ฮูหยินผู้เฒ่าจวนเซียงหยางโหวโกรธจนตัวสั่น แต่แขกผู้มีเกียรติจำนวนมากที่มาในวันนี้ล้วนเป็นคนที่นางเชิญมาทั้งสิ้น และก็เพราะเห็นแก่นางถึงได้มาร่วมอวยพรเซียงหยางโหวฮูหยิน หากนางออกไป ก็เป็นการไม่ให้เกียรติแขกเหรื่อคนอื่นๆ แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้สตรีของจวนหย่งเฉิงโหวจากไปเช่นนี้ได้
คนจวนหย่งเฉิงโหวอ่อนแอมาตลอด จากนี้หากข่าวแพร่ออกไป ผู้อื่นมีแต่จะพูดว่าจวนเซียงหยางโหวแข็งแกร่ง เป็นจวนเซียงหยางโหวที่เสียมารยาท
นางจำต้องให้สะใภ้คนรองไปที่จวนหย่งเฉิงโหวสักครั้งหนึ่ง กล่าวว่า ดูท่าทีของพวกนาง หากพวกนางอยากกลับมาร่วมงานวันคล้ายวันเกิดของพี่สะใภ้ใหญ่เจ้า เจ้าก็พาพวกฮูหยินผู้เฒ่าจวนหย่งเฉิงโหวมาด้วยตัวเอง แต่ถ้าพวกนางยืนกรานไม่มา เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องฝืนบังคับ ข้าก็อยากดูเหมือนกันว่าพวกเขาจะรั้นไปได้ถึงเมื่อใด ปกติเวลาเข้าสังคม หากไม่มีข้าช่วยเป็นสะพานเชื่อมให้จวนหย่งเฉิงโหว ผู้ใดจะสนใจครอบครัวของพวกเขา
นายหญิงรองไม่ยินดีเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุผลของบุตรชายหญิงแล้ว บ้านรองของพวกนางมีอนาคตรุ่งโรจน์กว่าบ้านหลักเสียอีก แต่เมื่อใดที่ฮูหยินผู้เฒ่าจวนเซียงหยางโหวพานพบเรื่องอะไรที่ต้องการคนไปกล่าวคำขอโทษหรือแสดงความอ่อนน้อมยอมจำนน จะชอบให้นางเป็นคนไป คล้ายกับว่าทำเช่นนี้แล้วจะเหยียบนางไว้ใต้ฝ่าเท้า ทำให้แก้แค้นผู้อื่นได้ก็ไม่ปาน ทว่าไม่เคยคิดเลยว่าทำให้บุตรชายหญิงของนางต้องเสียหน้าอย่างไรบ้าง
ฮูหยินผู้เฒ่าผู้นี้ลำเอียงจนหัวใจเคลื่อนไปอยู่ที่รักแร้แล้ว
อย่างไรก็ตาม นางยังมีบุตรชายคนเล็กที่ยังไม่ได้หมั้นหมาย ยังไม่อาจมีเรื่องกับแม่สามีได้ ต่อให้ในใจหลั่งโลหิตอยู่ ใบหน้านางยังคงยิ้มแย้ม หลังจากขานรับคำ เจ้าค่ะ เสียงหนึ่งแล้ว ถามขึ้นว่า หากจวนหย่งเฉิงโหวตำหนิว่าพวกเราไม่ให้เกียรติพวกนาง ข้าควรตอบอย่างไรดี
แม่สามีของนางผู้นี้เจ้ายศเจ้าอย่างมาโดยตลอด ที่บอกว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับฮูหยินผู้เฒ่าจวนหย่งเฉิงโหวนั้น หนึ่งเพราะเห็นว่าหย่งเฉิงโหวทำงานอยู่ในกองบัญชาการทหารทั้งห้า มีอำนาจบางอย่างที่จวนพวกเขาใช้ประโยชน์ได้ และสองเป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่าจวนหย่งเฉิงโหวมีนิสัยขี้ขลาดอ่อนแอ ขับไล่ไปได้ง่าย ควบคุมง่าย และหลอกง่าย ส่วนเรื่องที่ว่ามีความจริงใจให้ฮูหยินผู้เฒ่าจวนหย่งเฉิงโหวเท่าไรนั้น มองจากมุมของนายหญิงรองแล้ว เทียบไม่ได้กับน้ำชาหนึ่งถ้วยในฤดูหนาวด้วยซ้ำ
นายหญิงรองไม่คิดจะเป็นแพะรับบาปแทนแม่สามี ถึงได้ถามคำถามเช่นนี้
