หลังจากที่ส่งพวกเวอร์เนลลงไปใต้ดินแล้ว ชั้นก็กางบาเรียคลุมทั้งโรงเรียนเวทมนตร์ตามแผนและดูดเอาพลังเวทย์ในอากาศทั้งหมดออกมา

เท่านี้ก็จะไม่มีใครสามารถฟื้นฟูพลังเวทย์ได้ตราบเท่าที่ยังอยู่ในเขตแดนนี้

ที่เหลือก็แค่ปล่อยห่อยพวกเวอร์เนลช่วยสูบพลังเวทย์ของแม่มดออกไปสักส่วนนึง จากนั้นชั้นก็จะตามลงไป…ทันทีที่คิดอย่างนั้น ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา

เจ้าเต่าหันมาบอกกับชั้น

“ตอนนี้ล่ะเอลริส! ปฏิบัติการสำเร็จลุล่วงด้วยดี! อเล็กเซียป้องกันการโจมตีประสานของอัลเฟรียและเอเทอร์น่าได้ก็จริง แต่เพราะใช้พลังเวทย์ทั้งหมดทุ่มไปกับการป้องกันนั้น ตอนนี้เธอไม่เหลือพลังเวทย์แล้วล่ะ! ต้องจัดการตอนนี้เลย!”

เจ๋ง!

ดูเหมือนว่าพวกเวอร์เนลจะทำตามแผนไปได้ด้วยดี

ที่เหลือก็แค่ปิดฉากสินะ

ชั้นจะลงไปเพื่อกันไม่ให้แม่มดทำอะไรได้มากกว่านี้ แล้วจากนั้นก็ให้อัลเฟรียจับเธอผนึกซะ

ชนะขาดเลยเว้ย!

ไปใต้ดินกันเลยเถอะ

ชั้นพาอัศวินมาด้วยหลายคนเลย รวมเลย์ล่าและครูใหญ่ด้วย พวกเรารีบเดินทางไปยังพื้นที่ลับของชั้นใต้ดินกัน

ชั้นพังบาเรียที่ดูเหมือนจะมีไว้เพื่อกันไม่ให้ตัวประกันหนี

พระเอกมาแล้ว! ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าชั้นน่ะไคลแมกซ์ตั้งแต่ต้นนะเออ!

สำหรับพวกเวอร์เนล… สวย ไม่มีใครตาย

ถ้าดูดีๆแล้วก็จะเห็นด็อกคุงหมอบกระแตอยู่กับพื้น น่าจะโดนปีศาจซัดเปรี้ยงจนสลบ แต่ดูจะยังมีชีวิตอยู่นี่นา เพราะงั้นก็ไม่เป็นไรหรอก

และที่ด้านในสุดก็…เอ่อออ…ใครเหรอครับ?

คนๆนี้สภาดูไม่ดีเอาซะเลย ต้องบอกว่ามีรูปลักษณ์ที่สมกับเป็นแม่มด นี่ใช่อเล็กเซียจริงๆเหรอ?

นี่ไม่ใช่แค่ความแตกต่างระหว่างสองมิติและสามมิติแล้ว อย่างกับคนละคนเห็นๆเลย

ยังไงอเล็กเซียก็เคยเป็นหนึ่งในนางเอกของเกมในชาติที่แล้ว เธอควรจะเป็นสาวสวยไม่ใช่เรอะ

อายุเธออาจจะมากกว่านางเอกคนอื่นๆก็จริง จนผู้เล่นบางคนเรียกเธอว่ายัยแก่ด้วยซ้ำ แต่รูปลักษณ์ภายนอกนี่ยังไงก็ยังอยู่ในช่วงยี่สิบปลายๆเป็นอย่างมาก

แล้วนี่อะไรเนี่ย? ผู้หญิงที่มองชั้นด้วยท่าทางหวาดกลัวคนนี้…อา…คือถ้าเพ่งดูดีๆก็คงพอจะมองออกได้ว่าเธออายุราวๆยี่สิบน่ะนะ แต่เธอผอมกพะหร่องแถมตายังคล้ำเป็นแพนด้า จะดูให้เป็นสาวนี่ไม่ได้เลย

นี่แม่มดตัวปลอมป่ะเนี่ย? หรือนี่เป็นสงครามระหว่างเซนต์เก๊และแม่มดเก๊มาตั้งแต่ต้นแล้ว?

