ตอนที่ 69 กลัวอำนาจสูงบดบังนาย

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 69 กลัวอำนาจสูงบดบังนาย

หลังจากที่มู่เถาเยากลับมาถึงเขตเรือนอุ่นรักในตอนเย็น เธอก็วิดีโอคอลหาอาจารย์ใหญ่ของเธอทันที

ชายชราต้องกำลังเป็นห่วงความรู้สึกของเธอเพราะการมาถึงของคุณผู้หญิงเป่ยซีมากแน่

ในความเป็นจริงมู่เถาเยารู้สึกขอบคุณเป่ยซีแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอในชาตินี้มาก

เพราะมีเธอจึงมีมู่เถาเยาในวันนี้ ไม่ว่าดวงวิญญาณของร่างกายนี้จะใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเธอหรือไม่ อย่างน้อยร่างกายนี้ก็ใช่

และอาจเป็นเพราะพวกเขาสูญเสียลูกสาวไป เธอจึงมีโอกาสมาที่โลกใบนี้

ดังนั้นเธอจะเกลียดชังพวกเขาได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้น เสด็จแม่ของเธอยังอยู่ในตระกูลเย่ว์ด้วย!

แม้ว่าในอนาคตเธออาจจะต้องเรียกเสด็จแม่ว่าอา แต่นั่นไม่สำคัญ ก็แค่คำเรียกคำหนึ่ง!

“เสี่ยวเยาเยา!”

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหยวนเหยี่ยปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดเล็ก ขัดจังหวะความคิดของเธอ

“อาจารย์ใหญ่” มู่เถาเยาเรียกเสียงเบา

เนื่องจากอาจารย์ทั้งสองดีต่อเธอมาก พวกเขารักและยินดีมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เธออย่างหมดหัวใจ ความรู้สึกที่เธอมีต่ออาจารย์ทั้งสอง จึงไม่ต่างจากที่มีต่อเสด็จแม่และอาจารย์ลู่จือฉินในชาติที่แล้วของเธอ

“เอ๋! เสี่ยวเยาเยา วันนี้เอ็งต้องไปสอบใบขับขี่ภาคทฤษฎีใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ หนูไปสอบมาแล้ว”

“งั้นเอ็งต้องได้ร้อยคะแนนเต็มแน่ๆ!” แม้ว่าผลสอบจะยังไม่ออกมา แต่หยวนเหยี่ยก็มั่นใจเต็มร้อยในความสามารถของลูกศิษย์

“อื้ม”

“เสี่ยวเยาเยา เอ็ง…หาเวลากลับบ้านดีไหม” แม่แท้ๆ กำลังรอเอ็งอยู่ที่บ้าน!

“ยังไม่กลับดีกว่าค่ะ ไปกลับเที่ยวหนึ่งต้องใช้เวลาทั้งวัน ปิดเทอมนี้ไม่มีวันหยุดสำคัญ ไว้หนูค่อยกลับไปหลังปิดเทอมฤดูร้อนครั้งใหญ่ทีเดียวเลยนะคะ”

ไม่ใช่เพราะเธอจงใจหลบหน้าเป่ยซีซึ่งกำลังรอเธออยู่ที่บ้าน แต่การเดินทางมันไม่สะดวกจริงๆ

ความคิดที่จะสร้างลานจอดเฮลิคอปเตอร์ของเย่ว์จือกวงถูกต้องมาก

ในอนาคต เธอควรซื้อเฮลิคอปเตอร์สักลำด้วยเหมือนกันจะได้ไปกลับบ้านทุกๆ วันหยุดสุดสัปดาห์

แม้ว่าอาจารย์จะบอกเธอว่าอยากเกษียณอายุในหมู่บ้านบนภูเขา แต่พวกเขาก็ยังมีชีวิตต่อได้อีกหลายสิบปี เป็นไปไม่ได้ที่จะหมกตัวอยู่แต่ในป่าเขาและไม่ออกไปข้างนอกเลย แต่ตัวเลือกการเดินทางที่มีในปัจจุบันทำให้การเดินทางจากหมู่บ้านไปยังตัวเมืองของจังหวัดต้องใช้เวลามากถึงเจ็ดชั่วโมงเต็ม หลายคนจึงไม่เต็มใจออกมา

แม้ว่าการนั่งรถไฟความเร็วสูงจากอำเภอไปยังตัวเมืองในจังหวัดจะเร็วกว่า แต่การเดินทางจากจุดขึ้นรสบัสไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงก็ยังใช้เวลามาก แถมการขึ้นลงรถบ่อยๆ เองก็น่ารำคาญ

ด้วยการเดินทางที่ยาวนานแบบนี้ แม้แต่คนหนุ่มสาวยังรู้สึกเหนื่อยหลังจากเดินไปมา ไม่ต้องพูดถึงคนแก่

แม้ว่าอาจารย์ทั้งสองคนของเธอจะไม่ยอมแก่ก็เถอะ แต่อายุของพวกเขาก็ชัดเจนเสียขนาดนั้น

เธอทนไม่ได้หากต้องให้ชายชราเหน็ดเหนื่อยแบบนั้น!

