ตอนที่ 77 ภาคภูมิใจ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 77 ภาคภูมิใจ

“นางคือบุตรสาวคนเล็กของเจ้า?”

ท่านผู้เฒ่ามองแผ่นหลังของเยียนอวิ๋นเกอ ถามขึ้น

เซียวฮูหยินพยักหน้า ”นางคืออวิ๋นเกอ บุตรสาวคนเล็กของข้า”

ท่านผู้เฒ่าลูบเครา ก่อนจะเหลือบมองเยียนอวิ๋นเกออีกสองสามครั้ง “อายุยังน้อย แต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความอาฆาต เป็นคนโหดเหี้ยม”

เซียวฮูหยินยิ้ม “คืนวันที่เกิดเรื่อง ตระกูลหลิงฉวยโอกาสจับปลาในน้ำขุ่น พยายามบุกเข้าจวนท่านหญิง ล้วนอาศัยอวิ๋นเกอแก้ไขวิกฤตในครั้งนี้”

“ตระกูลหลิงฉวยโอกาส เหตุใดเจ้าจึงไม่พูดเรื่องนี้ ฟ้องฮ่องเต้ ให้ขุนนางราชสำนักรู้ถึงธาตุแท้ของตระกูลหลิง”

ท่านผู้เฒ่าโกรธยิ่งนัก

ครานี้พระบรมวงศานุวงศ์อนาถอย่างยิ่ง

ขุนนางคนเดียว ไร้พระราชโองการ บังอาจบุกรุกจวนท่านหญิง

ผู้ใดให้ความกล้าแก่พวกเขา

ไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ในพระราชวังหรือ

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ท่านผู้เฒ่าก็ยิ่งโกรธ

เจ้าคนเลวทราม!

ฮ่องเต้จะทำให้ต้าเว่ยล่มสลายในไม่ช้า

เซียวฮูหยินเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่จำเป็นต้องฟ้องฮ่องเต้! เวลานี้ ตระกูลหลิงยังคงปรองดองกับตระกูลเยียน ข้ามีกำลังพลจำกัดในเมืองหลวง หากฉีกหน้าในเวลานี้ ข้ายิ่งเสียเปรียบง่าย สู้อดทนไว้ ผ่านไปอีกปีสองปี ค่อยหาจุดยืนกลับมา”

ท่านผู้เฒ่าเลิกคิ้วขึ้น “เจ้ามีแผนการแล้ว?”

เซียวฮูหยินยิ้ม มองไปทางเยียนอวิ๋นเกอ “ล้วนอาศัยอวิ๋นเกอ นางมีความสามารถมาก”

เมื่อพูดประโยคนี้ ดวงตาของเซียวฮูหยินล้วนแสดงออกถึงความภาคภูมิใจ

ท่านผู้เฒ่าหัวเราะร่า “มองออกแล้ว!”

เยียนอวิ๋นเกอถือเตาเข้ามาในลาน นั่งลงบนตั่งเพื่อต้มน้ำ

เซียวฮูหยินพูดคุยกับท่านผู้เฒ่าอย่างไม่ปิดบังนาง

ท่านผู้เฒ่าลูบเครา ดวงตาไม่อาจปิดบังความกลุ้มใจได้ “ฝ่าบาททรงทำเรื่องมากมายเพียงนี้ เจ้าเห็นแล้ว เขากำจัดเหล่าท่านอ๋องตามใจ พยายามเรียกคืนพื้นที่ศักดินาของเหล่าท่านอ๋อง ทะเยอทะยานนัก แต่เขากลับไม่รู้ว่า การกระทำของเขาล้วนเป็นผลประโยชน์ต่อตระกูลชนชั้นสูงเหล่านั้น อำนาจท่านอ๋องอ่อนแอลง อำนาจตระกูลชนชั้นสูงเติบใหญ่ขึ้น เขาต้องได้รับผลกรรมในสักวัน”

เซียวฮูหยินพูดเสียงเบา “ท่านผู้เฒ่าคิดว่าฝ่าบาทมองสถานการณ์ไม่ออกจริงหรือ เขาจะไม่รู้ว่าตระกูลชนชั้นสูงจะฉวยโอกาสเติบโตจริงหรือ”

ท่านผู้เฒ่าขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่า…”

เซียวฮูหยินถอนหายใจ “เขาต้องการขับไล่หมาป่าเพื่อกินเสือ!”

