ตอนที่ 37.2 ปรากฏการณ์ใหญ่ เล่ห์กลเล็กน้อย (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

เมื่อพวกเขายิ่งเข้าใกล้รางน้ำและแท่นดอกบัวมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความโอ่อ่าสง่างามมากขึ้นเรื่อยๆ และตระหนักรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของวังมังกรเช่นกัน

ในทะเลมีกองทหารกุ้งและแม่ทัพปูยืนอยู่ ทหารเหล่านี้แต่ละตัวล้วนแผ่ลมปราณเข้มข้นรุนแรงออกมาซึ่งปีศาจตัวเล็กๆ ที่หลันหลิงเอ๋อร์ได้สังหารไปก่อนหน้านี้ไม่อาจเทียบด้วยได้

แม้แต่พลังลมปราณของทหารกุ้งที่อ่อนแอที่สุดในที่นี้ก็สามารถเทียบได้กับผู้บำเพ็ญขอบเขตคืนกลับอนัตตาแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นกองกำลังชั้นยอดของวังมังกร

ในเวลานี้ศาลสวรรค์ยังขาดแคลนจึงทำงานได้ไม่ดี และแม่น้ำสวรรค์ก็ยังไม่มีกองทหารหรือแม่ทัพเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงอุปโลกน์ตำแหน่งแม่ทัพกองทัพน้ำแห่งศาลสวรรค์ขึ้นมา และกองกำลังทางน้ำที่ทรงพลังที่สุดในยุคนี้ก็คือวังมังกรแห่งสี่คาบมหาสมุทร

เมื่อเมฆขาวเคลื่อนเข้ามาใกล้ดอกบัววารีนี้ ก็มีเสียงร้องคำรามของมังกรดังมาจากรางน้ำที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสิบลี้

มีมังกรครามหลากสีหลายสิบตัวพุ่งออกมาจากรางน้ำและเหินบินขึ้นๆ ลงๆ ไปรอบๆ รางน้ำ!

ชั้นของม่านน้ำตกลงมาบนขอบของแท่นดอกบัวด้านบน และภายใต้แสงตะวันก็มีสายรุ้งพาดผ่านไปทั่วแผ่นฟ้า…

เมื่อมองดูแท่นดอกบัว ก็เห็นเงาร่างกลุ่มหนึ่งราวสามพันร่างลอยขึ้นไปในอากาศเหนือแท่นดอกบัว

พวกมันคือเซียนทหารมังกรวารีของเผ่ามังกรที่สวมชุดเกราะสีเงินขาวสว่าง ส่วนใหญ่ปรากฏร่างออกมาในรูปมนุษย์ที่มีผิวสีแทนและมีเขามังกรอยู่บนหัว

ร่างกายของพวกมันล้วนเป็นเซียนมังกรวารีซึ่งมีสายเลือดใกล้ชิดกับเผ่ามังกร พวกมันยังเป็นกองกำลังต่อสู้หลักที่อยู่ในมือของวังมังกร และมีชื่อเสียงมากมาตั้งแต่สมัยโบราณ

เซียนมังกรวารีสามพันตนเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วแท่นดอกบัวอย่างเท่าเทียมกัน ในขณะที่พวกมันวนรอบแท่นดอกบัว พวกมันมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาระเบียบของงานชุมนุมกวาดล้างปีศาจ

หลังจากเซียนทหารมังกรวารียืนอยู่ในอากาศก็แสดงความยิ่งใหญ่ออกมา พวกมันล้วนแผ่พลังลมปราณออกมาอย่างทรงพลัง ซึ่งไม่คาดคิดว่า พวกมันทั้งหมดล้วนครองขอบเขตเซียนเสิ่น และพวกมันก็สร้างผลกระทบอย่างมากต่อผู้บำเพ็ญมนุษย์

เผ่ามังกรเหล่านี้เป็นดังที่เปรียบเปรยกันว่า อูฐที่ผอมโซก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า[1]

แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้เป็นศัตรูร้าย แต่พวกมันก็ไม่จำเป็นต้องมีเมตตาเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ไปมีปัญหาและสร้างกรรมกับพวกมัน

หลี่ฉางโซ่วก็คิดเช่นนั้น

ศิษย์พี่หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าถามขึ้นว่า “วังมังกรให้ความสำคัญกับงานชุมนุมครั้งนี้มากหรือไม่”

เซียนเสิ่นสตรีอีกคนหนึ่งในสำนักหัวเราะเบาๆ และกระซิบตอบว่า “วังมังกรชอบมีส่วนร่วมในงานเหล่านี้เพื่อแสดงพลังของพวกเขา อันที่จริงใครบ้างที่ไม่รู้สถานการณ์ของเผ่ามังกรในตอนนี้”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘สถานการณ์’ หลี่ฉางโซ่วก็คิดมากขึ้น