“ก็ได้ ไม่กลับก็ไม่กลับ”

หยวนเหยี่ยเองก็ทนไม่ได้เช่นกันหากต้องเห็นลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางที่ยาวนาน

มีความเหนื่อยแบบหนึ่งเรียกว่า ‘อาจารย์รู้สึกว่าลูกศิษย์เหนื่อย’!

“อาจารย์ งั้น…พี่รองเย่ว์พาคุณผู้หญิงไปถึงหมู่บ้านเถาหยวนซานแล้วใช่ไหมคะ”

“มาถึงแล้วๆ นั่งอยู่ข้างๆ นี่แน่ะ”

“เสี่ยวเยาเยา พี่สาวเองก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ” เสียงหวานใสของถังถังดังไปถึงหูของมู่เถาเยา

ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาพบหน้ากันจริงจังและเธอขอให้มู่เถาเยาเรียกว่าพี่สาว เธอก็ถือตัวเองว่าเป็นพี่สาวจริงๆ มาโดยตลอด

“พี่สาว” ดวงตากวางที่สวยงามของมู่เถาเยาโค้งขึ้น

“เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวถังถังถ่ายทำโฆษณาเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ เห็นบอกว่าจะถ่ายละครแถวนี้อีกหลายวันเลยจะพักอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง”

“โอเคค่ะ” มีถังถังอยู่ที่บ้านด้วย บ้านคงมีชีวิตชีวาขึ้นมาก แบบนี้ก็ดีพวกอาจารย์จะได้ไม่เหงา

“เสี่ยวเยาเยา…”

มู่เถาเยาฟังหยวนเหยี่ยพูดพล่ามเกี่ยวกับชีวิตประจำวันอย่างไม่รู้เบื่อ

ชีวิตแบบคนธรรมดาน่ะยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว! บางครั้งขนาดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังชวนให้หัวเราะขบขันได้

หลังจากฟังอาจารย์ใหญ่เล่าจบ ก็เปลี่ยนเป็นอาจารย์เล็กและอาจารย์แม่พูดบ้าง

ทั้งสองคนเกือบจะเล่าซ้ำกับที่หยวนเหยี่ยเพิ่งเล่าไป

มู่เถาเยาฟังอย่างเงียบๆ ตอบกลับสองสามคำเป็นครั้งคราว

หลังจากที่ผู้อาวุโสทั้งสามพอใจแล้ว มู่เถาเยาจึงหันไปพูดกับถังถังสองสามประโยค จากนั้นก็ถามเย่ว์จือกวงและเป่ยซี

เธอเข้าใจความรู้สึกโทษตัวเองของพวกเขาที่ปล่อยให้ลูกสาวถูกลักพาตัวไป ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เปิดปากพูดก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะเข้าใจผิดว่าเธอยังโกรธแค้นพวกเขาอยู่

“พี่รองเย่ว์…คุณผู้หญิง”

เมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยบนหน้าจอโทรศัพท์ เป่ยซีก็น้ำตาไหล

“เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์…”

“…คุณผู้หญิง คุณเรียกหนูว่าเสี่ยวเยาเยาเถอะนะคะ หนูชินกับชื่อนี้ไปแล้ว”

“ได้ๆ เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวเยาเยา แม่…แม่…แม่ขอโทษนะลูก”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อาจารย์และอาจารย์แม่และทุกคนในหมู่บ้านล้วนใจดีกับหนูมาก คุณผู้หญิงรักษาตัวเองให้หายไวๆ นะคะ อาจารย์ของหนูคือหมอเทวดา เขาจะต้องรักษาคุณจนหายกลับมาเป็นปกติได้อย่างแน่นอน”

“แม่จะฟังตามที่ลูกบอก จะรักษาตัวให้หายไวๆ เสี่ยวเยาเยา ลูกเองก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ อยู่ข้างนอกเพียงลำพัง…อีกเดี๋ยวแม่จะให้พี่รองของลูกโอนเงินไปให้”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูยังมีเงินอยู่ ลำพังแค่เงินปันผลของหมู่บ้านก็เกินพอใช้แล้ว หนูมีเงินมากจริงๆ นะคะ”