“ผู้ใดเป็นหมาป่า ผู้ใดเป็นเสือ”

“ดูจากเวลานี้ ตระกูลชนชั้นสูงเป็นหมาป่า เหล่าท่านอ๋องเป็นเสือ รอฆ่าเสือแล้ว เมื่อหันกลับมา ท่านรอดูว่าเขาจะฆ่าหมาป่าหรือไม่”

ท่านผู้เฒ่าส่งเสียงไม่พอใจ “ตระกูลชนชั้นสูงจะฉวยโอกาสเติบโต เมื่อถึงเวลาเขาอยากกำจัดก็กำจัดไม่ได้”

เซียวฮูหยินพยักหน้า “ท่านผู้เฒ่าพูดถูก ตระกูลชนชั้นสูงฆ่าไม่ได้ แต่เขาสามารถสร้างการแย่งชิงระหว่างแม่ทัพและตระกูลชนชั้นสูงได้”

ท่านผู้เฒ่ามีแต่ความโกรธ น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างอย่างมาก “เหล่าท่านอ๋องถูกกำจัด แม่ทัพเป็นทุกข์ร้อนกับชะตากรรมของพรรคพวกเดียวกัน คิดจะหลอกใช้แม่ทัพปะทะกับตระกูลชนชั้นสูง คงจะยาก! จากที่ข้าดู เขาวางหมากผิด ไม่สมควรตัดแขนของตนเอง แต่ก่อน ตระกูลชนชั้นสูง แม่ทัพ เหล่าท่านอ๋องเปรียบเสมือนขาทั้งสามของเขา ทำให้แผ่นดินสงบสุข เวลานี้เขาตัดขาตนเองหนึ่งข้าง เหลือเพียงตระกูลชนชั้นสูงและแม่ทัพ เขาต้องเผชิญกับการทรยศในไม่ช้า เขาต้องเสียใจกับการกระทำในวันนี้”

เซียวฮูหยินพูดเสียงเบา “เมื่อถึงวันที่เสียใจ จากที่ข้ารู้จักฮ่องเต้ พระองค์จะทรงทำลายทุกสิ่งอย่างไม่เสียดาย อันที่จริง พระองค์ทรงกำจัดเหล่าท่านอ๋อง ข้าพอเข้าใจได้ รายรับของแผ่นดินน้อยกว่ารายได้ มีเพียงเหล่าท่านอ๋องที่มั่งคั่งร่ำรวย ยึดครองพื้นที่อุดมสมบูรณ์ส่วนน้อยในแผ่นดิน พระองค์ไม่อาจทนเห็นผู้อื่นแข็งแกร่งกว่า ร่ำรวยกว่า ย่อมต้องแย่งกลับมา”

ท่านผู้เฒ่าถลึงตา “เจ้ายังพูดแทนเขา เขาจะช่วงชิงเงิน ย่อมสามารถกำจัดตระกูลชนชั้นสูงในท้องถิ่น ไม่จำเป็นต้องเข่นฆ่าเหล่าท่านอ๋อง เห็นได้ชัดว่าเขาบ้าคลั่ง”

“ชู่! ท่านผู้เฒ่าระวังคำพูด ระวังมีหูข้างกำแพง”

“ข้าไม่กลัว! บนราชสำนัก ข้าก็ชี้หน้าของฮ่องเต้ด่าว่าเขาบ้าคลั่ง เสียสติ ไม่รู้ผู้ใดเสนอความคิดให้เขา ทั้งที่เป็นหมากเสีย หรือว่าจะเป็นตระกูลเถา”

เซียวฮูหยินครุ่นคิด “ข้าว่าเป็นความคิดของมหาเสนากับต้าซือคง[1] เสียมากกว่า”

ท่านผู้เฒ่าได้ยิน รู้สึกโกรธจัด “สองคนนี้เป็นโจรของแผ่นดินอย่างเห็นได้ชัด! มหาเสนากับต้าซือคง ตาเฒ่าทั้งสอง หากเจ้ามีโอกาส ย่อมต้องกำจัดโจรชั่วสองคนนี้ให้ได้!”

เซียวฮูหยินไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ “มหาเสนากับต้าซือคง ไม่ใช่คนที่ข้าอยากกำจัดก็กำจัดได้”

ท่านผู้เฒ่าพูด “เจ้าไม่กำจัดพวกเขา พวกเขาย่อมกำจัดเจ้า รอฝ่าบาทเรียกคืนพื้นที่ศักดินาของเหล่าท่านอ๋อง ต่อไปย่อมต้องเรียกคืนพื้นที่ศักดินาในนามของพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าจำได้ เจ้ามีพื้นที่ศักดินาหนึ่ง ไม่นานนัก ฝ่าบาทจะส่งคนเรียกคืนพื้นที่ศักดินาของเจ้า ไม่มีพื้นที่ศักดินา เจ้าจะใช้สิ่งใดเลี้ยงกองกำลัง ไม่มีพื้นที่ศักดินา เจ้าก็เป็นเสือที่ไร้เขี้ยว ให้คนเชือดเฉือนได้ตามใจ”

เซียวฮูหยินโน้มตัวเล็กน้อย “ขอบคุณท่านผู้เฒ่าที่ตักเตือน ข้าคาดไว้แล้วว่าฮ่องเต้จะเรียกคืนพื้นที่ศักดินาในมือของพวกเราในไม่ช้า ดังนั้น อวิ๋นเกอของข้ากำลังหาทางเลี้ยงดูตนเอง ถึงแม้วันหนึ่งพื้นที่ศักดินาถูกเรียกคืน พวกข้ายังคงเลี้ยงกำลังพลได้ มีความสามารถในการปกป้องตนเอง”

“อ๋อ?” ท่านผู้เฒ่ามองไปทางเยียนอวิ๋นเกอ

เยียนอวิ๋นเกอเผยรอยยิ้ม ท่าทางเชื่อฟัง ดูเหมือนไร้เดียงสาไร้พิษไร้ภัย

เมื่อน้ำเดือด นางต้มน้ำชาด้วยตนเอง

ก่อนจะวางด้วยสองมือ วางไว้ตรงหน้าของท่านผู้เฒ่ากับเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา

“ได้ยินว่าเจ้ากำลังบุกเบิกที่ดิน?” ท่านผู้เฒ่าถาม

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า หยิบดินสอกระดาษออกมา ‘เรียนท่านผู้เฒ่า ข้ากำลังบุกเบิกที่แคว้นซีและแคว้นหยวน’

“ไกลเพียงนั้นเชียวหรือ! ไกลหน่อยก็ดี จากเมืองหลวงไปแคว้นซีอย่างน้อยต้องใช้เวลาสองสามวัน เจ้าเลือกที่ได้ไม่เลว เวลานี้มีผลประกอบการหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอเขียน ‘นับแต่บุกเบิกเมื่อเดือนสาม เวลานี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ตามแผนการ ปีนี้พยายามบุกเบิกที่ดินหนึ่งแสนไร่’

“มีความมุ่งมั่นปรารถนา!” ท่านผู้เฒ่าดีใจอย่างมาก “บุกเบิกต้องใช้เงินไม่น้อยใช่หรือไม่”

ท่านผู้เฒ่าพูดพลางหยิบตราประทับหนึ่งออกมาจากตัว มอบให้เยียนอวิ๋นเกอ “เจ้าถือตราประทับนี้ไปที่ร้านว่านทง สามารถเบิกเงินได้หนึ่งหมื่นก้วน เงินนี้ข้าให้เจ้า ถือเป็นของขวัญที่ได้พบหน้ากัน”

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้าระรัว

นางไม่อาจรับของขวัญมีมูลค่าเพียงนี้จากท่านผู้เฒ่า

ไม่ได้เด็ดขาด!