ปกติไม่ว่าเรื่องอะไรฮูหยินผู้เฒ่าจวนเซียงหยางโหวนับว่าเป็นคนที่กระทำเรื่องต่างๆ อย่างระมัดระวังผู้หนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่เห็นฮูหยินผู้เฒ่าจวนหย่งเฉิงโหวอยู่ในสายตาจริงๆ หรือเปล่า คำพูดคำจาในเวลานี้กลับมีความดูแคลนอย่างที่ไม่เคยกระทำต่อผู้อื่นมาก่อน กล่าวว่า ไม่มีคำอธิบายอะไร พวกนางจะมาหรือไม่มา ขอเพียงผู้อื่นรู้ว่าพวกเราไปเชิญพวกนางอีกครั้งแล้วก็พอ
นายหญิงรองยิ้มโดยไม่กล่าวอะไร เดินทางไปจวนหย่งเฉิงโหวอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ฮูหยินผู้เฒ่าจวนหย่งเฉิงโหวยังครุ่นคิดอยู่ว่าหากจวนเซียงหยางโหวส่งคนมาเชิญอีก นางควรจะไปหรือไม่ไปดี ด้วยเหตุนี้จึงยังไม่เปลี่ยนอาภรณ์ นั่งดื่มชาอยู่บนแหย่งหลัวฮั่นในห้องโถง ฟังซือจูฟ้องเรื่องของหวังซีอย่างเข้าหูบ้างไม่เข้าหูบ้าง นางหมายความว่าอย่างไร ข้าพูดผิดหรือ ต่อให้ไปหาปิ่นดอกไม้ ก็ไม่จำเป็นต้องเห็นเฉินลั่วแล้วเดินตามไปด้วยหรอกกระมัง หากนางไม่ได้ตามไป ปั๋วหมิงเย่ว์จะเข้าใจนางผิดได้อย่างไร…
…นางอย่าร่ำไห้แสดงท่าทางอ่อนแอเป็นดอกหลีต้องน้ำฝนเลย ข้ารำคาญเด็กสาวเช่นนี้เป็นที่สุด โดยเฉพาะคนที่มาจากชนบทเหล่านั้น เพราะถือกำเนิดอยู่ที่ชนบท ดังนั้นพอทำผิดก็เป็นเรื่องสมควร ให้อภัยนางก็เป็นเรื่องสมควร…
…หากเรื่องราวบนโลกนี้ง่ายดายขนาดนั้นไปเสียหมด ใครร้องไห้สองครั้งก็แก้ปัญหาได้แล้ว เช่นนั้นทุกคนก็ไม่ต้องพูดกันด้วยเหตุผล ไม่ต้องตัดสินถูกผิดกันแล้ว แค่ร้องไห้ก็พอ…
…ก็ในเมื่อใครร้องไห้เสียงดัง ผู้นั้นมีเหตุผล
เสียงดังรบกวนจนฮูหยินผู้เฒ่าปวดศีรษะ แต่นางชินกับนิสัยของคนตระกูลเดิมแล้ว ยังกล่าวแก้ให้ด้วยว่า นางก็มิได้หมายความเช่นนั้น เป็นเพราะนางร้อนใจมิใช่หรือ ไม่ว่าเด็กสาวบ้านใดถูกต่อว่าเช่นนี้ ล้วนร้อนใจกันทั้งนั้น!
ซือจูไม่ยอมปล่อยผ่าน กล่าวว่า นางมีท่าทีร้อนใจด้วยหรือ ข้ากลับเห็นนางมีท่าทีกระตือรือร้นอยากให้ผู้อื่นรู้เรื่องที่ปั๋วหมิงเย่ว์จะสู่ขอนาง แต่นางชอบเฉินลั่วนั่นมากกว่า นางช่างไม่ดูสภาพของนางเลย ว่านางเหมาะสมหรือไม่
ข้าไม่เหมาะสมแล้วผู้ใดเหมาะสม! หวังซีเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจรู้ได้ นางเปลี่ยนไปสวมเสื้อแขนห้าส่วนพอดีตัวสีขาวพระจันทร์ลายแท่งเงิน ท่อนล่างสวมกระโปรงจีบหน้ากว้างสีเขียวอ่อนปักลายกิ่งดอกไม้สีแดงที่สวมใส่เป็นประจำ ยืนสง่าอยู่ตรงหน้าม่านประตูไม้ไผ่นางสนมที่มีลายเป็นจุดดุจดวงดารา ดวงหน้าเล็กดูเคร่งเครียด ในความเยือกเย็นนั้นเจือความดูแคลนไว้หลายส่วน กล่าวว่า เป็นเจ้าอย่างนั้นหรือ หรือว่าขอเพียงมิใช่เจ้าล้วนใช้ไม่ได้ทั้งนั้น!
