอุปสรรคกันมามากมาย แล้วยังจะต้องกลัวกองกำลังพิเศษเหล่านั้นอีกหรือ?

อวี๋ตงอ้าปากอยากจะพูดโต้แย้ง แต่เมื่อเห็นสีหน้ามุ่งมั่นของชางไห่ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

แม้ว่าฉินมู่หลานจะออกไปก่อน แต่เธอก็รู้ว่าชางไห่และพรรคพวกน่าจะกำลังคุยกันเรื่องวิธีจัดส่งสินค้าในอีกไม่กี่วัน แต่เธอแค่ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยกันว่ายังไงบ้าง

เธออยากรู้มากว่า อะไรเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางชางไห่และพรรคพวกดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เธอครุ่นคิดขณะเดินกลับ เมื่อฉินมู่หลานมาถึงหัวมุม ก็พบว่าเจ้าหน้าบากกำลังรออยู่ตรงหน้า

เมื่อเห็นเจ้าหน้าบาก ฉินมู่หลานก็หยุดเดิน แล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

เจ้าหน้าบากเห็นเช่นนั้น สายตาก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย “เป็นกลอุบายที่ดีนะนังตัวร้าย ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวของชางไห่ได้จริง ๆ แต่อย่าชะล่าใจไป เธอจะต้องทนทุกข์ทรมาน เมื่อเธอไร้ประโยชน์”

“เฮอะ… ก็ลองดูแล้วกัน นายเองเป็นแค่หมาหัวเน่า ไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการสนทนาที่นี่ด้วยซ้ำ บอกฉันหน่อยว่าพวกชางไห่จะเลือกนาย หรือเลือกหมอฝีมือดีอย่างฉัน สุดท้ายถ้ามีหมออยู่เคียงข้าง แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังช่วยเหลือได้”

“เธอ…”

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว เจ้าหน้าบากก็อยากจะฉีกร่างฉินมู่หลานเสียตอนนี้ แต่ก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนไหว อวี๋ตงและคนอื่น ๆ ก็ออกมาแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นว่าเจ้าหน้าบากขวางทางฉินมู่หลานอยู่ ก็รีบเดินตรงมาหา

“ไอ้หน้าบาก ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเหรอว่าหมอมู่ช่วยรักษาอาการป่วยของเจ้านายได้ อย่าหาเรื่องหล่อนเลย”

เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าผอม เจ้าหน้าบากก็กำหมัดแน่น ในที่สุดก็จำต้องอดทน

“ฉันแค่บังเอิญมาเจอ ยังไม่ได้หาเรื่องหล่อนเลย” ตอนนี้เขายังเกลียดคนอย่างชางไห่ด้วย แต่เขามีคนเดียวจึงไม่สามารถสู้กับคนเหล่านี้ได้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าตนจะไม่สามารถแก้แค้นได้ สักวันหนึ่งเขาจะทำให้ฉินมู่หลานมีชีวิตอยู่อย่างทรมานยิ่งกว่าตาย

เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าเจ้าหน้าบากจะเดินผ่านก็ถอยให้ ก่อนจะจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วเดินต่อไป

เจ้าหน้าบากมองแผ่นหลังของฉินมู่หลานจากไป ด้วยสายตายากจะคาดเดา

เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าบากยอมถอยแล้ว เจ้าผอมก็ไม่ได้ตำหนิอะไรอีก แค่พูดว่า “เจ้าหน้าบาก พรุ่งนี้เช้ามีเรื่องที่ต้องหารือกัน นายมาที่ห้องโถงด้านหน้าด้วยกันก็ได้”

เจ้าหน้าบากได้ยินแล้วพยักหน้า

ส่วนฉินมู่หลานที่ยังเดินจากไปไม่ไกลนักก็ได้ยินเช่นกัน ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจ จากนั้นเธอก็รีบกลับไปที่ห้อง

สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ มีคนสองคนแอบซุ่มอยู่นอกบ้านหลังเล็ก หลังจากคนที่อยู่ข้างหน้าทำท่าทางส่งสัญญาณแล้ว ทั้งสองก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ทั้งสองออกมาไกลแล้ว ในที่สุดหนึ่งในนั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แล้วพูดด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ: “อาหลี่ ทำไมน้องสะใภ้ถึงอยู่ที่นี่?”

……………………………………………………………………………………………………..

สาารจากผู้แปล

บุกโจมตีแบบสายฟ้าแลบแล้วชิงตัวประกันมาเลยดีไหมคะพี่หลี่

ไหหม่า(海馬)

————————–