พิจารณาจากผลงานในยามนี้ของเผ่าพันธุ์มังกรซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ปกครองพิภพ เผ่าพันธุ์มังกรก็ยังคงไม่เต็มใจที่จะอยู่อย่างสันโดษ

ดูจากเผ่ามังกรที่แข็งแกร่งมากในตอนนี้ ก็ยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นมังกรที่ทรงพลัง…

หลังจากอุทิศตนให้สวรรค์ พวกเขาก็จะใช้พลังเวทช่วยสวรรค์โปรยฝนลงมาอย่างระมัดระวัง…

ทว่าหลังจากที่ศาลสวรรค์แข็งแกร่งขึ้น เผ่ามังกรก็ถูกกวาดล้างแม้ว่าพวกเขาจะฝ่าฝืนกฎสวรรค์เล็กน้อยจากการให้ปริมาณน้ำฝนผิด หลังจากนั้นตับของมังกรและไขกระดูกหงส์ก็กลายเป็นอาหารเซียนเลิศรสสำหรับเง็กเซียนฮ่องเต้…

ผู้ยิ่งใหญ่โบราณทั้งสาม… เผ่ามังกร หงส์และกิเลน ประสบโศกนาฏกรรมใดก่อนและหลังจากที่พวกเขาอุทิศตนให้สวรรค์?

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะไม่ออกไปข้างนอกก่อนที่เขาจะบรรลุเซียนขั้นสูงสุด!

แม้มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะยังห่างไกลออกไป แต่ข้าก็ต้องเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ

ทันใดนั้นก็มีเต่าทองบินขึ้นมาจากแท่นดอกบัววารี

หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่บนเมฆอย่างเงียบๆ เมฆสีขาวของสำนักตู้เซียนและเมฆขาวอื่นๆ อีกหลายสิบก้อนต่างลอยไปที่แท่นดอกบัววารีก่อน…

มีทูตเต่าสองตนยืนอยู่บนหลังของเต่าทอง ทั้งสองสวมชุดคลุมสีแดง มีกระดองเต่าอยู่บนตัว และมีหัวเล็กๆ ที่ปลายคอ ซึ่งดูน่าขันยิ่ง

บุรุษเต่าทางซ้ายกระแอมในลำคอ พลางสะบัดพัดด้ามเล็กในมือ แล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำที่อ่อนโยนนุ่มนวลซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ของบุรุษว่า “สหายเซียนเทียนและเหล่าผู้อาวุโส โปรดไปที่แท่นด้านหน้า”

นี่คือตำนาน…เสียงจากวังมังกรหรือ

จากนั้นบุรุษเต่าทางด้านขวาก็ตะโกนด้วยเสียงแหลมสูงว่า “ศิษย์ของสำนักเซียน โปรดเข้าไปในสถานที่จัดงาน! โต๊ะเก้าอี้ ผลไม้ อาหารและสุรา ถูกจัดเตรียมไว้โดยรอบแท่นพิธีการแล้ว!…

มีแผ่นป้ายสำหรับสำนักเซียนที่มีอันดับสูงในดินแดนเทวะอุดร! ให้ดูอย่างระมัดระวังด้วย! หากอ่านป้ายไม่ออกก็สามารถถามสาวใช้พวกนั้นได้!

สำนักเซียนที่อยู่ด้านล่างสุดของอันดับนั้นจะไม่มีแผ่นป้าย ให้ไปทางด้านหลังแล้วหาที่นั่งได้เลย!”

พวกเขาดูเหมือนคนงานในสำนักโคมเขียวของเผ่าพันธุ์มนุษย์

“พรืด…”

จิ่วจิ่วที่เงียบมาตลอดทางยังอดปิดปากและหัวเราะออกมาไม่ได้ ทุกคนในสำนักตู้เซียนต่างก็ขบขันเจ้าเซียนเต่าทั้งสองตัวนี้

พวกเต่าช่างมากเรื่องจริงๆ

ทุกคนที่สำนักตู้เซียนไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่นั่ง ไม่เพียงเท่านั้น ที่นั่งของพวกเขายังคงอยู่ใกล้กับด้านหน้ามากที่สุด

ฉับพลันนั้นปรมาจารย์หว่างฉิงและผู้อาวุโสเซียนเทียนสองสามคนก็บินขึ้นไปบนแท่นสูงในอากาศ

เซียนเสิ่นสิบหกคนซึ่งสมัครใจปกป้องเหล่าศิษย์ต่างละทิ้งจากเมฆขาวและบินไปยังบริเวณที่นั่งของสำนักตู้เซียน

ราวกับว่าไม่มีหลี่ฉางโซ่วและโหย่วฉินเสวียนหย่าซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มศิษย์นั้นอยู่ด้วย