ท่านผู้เฒ่าทำหน้าบึ้ง “ผู้ใหญ่มอบให้ อย่าได้ปฏิเสธ รีบรับเอาไว้”

เยียนอวิ๋นเกอยังคงส่ายหน้า ไม่ยอมรับ

ท่านผู้เฒ่าบ่นกับเซียวฮูหยิน “บุตรสาวเจ้าช่างดื้อรั้นยิ่งนัก! เงินของข้า พวกเจ้าไม่ได้เอาไปเปล่าๆ ข้าเพียงแค่หวังว่า หากภายหน้าพวกเจ้ามีกำลังเหลือ จะสามารถดูแลบุตรหลานที่ไม่เอาไหนของข้าด้วย”

เซียวฮูหยินยิ้ม “อวิ๋นเกอ มันเป็นเจตนาของท่านผู้เฒ่า เจ้ารับไว้เถิด”

รับไว้จริงหรือ

เยียนอวิ๋นเกอลังเล

เซียวฮูหยินพยักหน้าให้นาง

เยียนอวิ๋นเกอลุกขึ้น โน้มตัวคำนับท่านผู้เฒ่า ก่อนจะรับตราประทับมา

นางจรดดินสออีกครั้ง ‘ท่านผู้เฒ่าวางใจ ครอบครัวของท่าน ข้าจะดูแลอย่างดี’

“ฮ่าๆๆๆ …”

ท่านผู้เฒ่าหัวเราะร่า “ไม่เลว ไม่เลว! ความมุ่งมั่นไม่ได้อยู่ที่อายุ มีความมุ่งมั่นเพียงนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย มิน่าท่านแม่ของเจ้าจึงภูมิใจในตัวเจ้า”

เอ๊ะ?

ท่านผู้เฒ่าพูดจริงหรือ

ท่านแม่ภูมิใจในตัวนาง เยียนอวิ๋นเกอใบหน้าแดงก่ำ รู้สึกได้ใจเล็กน้อย แต่ก็เขินอายเล็กน้อย

นางอดคิดไม่ได้ว่าตนเองดีเพียงนั้นจริงหรือ

ไม่ได้ นางต้องพยายามทำให้ดีขึ้น ไม่ทำให้ท่านแม่ผิดหวัง

เซียวฮูหยินยากที่จะปิดบังความภูมิใจ พูด “เด็กคนนี้มีความคิดมาก คิดเรื่องแล้วเรื่องเล่า ข้าไม่เคยแทรกแซงความคิดของนาง ปล่อยให้นางไปทำ นางไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง ทำสิ่งใดล้วนมีแผนการ อาทิเรื่องบุกเบิกที่ดิน ข้าให้คนไม่กี่คนแก่นาง นับแต่ต้นจนจบไม่เคยแทรกแซง ไม่คิดว่านางจะทำสำเร็จ ทางแคว้นซี เวลานี้มีคนพเนจรเจ็ดแปดพันคนรวมตัวอยู่แล้ว ต่อจากนี้ยังคงรับคนพเนจรอย่างต่อเนื่อง”

ท่านผู้เฒ่าเสนอความคิด “รับคนพเนจรชายที่ร่างกายแข็งแรงให้มาก คัดเลือกคนที่มีศักยภาพจากภายใน ต่อจากนี้พวกเขาย่อมเป็นที่พึ่งของพวกเจ้าแม่ลูก”

“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าชี้แนะ! ไม่รู้แผ่นดินนี้จะยังสามารถสงบได้อีกนานเพียงใด”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ท่านผู้เฒ่าก็โกรธ “ฮ่องเต้ไม่ตัดแขนขาของตนเอง ไม่เข่นฆ่าเหล่าท่านอ๋อง แผ่นดินนี้จะสงบสุขได้อย่างน้อยอีกหลายสิบปี เวลานี้เขากระทำเช่นนี้ ไม่ถึงครึ่งปี ย่อมมีสงครามเกิดขึ้น รอดูเถิด รอเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดิน ฮ่องเต้ย่อมรู้ถึงความร้ายแรง”

เซียวฮูหยินพูดกับเขา “แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพทางเหนือนำทัพลงใต้เพื่อสยบความวุ่นวาย เมื่อมีคนก่อกบฏย่อมสังหารทันที ตระกูลชนชั้นสูงและขุนนางบุ๋นย่อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่! เรื่องการเรียกคืนพื้นที่ศักดินาย่อมต้องเป็นไป ส่วนจะมีแม่ทัพฉวยโอกาสก่อกบฏหรือไม่ ไม่อาจรู้ได้”