เจ้าพูดอะไร ซือจูถูกจี้จุด รีบกระโดดตัวโหยงขึ้นมาสู้กลับ คนโง่ที่ผู้อื่นให้เกียรติแล้วยังไม่รู้จักรับเอาไว้…
หวังซีจะยืนให้นางด่าอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร รีบเอ่ยขัดคำพูดของนาง กล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า ท่านดู ตระกูลซือก็นับว่าเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลโตกระมัง ดีร้ายก็เคยเรียนหนังสือ แยกแยะอักษรเป็น แต่เหตุใดพอมาถึงซือจูแล้ว คำที่เปล่งออกจากปากเทียบกับชาวบ้านตามชนบทไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ไม่แปลกที่นอกจากองค์หญิงฟู่หยางแล้ว นางก็ไม่สนิทกับผู้ใดเลย…
…ฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านผู้เฒ่าตระกูลซือไว้วางใจมอบซือจูให้ท่านดูแล เพราะเห็นท่านเป็นคนจิตใจดี ปฏิบัติต่อผู้คนด้วยใจกว้างขวาง แต่ช่างตรงกับประโยคที่ว่า ‘บัณฑิตหลอกได้ด้วยเหตุผล’ นั่นยิ่งนัก ท่านปฏิบัติต่อนางด้วยความเมตตา นางตอบแทนท่านด้วยความชั่วร้าย แทนที่จะปล่อยไว้เช่นนี้จนสุดท้ายทำเสียเรื่องจนไม่ได้รับผลดีสักอย่าง มิสู้ท่านเขียนจดหมายไปให้นายท่านผู้เฒ่าตระกูลซือสักฉบับหนึ่ง ให้เขาส่งคนกลับมาที่จิงเฉิง บ้านเดิมของตระกูลซือก็ยังมิได้ขาย คุณหนูซือจะได้กลับไปอยู่พอดี
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่พอใจ
เพราะอาศัยพี่น้องจากตระกูลเดิมนางถึงยืนได้อย่างมั่นคง ย่อมไม่อาจตบหน้าพี่น้องที่บ้านเดิมได้
หากผู้อื่นเป็นคนกล่าวถ้อยคำนี้ นางคงชักสีหน้าใส่และด่าว่าไปหนึ่งคำรบนานแล้ว
แต่คนที่กล่าวถ้อยคำนี้คือหวังซี เป็นลูกของบุตรสาวที่นางติดค้างด้วยมากที่สุด นางไม่อยากทำให้หวังซีไม่มีความสุข
เอาละ เอาละ! ฮูหยินผู้เฒ่าออกหน้าไกล่เกลี่ยให้ พวกเจ้าล้วนเป็นเด็กดีกันทั้งนั้น อย่าได้ทะเลาะกันด้วยเรื่องของผู้อื่นเลย
ซือจูไม่คิดจะเป็นพี่สาวน้องสาวกับหวังซี
หวังซีเองไม่คิดจะจัดการซือจูเช่นกัน
เพียงแต่ว่าซือจูยังไม่ทันได้พูดอะไร โหวฮูหยินก็เดินเข้ามาก่อน
หวังซีเห็นแล้วดวงตากลอกไปมาอย่างใช้ความคิด วิ่งไปกอดแขนของฮูหยินผู้เฒ่าเอาไว้ กล่าวออดอ้อนว่า ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าจะเชื่อฟังท่าน ไม่ทะเลาะกับพี่สาวซือจูแล้ว