ไม่น่า ไม่หรอก

“คุณคือแม่มดอเล็กเซียสินะคะ?”

ถามให้ชัวร์ดีกว่า

แม่มดก้าวถอยหลังเหมือนพยายามจะหนีชั้น

แต่ที่นี่คือชั้นใต้ดินที่ไม่มีทางออกอื่น

จะหนีก็ได้นะ? เดี๋ยวจะรอให้สามนาที

โทษที โกหกน่ะ ไม่รอหรอกเว้ย

“จะ เจ้าคือเซนต์คนปัจจุบัน…เอลริส…ฮ่า”

ทันทีที่เห็นชั้น สายตาของแม่มดก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนเธอพยายามจะร่ายอะไรสักอย่าง

แต่แล้วสีหน้าก็กลายเป็นตกใจเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ผล

“ไม่ เป็นไปไม่ได้…พลังเวทย์ไม่มี…”

“ชั้นได้ทำการดูดเอาพลังเวทย์ในพื้นที่นี้ออกไปจนหมดแล้วค่ะ เท่านี้คุณก็จะไม่สามารถฟื้นฟูพลังเวทย์ได้”

เห็นชั้นปุ๊บนี่ก็พยายามจะเทเลพอร์ตหนีทันทีเลยเรอะ…

เสียใจด้วย ชั้นน่ะคาดการณ์ไว้หมดแล้วเฟ้ย!

“จะ เจ้า!”

แม่มดผายมือเพื่อยิงกระสุนสีดำออกมา

ชั้นใช้มือเปล่าที่คลุมไว้ด้วยบาเรียจับมันทั้งอย่างนั้น แล้วก็ขยี้จนเละ

ถึงเวทมนตร์ธาตุมืดจะสุดยอดก็จริง แต่ระดับพลังเวทย์มันผิดกันว่ะ

ในระหว่างที่แม่มดยังอึ้งอยู่ ชั้นก็ยิงเวทย์แสงเข้าใส่เธอในทันที

เพราะว่าแม่มดมีเวทย์ธาตุมืดคอยปกคลุมเอาไว้ ทำให้การโจมตีปกติไม่สามารถเข้าถึงเธอได้

แต่ถ้ามีพลังแบบเดียวกันก็จะทะลุผ่านไปได้

เวทย์ธาตุมืดที่ชั้นมีน่ะมันเป็นส่วนน้อยที่เอามาจากเวอร์เนล การโจมตีจะส่งผลกับเธอแค่ประมาณหนึ่งในสิบเท่านั้น

ถ้าใช้เวทย์ที่ดูดพลังเวทย์ 100 ก็จะทำความเสียหายได้เพียงแค่สิบ

วิธีแก้มันก็ง่ายๆ…ก็แค่ยัดห่านใช้เวทย์พลัง 1000 ซะก็สิ้นเรื่อง!

พลังเวทย์ชั้นน่ะห้าแสนนะโว้ย กะอีแค่เวทย์พรรค์นั้น ชั้นน่ะใช้ได้เป็นร้อยๆครั้งนั่นล่ะ

ตูมไปเลยเวทย์แสงของชั้น!