ท่านผู้เฒ่าถอนหายใจยาวด้วยความกลัดกลุ้ม

เขาเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นเชื้อสายของตระกูลเซียว

เขาปวดใจที่ต้องทนเห็นฮ่องเต้ทำให้ตระกูลล่มสลาย

“แผ่นดินสงบสุขอยู่ดีๆ กลับสร้างความขัดแย้งขึ้นมา”

ท่านผู้เฒ่าโกรธในความไม่มุมานะของอีกฝ่าย

เซียวฮูหยินก้มหน้ายิ้ม นางไม่เห็นด้วยกับคำพูดของท่านผู้เฒ่านัก

แผ่นดินไม่เคยสงบสุข

ตระกูลชนชั้นสูงมีอำนาจมาก ขุนนางบุ๋นกำเริบเสิบสาน

เหล่าท่านอ๋องไร้ฮ่องเต้ในสายตา ร่ำรวยแต่ฟุ่มเฟือย สามัญชนต่างคับแค้นใจ

ฮ่องเต้อยากทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดึงเรือใหญ่ที่จมลงไปอย่างช้าๆ ไม่ผิด

ผิดแค่วิธีการที่ใช้เท่านั้น

ภายใต้สถานการณ์ทรัพย์สินส่วนตัวมีจำกัด เขาก่อการเคลื่อนไหวเข่นฆ่าอันน่ากลัวนี้อย่างกะทันหัน หากไม่ระวัง ย่อมเป็นสาเหตุแห่งความโกลาหลในแผ่นดิน

ผู้ที่เสนอความคิดให้ฮ่องเต้ หลอกให้ฮ่องเต้ใช้วิธีการรุนแรงนี้ สมควรตาย!

สิ่งเหล่านี้ เซียวฮูหยินล้วนไม่คิดจะพูด

นางเคารพท่านผู้เฒ่า นางไม่อยากให้ท่านผู้เฒ่าเสียใจอีกครั้ง

ขุนนางของวัดจงเจิ้งมาเร่งเร้า

เซียวฮูหยินพูดต่อท่านผู้เฒ่า “ข้าควรกลับแล้ว ท่านผู้เฒ่าต้องรักษาสุขภาพ ข้านำโสมมาให้ท่านหลายชิ้น อย่าลืมกินเมื่อร่างกายไม่สบาย อีกสองสามวัน ข้าจะมาเยี่ยมท่านใหม่”

ท่านผู้เฒ่าโบกมือ “เจ้าอย่ามาเลย! สถานที่นี้มีแต่ความโชคร้าย เจ้าต้องดูแลตนเอง! อายุเจ็ดสิบ ข้ามีชีวิตคุ้มแล้ว อย่างไรก็ไม่สำคัญแล้ว”

เซียวฮูหยินเศร้าเล็กน้อย “หากท่านผู้เฒ่าต้องการสิ่งใด บอกข้า ข้าจะนำมาให้ท่านครั้งหน้า”

“ข้าไม่ขาดสิ่งใดทั้งสิ้น! หากเจ้ามีใจ จับตาดูราชสำนัก จับตาดูพระราชวังแทนข้า ตระกูลเถากับขุนนางบุ๋นกลุ่มนั้นไม่ใช่คนดี ต้องเกิดความวุ่นวายในไม่ช้า เจ้าจับตาดูพวกเขาแทนข้า หากมีโอกาส กำจัดนายท่านใหญ่ตระกูลเถาเสีย ท่านอ๋องทั้งหลายตายในมือของเขา เขาต้องตายไปพร้อมท่านอ๋องทั้งหลาย”

ท่านผู้เฒ่ากัดฟัน ภายในใจมีแต่ความคับแค้นต่อตระกูลเถาและเถาฮองเฮา

เป็นแค่ญาติฝ่ายนอก บังอาจสังหารพระบรมวงศานุวงศ์ สมควรถูกเชือดเป็นหมื่นครั้ง

เซียวฮูหยินรับปาก

เมื่อถึงวันที่จำเป็นต้องยกดาบฆ่าคน ฆ่าผู้ใดไม่ใช่การฆ่า

[1] ต้าซือคง หมายถึง ตำแหน่งองคมนตรีฝ่ายปฏิบัติการ