โหวฮูหยินยิ้มร่าพูดถึงหวังซีว่า เด็กคนนี้นิสัยดี จิตใจก็กว้างขวาง พวกพี่น้องมีเรื่องอะไร นางล้วนยอมอดทนอดกลั้น ไม่เสียแรงที่เป็นลูกที่น้องสาวคนเล็กเลี้ยงดูมา
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังแล้วก็นึกถึงบุตรสาวคนรองที่แสนโชคร้ายของตนขึ้นมา ขอบตาแดงก่ำ สายตาที่มองหวังซีก็ยิ่งอบอุ่นมากขึ้น หัวใจที่แต่เดิมโอนเอียงไปทางซือจูก็เอนเอียงกลับมาที่หวังซีอีกครั้ง
หวังซีเห็นประโยชน์ก็รับไว้ เมื่อครู่โหวฮูหยินช่วยนาง ถึงคราวของนางช่วยโหวฮูหยินแล้ว
ไอโย พวกท่านอย่าชมข้าเลย นางกล่าวยิ้มๆ ฮูหยินผู้เฒ่า เหตุใดท่านยังไม่เปลี่ยนชุดอีกหรือ ข้าไปปรนนิบัติท่านเปลี่ยนชุดดีหรือไม่ เดิมทีคิดกันไว้ว่าทุกคนอยู่รับประทานอาหารที่จวนเซียงหยางโหว บัดนี้พวกเราไม่ได้ไปแล้ว ในครัวก็ไม่มีอะไรน่ากิน ข้าจึงให้หวังหมัวมัวไปสั่งอาหารที่หอวายุบูรพา ประเดี๋ยวก็รับประทานมื้อกลางวันได้แล้ว…
…ข้ายังคิดว่าช่วงบ่ายพวกเราล้วนไม่มีอะไรทำ อีกทั้งคนก็อยู่กันพร้อมหน้า ไม่สู้ไปย่างเนื้อที่สวนดอกไม้ด้านหลังกันดีกว่า…
…ท่านเคยย่างเนื้อที่สวนดอกไม้มาก่อนหรือไม่ นี่เป็นเรื่องที่ท่านปู่ของข้าชื่นชอบที่สุด ทุกปีเมื่อถึงฤดูร้อน คนในครอบครัวของพวกข้าล้วนไปหลบร้อนกันที่ภูเขาชิงเฉิง ท่านปู่ของข้าจะเป็นคนนำเด็กๆ อย่างพวกข้าไปย่างเนื้อกัน…
…นอกจากย่างเนื้อแล้ว ยังย่างปลา ย่างผัก และดื่มน้ำบ๊วยเปรี้ยว[1]ใส่น้ำแข็งอัดเย็นๆ ด้วย โอ๊ย รสชาตินั่น ทำให้คนลืมไม่ลงไปตลอดชีวิตจริงๆ เจ้าค่ะ…
…ตอนนี้ล่วงเข้าสู่เดือนห้า ได้ยินว่าคนในวังหลวงใกล้จะไปหลบร้อนกันที่อุทยานประจิมแล้ว จวนพวกเราไม่มีแผนออกจากบ้านบ้างหรือ…
…พวกข้ามีบ้านอยู่ที่ภูเขาตะวันตกหลังหนึ่ง ถ้าฮูหยินผู้เฒ่าอนุญาต พวกเราไปหลบร้อนกันที่ภูเขาตะวันตกดีหรือไม่เจ้าคะ
นางกล่าวไปด้วย รุนหลังฮูหยินผู้เฒ่าเข้าไปในห้องชั้นในไปด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะร่า กล่าวว่า พวกเจ้ามีบ้านอยู่ที่ภูเขาตะวันตกด้วยหรือ! เป็นบ้านเช่นไร ปกติมีใครอยู่บ้าง
นางก็แค่ถามไปอย่างนั้น
หวังซีกลับตั้งใจจะหว่านล้อมให้ฮูหยินผู้เฒ่าไปหลบร้อนที่บ้านให้ได้
ส่วนซือจูที่ดูถูกดูแคลนนางนั้น ผู้อื่นย่อม ‘ไม่รับสินบนจากคนรวย ไม่หวั่นไหวแม้ยากจนข้นแค้น’ อยู่แล้ว เช่นนั้นก็ตากแดด สู้กับอากาศร้อนอยู่ที่จวนหย่งเฉิงโหวไปก็แล้วกัน ช่างดียิ่ง!