เร่งพลังขึ้นอีกหน่อย คราวนี้เป็นเวทย์ที่ใช้พลัง 5000 แทน

“Aurea Libertas”

ปกตินี่จะเป็นเวทย์ที่ชั้นยิงขึ้นฟ้าแล้วปล่อยให้มันตกลงมาจัดการพวกปีศาจ แต่คราวนี้ก็ยิงมันดื้อๆใส่แม่มดทั้งอย่างนั้นนั่นแหละ

แม่มดกระเด็นทะลุกำแพงไปพร้อมกับแสงที่ชั้นยิง เกิดเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่บนผนัง

“อะหวาหวาหวาหวาหวา…”

อัลเฟรียตัวสั่นใหญ่เลย

ท่านเซนต์คนแรกนี่วางมาดไม่เป็นเลยแฮะ

ชั้นเดินเข้าไปในอุโมงค์นั้นที่อเล็กเซียนอนกองอยู่

ชั้นต้องควบคุมไม่ให้เป่าเธอปลิวไกลเกินไป

ถ้าเกิดเธอปลิวออกนอกระยะบาเรียจนสามารถฟื้นคือพลังเวทย์กลับมาเพื่อใช้เทเลพอร์ตได้นี่งานหยาบเลยนะ

“จะ…เจ้า…สัตว์ประหลาด…”

คุณแม่มดใช้มือค้ำผนัง พยายามที่จะลุก

พวกอัศวิน รวมทั้งเลย์ล่าและครูใหญ่ที่อยู่ด้านหลังยกดาบขึ้นมา แต่ชั้นชูมือห้ามไว้ก่อน

หยุดเถอะ ยังไงพวกนายก็ทำดาเมจใส่เธอไม่ได้อยู่แล้วนา

เอาจริงๆชั้นจะทำดาบแสงให้เจ้าพวกนั้นเอาไปใช้ ก้น่าจะพอตีเข้าบ้างน่ะนะ

“มันจบแล้วค่ะ แม่มดอเล็กเซีย”

พอได้ยินแบบนั้น แม่มดก็ทำสีหน้าสิ้นหวังขึ้นมา

มาถึงจุดนี้ เธอไม่สามารถพลิกสถานการณ์อะไรได้อีกแล้ว

แค่ชั้นคนเดียวก็เกินพอแล้ว แถมยังมีพวกเลย์ล่ากับเหล่าอัศวิน และปาร์ตี้เวอร์เนลอยู่อีก

แค่เซนต์คนแรกอัลเฟรียกับเซนต์ตัวจริงเอเทอร์น่าร่วมมือกันก็จัดการเธอได้แล้ว

ต่อให้ชั้นไม่มาช่วย แค่พวกเธอสองคนก็ปิดงานได้สบายๆ

ถึงขั้นนี้มันเหมือนรังแกเด็กเลยแฮะ

“อึก…ฮึก…ไม่…ไม่ ไม่! ข้าไม่อยากตาย! ข้ายังไม่อยากหายไป!”

แม่มดท่าทางจะกลัวสุดๆ สร้างบาเรียมากันด้านหน้าของเธอไว้

นี่คงจะเป็นพลังเวทย์เฮือกสุดท้ายของเธอ เป้นการดิ้นรนครั้งสุดท้าย

ถึงอย่างนั้น พลังเวทย์ของเธอเองก็เหลือน้อยเต็มทนแล้ว

ชั้นสร้างดาบแห่งแสงโดยใช้พลังเวทย์ 30000 เพื่อตัดบาเรียนั้นเหมือนใช้มีดร้อนตัดเนย

ที่ทำเป็นดาบก็เพราะว่ามันจะไม่หายไปทันทีเหมือนลำแสง เอาไว้ฟันได้หลายรอบ

ดาบเล่มนี้จะสร้างดาเมจ 3000 ให้กับแม่มด มากยิ่งกว่าพลังเวทย์สูงสุดของเธอที่มีแค่ 2000 ซะอีก

“อุวะ ตัดจะเรียบกริ๊บเลยแฮะ…ทั้งๆที่มันน่าจะเป็นบาเรียที่แข็งมากแท้ๆ…เอาเป็นว่าอย่าใจร้ายกับเธอมากเกินไปแล้วกันนะ”

ยัยเซนต์คนแรกพล่ามอะไรจากด้านหลังชั้นอีกแล้ว

อย่าดีกว่ามั้ง

ขนาดพวกอัศวินได้ยินแบบนั้นยังหน้าเหยเกเลย

ขนาดโปรเฟตะยังปิดหน้าอึ้งไว้ไม่มิดเลยเนี่ย

“อะ อะไรเนี่ย…นี่มันบ้าอะไรกัน…!”