“…ก็ได้ เสี่ยวเยาเยา แม่ขอเข้าไปดูในห้องนอนของลูกได้ไหม”

“ได้ค่ะ ประตูไม่ได้ล็อก”

“โอเคจ๊ะ ถ้างั้น…นี่ก็ดึกมากแล้ว ลูกรีบพักผ่อนเถอะนะ”

“ได้ค่ะ ทุกคนเองก็เข้านอนเร็วหน่อยนะคะ”

“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งวางสาย!” เย่ว์จือกวงรีบขัดจังหวะ

“คะ?”

“เสี่ยวเยาเยา พวกเราเอาหนังสือทางการแพทย์มาจากเผ่าด้วย เดิมทีคิดว่าถ้าเธอกลับมาค่อยให้เธออ่าน แต่พี่ได้ยินจากหมอเทวดาหยวนว่าคนไข้ที่เธอกำลังรักษาอยู่ในตอนนี้ค่อนข้างตึงมือใช่ไหม”

“อื้ม”

“งั้นพรุ่งนี้พี่จะเอาหนังสือไปส่งให้เธอ ดูว่ามันพอช่วยได้ไหม ไว้พี่ค่อยหาเวลารวบรวมหนังสือทางการแพทย์ให้เธอเพิ่มเติมในภายหลัง”

“แค่ส่งหนังสือมาที่นี่ก็พอค่ะ พี่รองเย่ว์ใช้เวลาอยู่กับคุณผู้หญิงที่หมู่บ้านเถาหยวนให้เยอะหน่อยดีกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นพี่ฝากหมอประจำเผ่าเอาไปให้เธอนะ หมอเทวดาหยวนเคยมาที่เผ่าเรา และปู่ของเขาก็เคยสนทนาแลกเปลี่ยนทักษะทางการแพทย์ด้วยกันมาก่อน ตัวเขาเองก็มีทักษะทางการแพทย์ที่ไม่ธรรมดา พวกเธอลองคุยกัน ดูว่าเขาพอจะช่วยอะไรได้ไหม”

“…เอางั้นก็ได้ค่ะ พี่ให้หมอเอามาส่งก็แล้วกัน”

“คือว่า…เสี่ยวเยาเยาพี่มีเรื่องหนึ่งอยากจะสารภาพ เธออย่าโกรธพี่เลยนะ ไว้พี่ไปถึงเย่ว์ตูเมื่อไหร่จะอธิบายให้เธอฟัง”

“ลองพูดมาก่อน”

“นามสกุลของหมอประจำเผ่าเราคือปา”

“นามสกุลปา? ปาอิน?”

มู่เถาเยานึกถึงเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ที่มีชีวิตชีวาและน่ารักทันที

“อืม เขาชื่อปาเฝ่ย ปาอินเป็นน้องสาวของเขา”

“อ้อ”

“เสี่ยวเยาเยา เธออย่าโกรธเลยนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอพอเดาได้แล้วว่ามาปาอินย้ายมาทำไม

แต่ตราบใดที่ไม่ได้มีเจตนาร้าย เธอล้วนไม่สนใจ

“โอเค งั้นพรุ่งนี้พี่ให้ปาเฝ่ยเอาไปส่งนะ”

“ค่ะ”

“เสี่ยวเยาเยา อาบอกว่าจะไปหาเธอวันศุกร์นี้เหรอ”

“ใช่ค่ะ”

“แล้วเธอ…” พวกเขาไม่อยากบีบบังคับน้องสาว

การพบหน้ากันหลายครั้งก่อนหน้านี้ การแสดงออกของน้องสาวเรียบเฉยมาก เธอไม่มีความตื่นเต้นหรือยินดีที่ได้พบกับครอบครัวเลย

“ไม่เป็นไรค่ะ” นั่นคือเสด็จแม่ของเธอเลยนะ!

เธอแทบทนรอให้เสด็จแม่มาหาเธอไม่ไหวแล้ว!

