ตอนที่ 136 วิเศษมาก

หลังจากเจสสิก้าออกมาพูดอะไรบางอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เปลี่ยนกลับไปเป็นนิกกี้ทันที ซึ่งซูเจินก็สามารถมองเห็นอาการเขินอายของเธอได้อย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ลงเอยด้วยการมอบความรักให้กันและกัน!

และถึงแม้ว่าจะเป็นร่างเดียวกัน แต่ปฏิกิริยาของนิกกี้ในขณะที่กําลังบรรเลงบทเพลงรักมันก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากของเจสสิก้าอย่างสิ้นเชิง ทําให้ซูเจินได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป

ร่างกายเดียวกัน แต่ความรู้สึกไม่เหมือนกัน

ซึ่งซูเจินก็สามารถบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคําพูดได้เพียงแค่สี่คําเท่านั้น นั่นก็คือ ….

“มันสุดยอดมาก!”

“สาวน้อยจอมพลัง : เจสสิก้า/นิกกี้ ค่าความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นอีก 20% ทําให้ค่าความสัมพันธ์ในตอนนี้มีทั้งหมด 100%”

ซูเจินไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่ค่าความสัมพันธ์มันจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

“เป็นไง คุณพอใจกับประสบการณ์ในครั้งนี้ไหม?” ซูเจินถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เลว!”

เมื่อได้ยินน้ําเสียงแบบนี้ ซูเจินก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าเธอคือใคร

“เจสสิก้า คุณเคยคิดที่จะเปลี่ยนหัวหน้าอย่างถาวรไหม? ผมชอบคุณมาก ดังนั้นผมจึงไม่อยากปล่อยคุณไปให้กับคนอื่น” ในขณะที่ซูเจินกําลังแต่งตัวเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาได้ฉีกเสื้อผ้าของเจสสิก้าออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาก็หยิบชุดที่ขนาดพอดีกับตัวของเธอออกมาจากมิติเก็บของ และยื่นมันให้เธอ

เจสสิก้ารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อเธอเห็นว่าซูเจินหยิบเสื้อผ้าออกมาจากอากาศอันโล่งโจ้ง แต่เธอก็ประหลาดใจกับมันเพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้วซูเจินก็มีความสามารถมากมายอยู่ภายในตัวของเขา ดังนั้นสิ่งที่ทําให้เธอรู้สึกประหลาดใจจริงๆ ในตอนนี้ก็คือเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่มีมูลค่าอย่างน้อยหลายหมื่นดอลลาร์ที่ซูเจินมอบให้กับมากกว่า

“ฉันคิดว่านี่อาจจะเป็นคําแนะนําที่ดี” เจสสิก้ายิ้มขึ้นมาอย่างสดใส พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อต่อหน้าซูเจินทันที หลังจากนั้นเธอก็เหลือบมองไปยังคาบเลือดสีแดงที่อยู่บนผ้าปูที่นอน พร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพูดกับซูเจินว่า “อย่างไรก็ตามฉันคิดว่ามัน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะถึงอย่างไรลินดามันก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และถ้าเกิดว่าเราทําให้เขาไม่มีความสุข เราก็จะมีปัญหาตามมามากมายไม่รู้จบรู้สิ้น”

“คุณกังวลเกี่ยวกับลินดามันมากเกินไป” ซูเจินส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ในตอนนี้เขายังมีค่าอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่เลวนักที่จะร่วมมือกับเขา แต่ถึงอย่างไรก็ตามคุณก็จะต้องอยู่กับผมอยู่ดี ดังนั้นถ้าเกิดว่าเขาถามคุณ คุณก็บอกเขาไปตรงๆเลยก็ได้”

“แค่นี้อย่างงั้นหรอ ?” เจสสิก้าถามขึ้นมา

“ถ้าผมบอกว่าจะทํา ผมก็จะทํามันให้สําเร็จ!”

ซูเจินยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้มันยังเร็วเกินไป เรากลับกันเถอะ อ้อ! ผมเกือบลืมไปเลยว่าผมยังมีเลขาอีกคนหนึ่งกําลังรอผมอยู่ และผมก็คิดว่าเธอน่าจะโกรธผมน่าดู”

หลังจากอุ้มเจสสิก้าขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ซูเจินก็บินออกจากอพาร์ตเมนต์และมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรมอย่างรวดเร็ว

“ฉันจะไม่เข้าไปรบกวนเวลาของคุณในการเกลี้ยกล่อมเลขาอีกคนหนึ่งของคุณ ถ้าเกิดว่าคุณทําได้ บางที … เธออาจจะ “ เจสสิก้าวางมือลงบนไหล่ของซูเจินพร้อมกับยิ้มขึ้นมาอย่างจงใจ

” ผมไม่เคยล้มเหลว” ซูเจินพูดตอบขึ้นมาพร้อมกับบีบไปที่สะโพกของเจสสิก้า ทําให้เจสสิก้าถึงกับถอนหายใจออกมาและทําหน้ามุ่ยขึ้นมาในทันที ทําให้ซูเจินยิ้มขึ้นมาอย่างมีชัย

หลังจากนั้นซูเจินก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง พร้อมกับเดินเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ และค่อยๆใช้ความสามารถสุดยอดการได้ยินในการฟังเสียงที่อยู่ภายในห้อง

มีเสียงการเต้นของหัวใจดังขึ้นมา และเมื่อลองฟังอัตราการเต้นของหัวใจ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของเธอในตอนนี้อย่างชัดเจน

เธอกําลังโกรธ

หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หึง ?