เสียงของแม่มดสั่นเครือ

จะสาปแช่งอะไรรึไง? ไหนๆก็เป็นบทพูดสุดท้ายก่อนตายแล้ว จะยอมฟังให้ก็ได้นะ

เธอเป็นวายร้ายที่ทำเรื่องชั่วๆไว้มากก็จริง แต่อย่างน้อยเธอก็น่าจะเป็นสาวสวยคนนึง ที่สภาพเป็นอย่างนี้ ก็คงเป็นความผิดของชั้นล่ะนะ

ก็ไม่ได้เมตตาอะไรหรอก แต่อย่างน้อยเธอก็มีเหตุผลมากพอที่จะแค้นชั้นนี่นา

“ทำไม…ทำไม! ทำไมถึงมีเซนต์ตั้งสามคน?! นี่มันแปลกไม่ใช่เหรอ! มันควรจะมีแค่เซนต์คนเดียวในแต่ละยุคแท้ๆ! อย่ามาล้อกันเล่นนะ! ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดในยุคของข้าด้วย…!”

เออ ก็น่าเห็นใจจริงๆแหละ

เพราะว่าคอมมอนเซนส์ของโลกนี้ก็คือ คนที่สามารถทำร้ายแม่มดได้=เซนต์ เลยเข้าใจว่าทั้งสามคนคือเซนต์เหมือนกันหมด

ทั้งที่จริงๆแล้วมีแค่เซนต์คนแรกและเซนต์ของยุคนี้ คนสุดท้ายน่ะมันตัวปลอม

แค่สองคนก็แย่แล้วน่ะนะ

“ไม่ยุติธรรม! นี่มันไม่ยุติธรรมเลย! ทำไม…ทำไมถึงมีแค่ในยุคของข้าที่แตกต่างล่ะ! เจ้าถูกเรียกว่าเป็นเซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์! ทุกๆคนชื่นชมว่าเจ้าเป็นสมบัติของโลก! ข้าน่ะไม่มีอะไรแบบนั้นเลยนะ! เซนต์คนก่อนหน้าข้ามันไร้ประโยชน์และทิ้งภาระหนักอึ้งเอาไว้ให้ข้า! ข้าพยายามมาตลอด โดนบอกว่ามีข้าคนเดียวเท่านั้นที่จะปราบแม่มดได้…ทั้งๆที่ข้าทำถึงขนาดนั้น ในตอนจบข้าก็โดนหักหลัง!”

นอกเรื่องนิดนึง แต่พวกอัศวินที่อยู่ที่นี่น่ะรู้ความลับเกี่ยวกับเรื่องของเซนต์และแม่มดกันหมดแล้ว

ทุกคนจึงรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของแม่มดคือเซนต์คนที่แล้ว อเล็กเซีย

พวกเลย์ล่ามองเธอด้วยสายตาสงสาร

“เพราะอย่างนั้นข้าถึงกลายเป็นแม่มดและพยายามที่จะทำลายโลกยังไงล่ะ! พวกเจ้าทุกคนต้องรับรู้ความเจ็บปวดของข้าบ้างซะ! เป็นเพราะข้าแท้ๆที่ปราบกริเซลด้าและนำความสงบสุขมาให้กับพวกเจ้าตั้งห้าปี! ทำไมไม่รู้สึกขอบคุณข้าหน่อยล่ะหา! ทั้งๆที่ข้าเป็นผู้นำความสงบมาให้แท้ๆ แต่สุดท้ายก็โดนทรยศ! ทำเหมือนว่าข้าเป็นแม่มดตั้งแต่ตอนนั้น! ข้าเอาความสงบมาให้ไม่ใช่เหรอ?! ถึงจะแค่ห้าปี แต่นั่นก็เป็นฝีมือข้านะ! ให้ข้าสุขสมกับผลงานของตัวเองหน่อยไม่ได้รึไง?! ทั้งๆที่พวกเจ้าเป็นฝ่ายรับรางวัลจากความพยายามของข้าไปแท้ๆ!?”