ก่อนหน้านี้สำนักเซียนต่างๆ ได้พูดคุยกันว่า แต่ละสำนักจะส่งคนไปสามสิบคนซึ่งวังมังกรก็รู้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามมีการเตรียมเบาะรองนั่งและโต๊ะเตี้ยเอาไว้ในที่นั่งของแต่ละสำนักเพียงยี่สิบห้าที่เท่านั้น

และมีการเตรียมผลไม้และเครื่องดื่มเอาไว้เพียงยี่สิบห้าที่เช่นกัน

แต่นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น มีศิษย์หญิงสองสามคนนำเบาะรองนั่งออกมาและนั่งร่วมกันสองคนต่อหนึ่งโต๊ะ

อย่างไรก็ตาม สำนักเซียนที่มีขนาดเล็กกว่าก็ยิ่งได้รับการปฏิบัติที่แย่กว่า เนื่องจากมีที่นั่งหินเพียงแถวเดียวโดยไม่มีโต๊ะเตี้ย นับประสาอะไรกับผลไม้และเครื่องดื่ม

หลี่ฉางโซ่วนั่งใกล้มุมที่นั่งของสำนักตู้เซียนซึ่งมีสาวใช้ที่เป็นหอยยืนอยู่ข้างๆ เขา เพื่อคอยให้บริการผู้คนของสำนักตู้เซียน

เขาเหลือบมองดูผลไม้และสุราชั้นดีตรงหน้าและรู้สึกประหลาดใจ ก่อนจะหยิบองุ่นใสขึ้นมามองดูแล้วโยนมันเข้าปากไปอย่างสบายๆ

ทันใดนั้นสาวใช้หอยหน้าตาดีก็ปิดปากหัวเราะเบาๆ แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเพียงแอบมองหลี่ฉางโซ่วอยู่เงียบๆ

ในไม่ช้าหลี่ฉางโซ่วก็เรอออกมาก่อนที่เขาจะยืนยันได้ว่าสิ่งที่เขากินเข้าไปนั้นคืออะไร

วังมังกรยังใช้เล่ห์กลกลั่นแกล้งผู้คนโดยพวกเขาให้องุ่นเซียนแช่แข็งที่เรียกว่า ‘รากวิญญาณเสี่ยวโฮ่วเทียน’ แก่ทุกคนในสำนักตู้เซียน

หลังจากสังเกตดูบริเวณโดยรอบของสำนักอื่นๆ อย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ตระหนักว่าพวกเขามีองุ่นเซียนอีกหลากหลายสายพันธุ์กัน

องุ่นเซียนแช่แข็งเป็นของดีจริงๆ เมื่อกินเข้าไปในปริมาณเล็กน้อย มันจะสามารถบำรุงวิญญาณ และปรับลมปราณของผู้บำเพ็ญและช่วยฟื้นฟูสภาพแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ มันมีกลิ่นหอมและรสชาติยอดเยี่ยม ทั้งยังมีราคาแพงเป็นพิเศษอีกด้วย

แต่ยังมีข้อด้อยอยู่คือ เมื่อกินในปริมาณมากก็…มักจะผายลม หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือมันจะผ่อนคลายทวารหนักจนมีกลิ่นอายลมปราณพุ่งออกมาจากร่างกาย

ยิ่งกว่านั้นแรงลมเหล่านั้นยังจะพุ่งทะลักออกมาอย่างต่อเนื่องกันจนยากจะทานทน ซึ่งแม้แต่เซียนก็ยังไม่อาจระงับได้

หลี่ฉางโซ่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเตือนโหย่วฉินเสวียนหย่า

“ศิษย์น้องโหย่วฉิน ก่อนที่จะกินสิ่งเหล่านี้ ให้ถามอาจารย์ลุงและอาจารย์อาก่อนว่ามีสิ่งใดมีปัญหาผิดปกติหรือไม่ ข้าเห็นว่าสำนักอื่นเริ่มกินกันแล้ว อย่าบอกว่าข้าเป็นคนเตือนเจ้า แค่บอกออกไปว่าเจ้าพบสิ่งผิดปกติเหล่านี้เอง”

โหย่วฉินเสวียนหย่ากะพริบตาแล้วหันไปมองหลี่ฉางโซ่ว จากนั้นนางก็คีบองุ่นที่ปอกเปลือกแล้วส่งเข้าปากขณะที่เอียงศีรษะเล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันใด…

ก็ได้…ถือเสียว่าข้าไม่ได้พูดเรื่องนี้แล้วกัน

……………………………………………………………………

[1] อูฐที่ผอมโซก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า หมายถึง ผู้ที่แม้จะประสบความยากลำบาก แต่ก็ยังคงมีสภาพดีกว่าผู้อื่นอีกหลายคน ดั่งเช่น คนรวย ที่แม้จะล้มละลาย แต่สภาพความเป็นอยู่ก็ยังดีกว่าคนยากจนอยู่มาก