สิ่งนี้ทําให้ซูเจินอดยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ และดูเหมือนว่าอีเดนจะไม่ได้ตั้งใจแสดงแสดงด้านนี้ออกมาให้เขาเห็น

เมื่อผลักประตูเข้าไป ซูเจินก็เห็นว่าอีเดนกําลังนั่งอยู่ข้างหน้าของเขาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เธอทําตัวปกติและทําเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อัตราการเต้นของหัวใจของเธอมันกับทรยศต่อตัวเธอ

“คุณโกรธอย่างงั้นหรอ ?”

ซูเจินเดินเข้าไปหาเธอใกล้ๆ พร้อมกับถามขึ้นมาเบาๆ

“โกรธ? ทําไมฉันจะต้องโกรธด้วย!” อีเดนถามขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ

“ผมรู้นะว่าทําไมคุณถึงโกรธ และตัวคุณเองก็น่าจะรู้เช่นกัน ดังนั้นอย่าได้ปฏิเสธเลย เพราะถึงอย่างไรคุณก็รู้ถึงความสามารถของผมเป็นอย่างดี ซึ่งจริงๆแล้วผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าลินดามันจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก ขนาดเขารู้ว่ามีคุณอยู่ข้างๆผมอยู่แล้ว เขาก็ยังใช้แผนสาวงามกับผมอีก ซึ่งในตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับตัวเธอเช่นกัน อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ผมได้มันก็ดีมาก เพราะผมสามารถแย่งสาวงามที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวมาจากลินดามันได้อย่างฟรีๆ!”

ซูเจินค่อย ๆ อธิบายขึ้นมาอย่างช้าๆด้วยรอยยิ้ม ซึ่งในตอนแรกอีเดนก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมหลังจากที่เธอได้ฟังคําอธิบายของซูเจิน เธอก็รู้สึกได้ว่าความโกรธมันค่อยๆหายไป

“คุณสะกดจิตฉันอย่างงั้นหรอ ?” อีเดนพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ หลังจากที่ตกใจเสร็จเรีย บร้อยแล้ว

“ผมหรอ ? ผมเปล่านะ!” ซูเจินส่ายหัวขึ้นมาและพูดต่อว่า ” ทําไมผมจะต้องสะกดจิตคุณด้วยล่ะ ถ้าเกิดว่าผมต้องการทําให้คุณหายโกรธจริงๆ ผมก็มีวิธีทํามันหลายวิธีมาก ไม่เห็นจําเป็นที่จะต้องใช้วิธีนี้เลย”

“คุณ … คุณจะต้องสะกดจิตฉันอย่างแน่นอน และ … ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความสามารถของฉันอีกด้วย คุณกลืนกินความสามารถของฉันไปแล้วอย่างงั้นหรอ ? แล้วทําไมฉันยังรู้สึกได้ถึงความสามารถของฉันอยู่ล่ะ ?” อีเดนพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะถ้าเธอลองคิดดูดีๆแล้วเธอก็พบว่าซูเจินไม่จําเป็นที่จะต้องทําเช่นนั้นจริงๆ

แต่เมื่อกี้เธอรู้สึกได้ว่าเธอโดนสะกดจิตและโน้มน้าวโดยไม่รู้ตัว

“ผมรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ซูเจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอย่างกะทันหัน

“ผมเคยกลืนกินความสามารถในการคัดลอกความสามารถของคนอื่นมาก่อน ซึ่งความสามารถนี้มันพิเศษมากๆ เพราะผมสามารถคัดลอกความสามารถของคนอื่นได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว ซึ่งในตอนแรกร่างกายของผมมันเกิดอะไรบางอย่างผิดปกติภายใน ทําให้ผมไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ได้ และก็ดูเหมือนว่าในตอนนี้ร่างกายของผมมันจะฟื้นฟูจนผมสามารถใช้ความสามารถนี้ออกมาได้แล้ว ดังนั้นผมจึงคัดลอกความสามารถของคุณมาโดยไม่รู้ตัว”

ซูเจนเดินไปยังโต๊ะที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับเอามือของเขาคว้าจับไปที่โต๊ะที่หนักและแข็งแรงพร้อมกับยกมันขึ้นมาอย่างง่ายดาย

ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้มันแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อนมาก และนี่ก็คือความสามารถของสาวน้อยจอมพลัง!

ซึ่งก็ดูเหมือนว่าตอนที่เขาอยู่กับเจสสิก้าความสามารถในการคัดลอกมันคงจะฟื้นฟูเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทําให้เขาคัดลอกพลังของเจสสิก้ามาโดยไม่รู้ตัว และไม่สามารถสังเกตเห็นมันได้

“ระบบ ถ้าเกิดว่าฉันคัดลอกความสามารถมันจะให้พลังงานสําหรับการอัพเกรดระบบไหม ?”

นี่คือสิ่งที่ซูเจนกังวลมากที่สุด

“ได้ แต่มันก็น้อยมาก นอกจากนี้ความสามารถที่ถูกคัดลอกมามันก็ไม่ได้อยู่ติดตัวกับโฮสต์ไปอย่างถาวร บวกกับการที่ความสามารถในการคัดลอกนี้มันค่อนข้างขัดแย้งกับความสามารถในกา กลืนกินของโฮสต์ ซึ่งความสามารถในการคัดลอกมันจะสามารถใช้ได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น และหลังจากนั้นไม่นานมันก็จะหายไป ส่วนความสามารถในการกลืนกินมันจะอยู่ติดตัวกับโฮสต์ไปชั่วชีวิต”

“งั้น … “ ซูเจินพึมพําขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ผิดหวังมากนัก