อืมม…ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเธอหรอกนะ

เธอโดนพรากจากพ่อแม่ตั้งแต่เกิด โดนเลี้ยงดูให้เป็นผู้”ปราบแม่มด”และโยนภาระหนักอึ้งมาให้ ในท้ายที่สุดหลังจากที่เธอทำหน้าที่ของตัวเองสำเร็จ ก็ต้องกลายมาเป็นผู้ถูกตามล่าเสียนี่

ยิ่งกว่านั้นเซนต์รุ่นก่อนเธอยังทำหน้าที่ของตัวเองไม่สำเร็จ ทำให้ในยุคเธอทั้งความคาดหวังและความขอบคุณที่มีต่อเซนต์เจือจางกว่ายุคอื่นๆ ในขณะที่แรงกดดันมีแต่จะเพิ่มขึ้น เรียกได้ว่าเป็นยุคมืดสำหรับการเป็นเซนต์เลยก็ได้

ในทางกลับกัน เพราะความพยายามของเธอ ทำให้ผู้คนปฏิบัติกับเซนต์ในยุคนี้ดีเป็นพิเศษก็เป็นได้

ถ้าลองคิดดู “เอลริส”จากในเกมเป็นที่เคารพถึงขนาดนั้นก็เพราะผลงานของอเล็กเซีย และความรู้สึกผิดที่ผู้คนมีต่อเธอ

อ่ะนะ ถึงเธอจะกลายเป็นเซนต์เก๊ที่เลวทรามที่สุดก็เถอะ

“ทั้งๆที่พวกเจ้าเป็นฝ่ายรับรางวัลจากความพยายามของข้าไปแท้ๆ!?” น่ะถูกแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครที่ยอมทำงานหนักขนาดนั้นโดยไม่หวังผลตอบแทนหรอก

จะความดีอะไรก็เป็นแค่ลมปาก สุดท้ายคนที่จะได้รับรางวัลก็คือคนที่ทำงานเพื่อรางวัลนั้น

พูดไปก็คล้ายๆข้ออ้างที่พวกแบล็คคอมปานีพ่นใส่พนักงานเงินเดือนที่ต้องทำโอฟรีอยู่ตลอดนั่นล่ะ

ฉะนั้นจะว่าอเล็กเซียพูดถูกครึ่งนึงก็ได้

แต่ชั้นก็สงสารที่เธอบอกว่า “ข้าเจ็บมาแล้ว เลยจะทำลายทุกอย่างให้พวกเจ้าเจ็บปวดตาม” ไม่ลงเลย

ดูดิ สายตาของพวกเวอร์เนลเย็นชาขึ้นมาแล้ว ขนาดชั้นยืนหันหลังให้นี่ยังรู้เลย

“ทุกๆคนมีความสุขกับความสงบที่ข้านำมาในขณะที่ข้าต้องเจ็บปวดอยู่คนเดียว! ข้าคนเดียวเท่านั้น! ไม่มีรางวัลอะไรให้ทั้งนั้น! เป็นเจ้านี่ดีนะ! ถูกเรียกว่าเป็นเซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถูกบูชาอยู่บนหิ้งตลอด! เพราะว่าทุกๆคนชื่นชมเจ้าแบบนั้น ถึงมีกำลังใจให้พยายาม! ยิ่งใหญ่ที่สุดอะไรกัน! เจ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น! คงจะภูมิใจน่าดูเลยสิที่ไม่ว่าใครก็ก้มกราบแทบเท้าเจ้า!”

