ตอนที่ 38 เพียะ! เพียะ! เพียะ!
นอกจากเหล่าฮูหยินแล้ว สือชีก็เป็นคนที่ใต้เท้าหมิงซิวให้ความสำคัญมากที่สุด นับตั้งแต่ครั้งแรกที่รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของสือชี เฉียวอวี้ซีก็คิดหาวิธีมัดใจสือชีด้วยวิธีการทุกรูปแบบ

เพียงแต่สือชีแตกต่างจากเด็กคนอื่น เขาไม่พูดและไม่ชอบข้องเกี่ยวกับผู้คน จะบอกว่าเขาโง่ เขาก็มีวรยุทธ์ล้ำเลิศเกินกว่าจะเป็นเช่นนั้น จะบอกว่าเขาฉลาด เขาก็ไม่เคยเข้าใจคำพูดของเฉียวอวี้ซี

กล่าวได้ว่าเขาทำให้เฉียวอวี้ซีปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก

ตอนนี้สหายของสือชีไม่สบาย แม้ไม่เข้าใจว่าคนอย่างสือชีมีสหายได้เช่นไร แต่นี่เป็นโอกาสดีที่จะตีสนิทสือชี

สือชีไม่เข้าใจคำพูดของนางก็ไม่เป็นไร สหายของสือชีเข้าใจก็พอ สมุนไพรชั้นดีเหล่านี้ของนางเมื่อนำมารวมกันก็เป็นเงินหลายร้อยตำลึง นางไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบ

เฉียวอวี้ซีนั่งรถม้ามาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่อธิบายไม่ถูก จนกระทั่งรถม้าจอดตรงหัวถนนชิ่งเฟิง

ถนนสายนี้ดูเงียบสงัด ผู้ที่อาศัยอยู่บนถนนเส้นนี้ล้วนเป็นผู้สูงศักดิ์ที่ไม่ชอบโอ้อวด เฉียวอวี้ซีกลัวว่าจะไปล่วงเกินผู้ใดเข้าจึงให้สารถีจอดรถม้าที่ตรอกฝั่งตรงข้าม ส่วนตนเองถือของบำรุงเดินเข้าไปพร้อมกับฝังมามา

ไม่นานทั้งสองก็พบเรือนที่หมิงอันกล่าวถึง ประตูเรือนปิดอยู่ เฉียวอวี้ซีส่งสายตาให้ฝังมามา ฝังมามาจึงเคาะประตูเบาๆ “มีผู้ใดอยู่หรือไม่ คุณหนูเฉียวมาเยี่ยมสือชี”

ผู้ที่เปิดประตูออกมาคือหมิงอัน เขาเชิญทั้งสองคนเข้าไปในเรือนสี่ประสาน แล้วบอกพวกนางว่า สือชีกับสหายของเขาอยู่ที่เรือนตะวันออก

เฉียวอวี้ซีเดินไปทางเรือนตะวันออก นางได้ยินเสียงไอแว่วมาแต่ไกล จึงผ่อนฝีเท้าลง เดินไปที่ประตูอย่างช้าๆ

ประตูเปิดอยู่ มีคนอยู่ในห้องสามคน หญิงสาวหนึ่งคน เด็กหนุ่มหนึ่งคนและสือชีผู้สวมอาภรณ์สีดำสนิท

เสื้อผ้าของคนแปลกหน้าสองคนนั้นดูซอมซ่ออยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกเขาปรากฏตัวข้างๆ สือชีได้ แสดงว่าฐานะของพวกเขาไม่ธรรมดา

เฉียวอวี้ซีไม่กล้ามองข้ามพวกเขา นางจัดมวยผมแล้วเยื้องย่างเข้าไปอย่างสง่างาม เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลดุจสำเนียงสวรรค์ “สือชี ข้าได้ยินมาว่าสหายของเจ้าป่วย จึงตั้งใจนำสมุนไพรบำรุงร่างกายเล็กน้อยมาให้พวกเขา”

สือชีไม่ตอบสนอง

เฉียวเวยกับหลัวหย่งจื้อกลับเป็นฝ่ายที่หันกลับมาช้าๆ ดวงตาสี่คู่สบประสาน เฉียวเวยกับฝังมามา ‘สะตุ้งตกใจ’ พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย “เหตุใดถึงเป็นเจ้า”

