ตอนที่ 37.1 ปรากฏการณ์ใหญ่ เล่ห์กลเล็กน้อย (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว พวกเราทั้งคู่ล้วนรับหน้าที่เป็นผู้นำกลุ่มในวันนี้ พวกเราควรทำงานร่วมกันและปกป้องชื่อเสียงของสำนักตู้เซียนของเรา”

“อืม ศิษย์น้องโหย่วฉินกล่าวได้ถูกต้อง”

“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว ผู้อาวุโสเซียนเทียนภายในสำนักจะไปที่แท่นหลัก ในขณะที่พวกเราจะไปที่แท่นพิธีการ ซึ่งในช่วงเวลานี้ สิ่งต่างๆ จะผิดพลาดได้ง่าย พวกเราต้องระวังให้มากเจ้าค่ะ”

“อืม ศิษย์น้องโหย่วฉินกล่าวได้ถูกต้อง”

“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว ในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา การฝึกบำเพ็ญของท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”

“อืม ศิษย์น้องโหย่วฉินกล่าวได้… การฝึกบำเพ็ญของข้าราบรื่นดี” หลี่ฉางโซ่วตอบด้วยรอยยิ้มและกล่าวเสริมในใจเงียบๆ อีกประโยคว่า

ก็ต้องขอบคุณที่ศิษย์น้องหญิงตัวอันตรายถูกลงโทษให้ปิดด่านสำนึกผิด

โหย่วฉินเสวียนหย่าเม้มริมฝีปากบางของนาง ในขณะนี้นางไม่รู้จะหาหัวข้อใดมาสนทนา แต่ก็ยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้การสนทนาดำเนินต่อไป…

น่าเสียดายที่ประสบการณ์ชีวิตส่วนใหญ่ของนางล้วนเป็นการฝึกฝน นางจึงไม่ได้อ่านพระสูตรแห่งเต๋าแม้แต่ย่อหน้าเดียว

บางทีหลี่ฉางโซ่วอาจเห็นนางกำลังคิดหนัก เขาจึงกล่าวออกไปว่า “เจ้าควรพักผ่อนก่อนเพราะเจ้ายังมีความรับผิดชอบอีกมากหลังจากนี้”

“เจ้าค่ะ” โหย่วฉินเสวียนหย่าพยักหน้าตอบรับ แล้วหลับตาลงพลางเม้มปากก่อนที่จะรู้สึกผ่อนคลาย และความเย็นยะเยือกตามปกติของนางก็กลับคืนมาอีกครั้ง

นอกจากนี้ เนื่องจากคำพูดของหลี่ฉางโซ่ว บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ที่แอบสังเกตพวกเขาทั้งสองคนอยู่ข้างหน้าจึงค่อนข้างสบายใจกับ ‘ความรู้จักตนเอง’ ของหลี่ฉางโซ่ว…

หลังจากบินไปได้สองชั่วยาม พวกเขายังห่างไกลจากชายฝั่งทะเลบูรพา ระหว่างทางนั้น สำนักตู้เซียนก็พบ ‘กลุ่มตัวแทนของสำนักเซียน’ อื่นๆ อีกเจ็ดถึงแปดคน

เพื่อตอบรับต่อคำเชิญของวังมังกรทะเลบูรพา บรรดาเซียนที่ได้รับคำเชิญจึงแอบพูดคุยกันหลายเรื่องในแง่มุมต่างๆ

ตัวอย่างเช่น ขนาดกลุ่มของแต่ละสำนัก ในครั้งนี้พวกเขาได้ส่งศิษย์มามากกว่าสิบคน และเซียนเสิ่นมากกว่าสิบคน รวมทั้งหมดก็ประมาณสามสิบคน

นี่จะแสดงให้เห็นว่าผู้บำเพ็ญมนุษย์ไม่ได้ให้ความสนใจกับงานชุมนุมกวาดล้างปีศาจมากนัก อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงให้ความเคารพวังมังกร ดังนั้นพวกเขาจึงเพียงแค่มาเข้าร่วมในงานนี้อย่างไม่เต็มใจ

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ พวกเขาต้องใช้ความระมัดระวังหลีกเลี่ยงไม่ให้ต้องหลั่งเลือดในการต่อสู้ครั้งนี้และหากเกิดความคับข้องใจระหว่างสำนักก็ควรระงับความบาดหมางเอาไว้ชั่วคราวเพื่อไม่ให้เผ่ามังกรได้เห็นจนกลายเป็นที่ขบขันของพวกเขา