เอ้อ ตามนั้นเลย พูดถูกเผง

ตูนี่โคตรภูมิใจเลย รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่ามั่กๆ โชว์เหนือให้พวกไพร่มันดูนี่คือของชอบ

ชั้นทำเรื่องไปเยอะก็จริง แต่โดยพื้นฐานแล้วก็มาจากความคิดเน่าเหม็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ

อยากจะดูดีในสายตาคนอื่น อยากจะถูกจัดไว้บนหิ้ง อยากจะโดนชมว่าโคตรเทพ นี่แหละความรู้สึกของชั้นล่ะ

จะพูดแดกดันไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะว่านี่เป็นความจริงล้วนๆไงล่ะ

อยากพูดอะไรก็เชิญ

 เพราะงั้นแหละ วางดาบก่อนเถอะสต๊อกโกะจัง

“เจ้าเกิดมามีพลังสุดยอด รายล้อมด้วยพวกพ้องมากมาย…แถมยังมีเซนต์เพิ่มขึ้นมาอีก! นี่มันไม่ยุติธรรมเลย! เจ้าคนขี้ขลาด! ใช่แล้ว เจ้ามันขี้ขลาด! ถ้าแค่ข้า…ถ้าข้ามีพลังเหมือนกับเจ้า…ถ้าข้ามีอัศวินมากมายรายล้อม…ใช่แล้ว ดิแอส ดิแอสอยู่ที่ไหน!? มาช่วยข้าทีดิแอส! มาช่วยข้า!”

“ครูใหญ่ดิแอสได้ถูกจับกุมมาเป็นเวลานานแล้ว คนที่เจ้าติดต่อด้วยจนถึงตอนนี้…คือกระผมเอง”

ซัปเปิ้ลตอบแม่มดไป

เพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้แม่มดเข้าใจได้แล้ว

ถึงความจริงที่ว่าเธอไม่มีทางหนีอีกแล้ว

เธอพยายามถอยหลัง แต่ก็เจอเพียงทางตัน

เธอทำได้เพียงเอาหลังดันกำแพงด้วยท่าทางน่าเวทนา

“อะ อะไรกัน? เวรเอ๊ย ไอ้เจ้าคนไร้ประโยชน์! เป็นอัศวินแท้ๆ แต่กลับปกป้องเจ้านายของตัวเองไม่ได้!”

เธอพูดจาว่าร้ายดิแอส ทำเอาเลย์ล่ากำดาบแน่น

แต่แม่มดไม่รู้สึกถึงเรื่องนั้นและยังพูดต่อไป

“อะ ออคโตล่ะ! มันไปอยู่ไหนแล้ว! จะปล่อยให้ข้าอยู่ตัวคนเดียวไปถึงเมื่อไรกัน! โปจิ! นี่เป็นโอกาสดีที่สัตว์ไร้ประโยชน์เช่นเจ้าจะได้ช่วยข้าแล้วนะ! รีบๆมาสักทีสิ!”

ออคโตถูกทำลายสิ้นซาก

โปจิถูกพวกเวอร์เนลปราบในงานประลองช่วงต้นปี

เวอร์เนลเข้าใจได้ว่าโปจิที่เธอพูดถึงก็คือสุนัขตัวนั้น

นั่นยิ่งทำให้ความโกรธของเขาที่มีต่อแม่มดลุกโชนขึ้นไปอีก

“…เป็นภาพที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย ท่านอัลเฟรีย กรุณาทำการผนึกเธอด้วยเถอะ…อย่างน้อยที่สุด เธอก็จะไม่ต้องแสดงความน่าสมเพชไปมากกว่านี้”

ซัปเปิ้ลถอนหายใจและหันไปพูดกับอัลเฟรียด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน

ถึงแม้เซนต์ของเขาจะมีเอลริสเพียงคนเดียว แต่จุดเริ่มต้นในความเชื่อของเขาที่มีต่อเซนต์ก็คืออเล็กเซีย

ต้องมาเห็นเธอในสภาพแบบนี้ถือว่าส่งผลกับตัวเขาไม่น้อยเลย

อัลเฟรียทำเพียงตอบว่า”โอเค” และเริ่มเตรียมการใช้งานเวทมนตร์

ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ นี่ก็จะเป็นจุดจบแล้ว แต่…ในหนังนี่ถ้าบทมันมาอย่างนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะล้มเหลวอ่ะนะ

จะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย…? ขอให้มันสำเร็จได้ด้วยดีแล้วกัน