มุมปากของหลัวหย่งเหนียนกระตุก “รู้จักอีกแล้วหรือ”

พี่สาวเขารู้จักคุณชายผู้สูงศักดิ์สองคนก็น่ากลัวมากพอแล้ว เหตุไฉนนายบ่าวคู่นี้ก็เป็น ‘สหายเก่า’ ของพี่สาวเขาด้วย

คนแรกที่เฉียวเวยเห็นคือฝังมามา เพราะถึงอย่างไรนางก็เคยพบฝังมามามากครั้งกว่า เที่ยงวันนี้ก็เพิ่งถูกฝังมามาไล่ออกจากหอหลิงจือ ต่อให้ฝังมามากลายเป็นเถ้าถ่าน เฉียวเวยก็จำนางได้

ต่อมานางจึงเห็นเฉียวอวี้ซีผู้อยู่ถัดจากฝังมามา เมื่อเทียบกับครั้งนั้นในตัวเมือง ภาพลักษณ์บริสุทธิ์ไร้มลทินดุจเทพธิดาของเฉียวอวี้ซีหายไปหลายส่วน มีความงดงามหรูหราและวิจิตรบรรจงเช่นสตรีเมืองหลวงเข้ามาแทนที่

หากนางเป็นบุรุษ เกรงว่าคงตกหลุมรักสตรีเช่นนี้

เฉียวอวี้ซีเคยพบเฉียวเวยเพียงครั้งเดียว นางจึงจำเฉียวเวยไม่ได้ในทันที แต่เมื่อได้ยินเฉียวเวยกับฝังมามาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘เหตุใดถึงเป็นเจ้า’ นางก็จำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

นางคือแม่ค้าในเมืองซีหนิวมิใช่หรือ ไยจึงมาอยู่ในเรือนของใต้เท้าหมิงซิวได้

คำตอบของคำถามนี้เกรงว่าต้องถามฝังมามา

ฝังมามาเบิกตาโพลงราวกับถูกฟ้าผ่า “ข้าถามเจ้าอยู่! ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”

เมื่อเทียบกับท่าทางราวกับพองขนขู่ฟ่อของนาง เฉียวเวยดูสงบกว่ามาก “แล้วเจ้าเล่า ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”

ฝังมามาเหยียดหลังตรงแล้วพูดว่า “พวกเรามาเยี่ยมสหายของสือชี!”

เฉียวเวยกวาดตามองสมุนไพรที่ฝังมามากำลังถืออยู่ “ข้านี่แหละ สหายของสือชี”

ฝังมามาตกตะลึง!

ตอนนี้หลัวหย่งเหนียนพอจะเข้าใจเรื่องราวแล้ว เขาก้าวไปยืนหน้าฝังมามา พลางมองนางด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าคือคนที่รังแกพี่สาวข้าวันนี้หรือ”

เฉียวอวี้ซีขมวดคิ้ว “ฝังมามา เกิดอันใดขึ้น”

ฝังมามาแววตาไหววูบ ตะโกนเสียงดัง “คุณหนูใหญ่ ท่านอย่าไปฟังเขาพูดจาเหลวไหล! เมื่อเช้านี้เห็นอยู่ชัดๆ ว่านางเป็นคนก่อเรื่อง! ฮูหยินอีกท่านไม่ถือสาเอาความนาง จะยอมให้นางตรวจก่อน แต่นางกลับยื้อผู้อื่นไม่ปล่อย มิหนำซ้ำยังลงมือทำร้ายคนอีก! ข้ากลัวว่าจะทำร้ายถูกคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่เข้า ถึงไล่นางออกไป!”

บนโลกนี้มีคนพรรค์นี้ด้วย หากไม่เห็นกับตาตัวเอง เฉียวเวยไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด “มียางอายบ้างได้หรือไม่”

ฝังมามาโกรธจนเนื้อเต้น “เจ้าพูดอะไร นางผู้หญิงชั้นต่ำ!”

เพียะ!

หลัวหย่งเหนียนเงื้อฝ่ามือตบนางจนกระเด็น!