มีข้อตกลงที่คล้ายคลึงกันเช่นนี้มากมาย

จุดประสงค์หลักที่สำนักเซียนเหล่านี้ได้ทำข้อตกลงกันคือ เพื่อให้ผู้บำเพ็ญเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ต้องเสียหน้าต่อหน้าเผ่าพันธุ์มังกร และแสดงออกให้เห็นถึงการควบคุมตนเองได้ดี

ทว่ามีข้อตกลงแปลกๆ เล็กน้อยในหมู่พวกเขา นั่นคือ บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ที่สำนักเซียนต่างๆ ส่งมาจะต้องมีอายุไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบปี

แล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นเล่า

ศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนไม่กล้าถามถึงแม้จะมีข้อสงสัยก็ตาม แต่หลี่ฉางโซ่วก็พอมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างเล็กน้อย

ไข่มังกรของเผ่าพันธุ์มังกรต้องใช้เวลาฟักตัว เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยห้าสิบปีก่อนที่มันจะแตกออกจากเปลือก และมังกรน้อยรุ่นเยาว์ก็จะมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษทันทีที่เปลือกแตกออก ซึ่งเทียบเท่ากับการฝึกฝนอยู่ในไข่มังกรตลอดเวลานั่นเอง

มังกรน้อยของวังมังกรจะมีพลังพิเศษและสามารถกลายเป็นเซียนได้หลังจากฝึกบำเพ็ญมาเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี หากพวกเขามีสายเลือดของราชามังกร พวกเขาก็จะยิ่งทรงพลังล้ำลึกมากยิ่งขึ้น

จากประสบการณ์ของงานชุมนุมที่คล้ายคลึงกันก่อนหน้านี้ วังมังกรจะปล่อยให้มังกรน้อยออกมาแสดงพลังของมันทุกครั้งเพื่อเยาะเย้ยผู้บำเพ็ญมนุษย์

หากศิษย์รุ่นเยาว์ที่มีอายุน้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบปีสามารถเอาชนะมังกรน้อยเหล่านี้ได้ แน่นอนมันย่อมแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเก่งกาจเหนือกว่า และทำให้สำนักเซียนเหล่านี้มีความสุข แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแพ้ พวกเขาก็จะไม่นับว่าเสียศักดิ์ศรีเช่นกัน

เผ่าพันธุ์มนุษย์รวมตัวกันในดินแดนเทวะทักษิณ ในขณะที่เหล่าปรมาจารย์ผู้บำเพ็ญมนุษย์จะรวมตัวกันในดินแดนเทวะมัชฌิมา

หากสำนักเซียนของดินแดนเทวะอุดรไม่อาจเชิดหน้ายืนหยัดต่อหน้าวังมังกรได้ พวกเขาก็จะถูกสำนักเซียนหลักของดินแดนเทวะมัชฌิมาตำหนิเช่นกัน ดังนั้นสำนักเซียนทั้งหมดในดินแดนเทวะบูรพาจึงตระหนักถึงศักดิ์ศรีของพวกเขา

เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ชายฝั่งของทะเลบูรพา ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆสีขาวที่เปล่งแสงเซียนสว่างไสวไปทั่ว

แม้ว่าจะมีเซียนมากมายในดินแดนเทวะบูรพา แต่ก็มีไม่ถึงร้อยคนที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะรับคำเชิญจากวังมังกร

อย่างไรก็ตามเพื่อวาดเส้นแบ่งเขตแดนของทะเลบูรพาให้ชัดเจนในครั้งนี้ วังมังกรจึงไม่เพียงแต่เชิญสำนักเซียนของสามสำนักบำเพ็ญหลักซึ่งมีภูมิหลังที่ลึกซึ้ง เช่น สำนักตู้เซียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสำนักเซียนขนาดใหญ่และเล็กที่อยู่ห่างไกลจากขอบทะเลบูรพาอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้แม้ว่าสำนักเซียนจะส่งคนออกไปเพียงสามสิบคนเท่านั้น แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่มาเข้าร่วมงานชุมนุม และส่งผลให้ท้องฟ้าที่อยู่ในบริเวณใกล้สถานที่จัดงานชุมนุม…แออัดเล็กน้อย