อย่างไรก็ตาม ทั้งเธอและเสด็จแม่ต่างก็ยังใช้ร่างของคนตระกูลเย่ว์อยู่

ถ้าหากตระกูลเย่ว์ปฏิบัติต่อพวกเธอไม่ดีก็แล้วไป แต่พวกเขาดีต่อพวกเธอสองแม่ลูกมาก

เสด็จแม่บอกว่าตระกูลเย่ว์ก็เป็นเหมือนกับตระกูลฝั่งมารดาของเธอในชาติที่แล้ว พวกเธอจึงไม่สามารถทิ้งตระกูลเย่ว์ไปโดยไม่สนอะไรเลยได้

“โอเค เสี่ยวเยาเยา ถ้างั้นพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนเธอรอปาเฝ่ยที่เขตเรือนอุ่นรักนะ”

“ได้ค่ะ”

“งั้นก็รีบไปพักผ่อนเถอะ ราตรีสวัสดิ์นะ”

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

หลังจากวางหูโทรศัพท์ มู่เถาเยาก็วิดีโอคอลหาเย่ว์เลี่ยง

“เสด็จแม่”

“เสี่ยวเยาเยา หนูต้องเรียกอาให้ชินนะ”

“…อาคะ”

“เด็กดี ดึกขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่รีบพักผ่อนอีกล่ะ”

“เมื่อกี้หนูเพิ่งวิดีโอคอลหา…คุณผู้หญิง เธอดูผอมมาก”

บนใบหน้าของเธอแทบไม่มีเนื้อเลย ดูไม่เหมือนคุณผู้หญิงจากตระกูลสูงศักดิ์ และทั้งที่มองผ่านหน้าจอ ก็ยังมองเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอได้

“เพราะตรอมใจกับการที่หนูหายตัวไปยังไงล่ะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาเฝ้าดูเธอป่วยหนักขึ้นทุกวันและก็อดกังวลไม่ได้ เสี่ยวเยาเยา เธอแก่กว่าเย่ว์เลี่ยงเพียงสิบปีเท่านั้น และเธอก็ดีกับเย่ว์เลี่ยงมาตั้งแต่เด็ก ตอนที่อามาที่นี่ อาได้รับสืบทอดความทรงจำของเย่ว์เลี่ยงมาทั้งหมด”

หลังจากใช้เวลาร่วมกับคนตระกูลเย่ว์มากกว่ายี่สิบปี ความรู้สึกที่เธอมีต่อตระกูลเย่ว์จึงแตกต่างออกไป

“เสด็จ…อาคะ หนูจะรักษาให้หายเธอเอง”

“เสี่ยวเยาเยา หนูน่ะเป็นคนใจอ่อนมาแต่ไหนแต่ไร ใครดีต่อหนูหน่อย หนูก็จะตอบแทนคนผู้นั้นกลับไปเป็นสิบเท่า อีกหน่อยหลังจากที่หนูลองได้ใกล้ชิดกับคนตระกูลเย่ว์จริงๆ หนูจะรู้ว่าผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลเย่ว์มีอุปนิสัยที่คล้ายกับท่านตาและท่านยายในชาติก่อนของหนูมาก”

“ถ้าอย่างนั้น คุณเย่ว์หลั่งก็คล้ายกับลุงเล็กเหรอคะ”

“เย่ว์หลั่งเป็นพี่ชายของเย่ว์เลี่ยง จะว่าเขาเหมือนลุงเล็กก็เหมือน แต่ก็แตกต่างกันอยู่ หนูรู้ไหมว่าทำไมลุงเล็กของหนูถึงชอบออกท่องเที่ยวยุทธภพ”

“…ท่านตาเป็นถึงแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน ส่วนป้าคือฮองเฮา ลุงเล็กจึงไม่อาจเข้าร่วมหรือมีบทบาทใดๆ ในราชสำนัก…กลัวอำนาจสูงบดบังนาย”

“นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เย่ว์หลั่งแตกต่างจากลุงเล็กของหนู เย่ว์หลั่งถูกเลี้ยงดูมาในฐานะผู้สืบทอดของเผ่าตั้งแต่เขายังเด็ก กิริยา การวางตัว และวิธีการจัดการกับปัญหาต่างๆ ของเขาจึงเหนือกว่าลุงเล็กของหนูมาก…”

มู่เถาเยาเข้าใจดีเลยแหละ

“แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง ความรักที่เขามีต่อน้องสาวเหมือนกับที่ลุงเล็กรักและทะนุถนอมอาไม่ผิดเพี้ยน เสี่ยวเยาเยา อาจะไม่บังคับให้หนูรับพวกเขาเป็นญาติ แต่คนตระกูลเย่ว์คู่ควร!”

“เสด็จ…หนูเข้าใจแล้วค่ะอา”

“เอาล่ะ หนูเองก็รีบเข้านอนแต่หัวค่ำเถอะ อากับผู้เฒ่าทั้งสองคนจะไปหาหนูในวันศุกร์นี้”

“รู้แล้วค่ะ”