ฝังมามากลิ้งตกบันไดหินหน้าประตูจนจมูกเขียวช้ำใบหน้าบวมเป่ง

บ่าวรับใช้ที่กำลังทำงานอยู่ในเรือนรวมถึงหมิงอัน ต่างหันไปมองฝังมามาเป็นตาเดียว

“โอ้ย โอ้ย เจ็บเหลือเกิน…” ฝังมามาร้องด้วยความเจ็บปวด กระดูกแขนที่เพิ่งอาการดีขึ้นดูเหมือนจะหักซ้ำ

เฉียวอวี้ซีไม่คาดคิดมาก่อนว่าสถานการณ์จะพลิกผันเป็นเช่นนี้ นางเดินทางมาอย่างเบิกบานใจหวังจะมาเอาใจสหายของสือชี เดิมทีมั่นใจเหลือเกินว่าจะสำเร็จสมประสงค์ ไฉนเรื่องกลับกลายเป็นเช่นนี้ได้!

นางคาดหวังอย่างยิ่งว่าสือชีจะออกหน้ามาจัดการ ดูสิว่าสหายที่ตัวเองคบหานั้นนิสัยแย่เพียงใด แต่น่าเสียดายสือชีจมอยู่ในโลกของตัวเองอย่างสมบูรณ์ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเหตุการณ์รอบตัวสักนิด

นางระงับอารมณ์คุกรุ่นในอก มองเฉียวเวยแล้วพูดว่า “แม่นาง เจ้าทำเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ วิญญูชนใช้วาจามิใช้กำลัง หากมีสิ่งใดที่ฝังมามาทำผิดต่อแม่นาง ให้ขออภัยแม่นางก็น่าจะพอแล้ว จำเป็นต้องลงมือโหดร้ายเช่นนี้เชียวหรือ”

หลัวหย่งเหนียนขัดอย่างสุดจะทน “คนที่ตบคือข้า เกี่ยวอันใดกับพี่สาวข้า มีปากก็อย่าสั่งแต่หลับหูหลับตาพูด!”

เฉียวอวี้ซีหน้าซีด “เจ้า…เจ้า…”

หยาบคาย!

เฉียวเวยดึงหลัวหย่งเนียนหลบไปด้านข้างอย่างอ่อนโยน จากนั้นมองเฉียวอวี้ซีด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เจ้าไม่ถามสักคำว่านางทำอะไรก็ตัดสินว่าขออภัยเพียงคำเดียวก็พอแล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าทุบตีเจ้าให้ปางตาย กล่าวคำขอโทษคำเดียวก็พอแล้วใช่หรือไม่”

หากวันนี้นางไม่บังเอิญพบกับสือชี ลูกทั้งสองคนของนางอาจเกิดโรคแทรกซ้อนเนื่องจากไม่ได้รักษาอย่างทันท่วงที ความแค้นนี้ ขออภัยเพียงคำเดียวคลี่คลายได้หรือ

การช่วยรักษาคนเจ็บคนป่วยเป็นหน้าที่ของหมอ หากไร้จิตใจเมตตาก็จงอย่าทำอาชีพนี้

ปากบอกว่าช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยาก แต่ความจริงทำเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตนเอง น่าขยะแขยงจริงๆ!

“ถ้าเจ้ามาเยี่ยมไข้ เจ้าก็ได้เยี่ยมแล้ว” เฉียวเวยมองเฉียวอวี้ซีด้วยสายตาที่สื่อความหมายว่า เชิญกลับไป ข้าไม่ส่ง

เฉียวอวี้ซีสูดหายใจดังเฮือก ภาพลักษณ์อันงดงามสมบูรณ์แบบเริ่มปริร้าวจนเห็นความอัปลักษณ์ “ที่นี่มิใช่บ้านของเจ้า! เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาไล่ข้า”

วั่งซูลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ นางมองชายหนุ่มที่จับมือเล็กๆ ของนางไว้ แล้วบอกอย่างอ่อนระโหยโรยแรง “พี่สือชี เสียงดังนัก”

คราวนี้สือชีตอบสนองแล้ว เขาหันขวับ สายตาอันเย็นเยียบจับจ้องเฉียวอวี้ซีที่อยู่หน้าประตู ไม่พูดพร่ำคำใดย่างสามขุมเข้าไปหาทันที

เฉียวอวี้ซีคิดว่าในที่สุดสือชีก็ตระหนักว่านางถูกรังแกและกำลังจะออกหน้าให้นาง นางเกือบจะหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปิติ ไหนเลยจะนึกว่าเสี้ยววินาทีต่อมานางกลับถูกสือชีคว้าคอเสื้อโยนออกไปนอกประตูอย่างไร้ความปรานี!