ในเวลานี้ บรรดาศิษย์หมดของสำนักตู้เซียนได้ลุกขึ้นยืน และโหย่วฉินเสวียนหย่าก็กลับไปที่ตำแหน่งเดิมของนาง ฟังคำแนะนำจากอาจารย์ลุงและอาจารย์อาที่อยู่ข้างหน้าแล้ว

หลี่ฉางโซ่วไม่ได้มองดูสภาพแวดล้อมของเขาต่อไป แต่ยืนเงียบๆ และมองอยู่ตรงมุม ในขณะที่ฟังเสียงหัวใจของเขา

บรรดาศิษย์ที่อยู่ข้างหน้าพลันร้องอุทานออกมาว่า “เป็นไปตามคาด ช่างคู่ควรกับเป็นงานชุมนุมกวาดล้างปีศาจที่วังมังกรจัดขึ้น มันยิ่งใหญ่โอ่อ่ามาก”

“พวกเจ้าทุกคนควรต้องให้ความนับถือวังมังกรบ้าง เพราะอย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นหนึ่งในสามเผ่าพันธุ์หลักตั้งแต่สมัยโบราณ”

เซียนบุรุษผู้หนึ่งหันมาตำหนิเขา “ระวังหน่อย สังเกตให้มาก! อย่าออกความเห็นในสถานที่ของคนอื่น! เจ้าจะฝ่าฝืนข้อห้ามได้ง่ายๆ!”

“ขอรับ ศิษย์จะพูดจาระมัดระวัง โปรดอภัยให้ศิษย์ด้วยขอรับ”

จู่ๆ ศิษย์หญิงอีกคนก็กล่าวขึ้นว่า “ที่นั่นเป็นสถานที่สำหรับจัดงานชุมนุมครั้งนี้หรือไม่”

ทุกคนมองไปในทิศทางที่นางกำลังชี้ไป ก่อนที่พวกเขาจะอุทานออกมาด้วยความตกใจในทันใดอีกครั้ง

หลี่ฉางโซ่วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้

ช่างมีเอกลักษณ์เข้ากับสมัยอะไรอย่างนี้!

เป็นค่ายกลที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!

ทางตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งห่างไกลจากพวกเขา

ห่างจากพวกเขาไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีรางน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนผิวน้ำทะเล

รางน้ำนี้เปรียบดั่งก้านยาวของดอกบัว มันเปลี่ยนเส้นทางน้ำทะเลจำนวนมหาศาลขึ้นไปในท้องฟ้า แล้วแผ่ขยายทำให้เกิดแท่นดอกบัววารีขนาดมหึมา

รางน้ำนี้ถูกทำให้เสถียรด้วยพลังเซียนและหยุดอยู่นิ่งๆ ในขณะที่แท่นดอกบัวที่อยู่ด้านบนนั้นมั่นคงและกว้าง และมีเมฆหมอกรายล้อมอยู่เต็มท้องฟ้าราวกับอาณาจักรเซียนแห่งท้องทะเล

และนั่นคือสถานที่หลักในการจัดงานชุมนุมกวาดล้างปีศาจ

เซียนเสิ่นผู้หนึ่งที่อยู่ด้านในกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “วังมังกรไม่เคยทำให้เราผิดหวังกับการสร้างปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หัวเราะเบาๆ และมองไปที่อาจารย์อาจิ่วจิ่วที่ยืนอยู่ข้างเซียนสตรีสองสามคน

ตลอดการเดินทางมานี้ อาจารย์อาจิ่วจิ่วดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคน นางกลายเป็นคนที่ดูสุภาพและเงียบสงบ ไม่เพียงแต่ไม่แตะต้องน้ำเต้าสุราเล็กๆ ที่เอวของนางเท่านั้น แต่นางยังไม่กล้าพูดอะไรมากอีกด้วย

นั่นเป็นเพราะว่า อาจารย์ของนางก็อยู่เหนือศีรษะของนางแค่นั้นเอง และต้องบอกว่าการที่นางเป็นแบบนี้ทำให้ดูน่ารักจริงๆ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยิ่งทำงานร่วมกับอาจารย์อาจิ่วจิ่วเพื่อหลอมโอสถและสร้างค่ายกลมากเท่าใด สามารถอธิบายได้ด้วยวลีเดียว… มันช่างน่าเสียดายที่นางพูดได้

อะแฮ่ม ล้อเล่นน่า ล้อเล่น

………………….