นางหว่านล้อมฮูหยินผู้เฒ่าต่อ ความจริงแล้วเพิ่งซื้อบ้านหลังนั้นมาหลังจากที่ข้าเข้าเมืองหลวงแล้ว เพราะคิดว่าสักวันหนึ่งจะได้เชิญท่านกับสตรีในบ้านไปเที่ยวเล่นกัน เพียงแต่ว่าเพิ่งจะปรับปรุงแล้วเสร็จเมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะเหตุนั้นก่อนหน้านี้จึงไม่ได้เปิดเผยให้ทราบ
เสียงของหวังซีขาดๆ หายๆ ทว่าคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนได้ยินอย่างชัดเจน
ฉังหนิงกล่าวอย่างเดือดดาลว่า นางจะทำอะไร ต้องการโอ้อวดว่าตระกูลหวังของพวกเขามีเงินอย่างนั้นหรือ
โหวฮูหยินกำลังคิดจะจับบุตรสาวแยกกับซือจูอยู่พอดี ได้ยินแล้วรีบห้ามปรามฉังหนิง กล่าวว่า เจ้านี้เห็นอะไรก็คิดว่าเป็นอย่างนั้นหรืออย่างไร รู้สึกว่าน้องสาวสกุลหวังของเจ้าพูดเกินจริง? นางพูดอะไร เจ้าก็คิดว่านางกำลังโอ้อวด? ข้าว่าเจ้าควรแก้ไขวิธีคิดนี้เสียใหม่แล้ว เจ้าเองก็อย่าเอาแต่ตามติดพี่สาวซือของเจ้า นางมีเรื่องให้ต้องทำมากมาย องค์หญิงฟู่หยางเองก็ไม่รู้ว่าจะมาเยี่ยมเยียนพี่สาวซือของเจ้าเมื่อไร…
…เจ้าตามข้ากลับไป ข้ายังมีเรื่องต้องการมอบหมายให้เจ้าอยู่อีก
กล่าวจบ จับมือของฉังหนิงเอาไว้ ให้หมัวมัวที่ตามมาด้วยไปเก็บของให้ฉังหนิง ยังกล่าวด้วยว่า คืนนี้เจ้ามานอนกับข้า
ฉังหนิงไม่ยอม
ถึงตอนนี้แล้วหากซือจูยังดูไม่ออกว่าโหวฮูหยินไม่ชอบนาง นางก็คงเป็นคนโง่ผู้หนึ่งแล้ว
แต่นางก็ไม่ใส่ใจ
ต่อให้โหวฮูหยินคิดมากกว่านี้แล้วอย่างไร ตราบใดที่ฮูหยินผู้เฒ่ายังมีชีวิตอยู่ นางก็ต้องเชื่อฟังฮูหยินผู้เฒ่าอย่างบริสุทธิ์ใจไปทั้งวันอยู่ดี ตราบจนฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยู่แล้ว คาดว่าตอนนั้นตนก็น่าจะออกเรือนไปแล้วเช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงจวนหย่งเฉิงโหว แม้แต่บ้านเดิมของตัวเองก็คงไม่ค่อยได้ไปแล้ว ยังจะต้องกลัวโหวฮูหยินคนหนึ่งอย่างนางเล่นสกปรกด้วยหรือ
ซือจูแสยะยิ้มเย็น
โหวฮูหยินเสมือนมองไม่เห็น ให้คนบังคับฉังหนิงกลับไปที่เรือนพักของตัวเองเสร็จ ฮูหยินผู้เฒ่าก็เปลี่ยนชุดออกมาพอดี
เห็นภายในห้องมีเพียงโหวฮูหยินกับซือจู นางประหลาดใจ เอ่ยถามว่า อาหนิงเล่า
โหวฮูหยินตอบอย่างคลุมเครือไปเสียงหนึ่ง แล้วเอ่ยถึงแผนการของช่วงบ่ายขึ้นมา ข้ารู้สึกว่าความคิดของอาซีดี ตอนบ่ายพวกเราไปย่างเนื้อที่สวนดอกไม้ด้านหลังก็ไม่เสียหายอะไร ให้พวกเด็กๆ ในบ้านได้ผ่อนคลายสักหน่อยด้วยพอดี
ก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนต้องไว้ทุกข์
ฮูหยินผู้เฒ่าคิดว่าหวังซีมีนิสัยอ่อนโยน ไม่แน่ว่าหากซือจูกับหวังซีได้เล่นด้วยกัน อาจคืนดีกันในไม่ช้าก็เป็นได้ จึงตอบรับด้วยความยินดี
โหวฮูหยินออกไปจัดคนสำหรับเตรียมการเรื่องย่างเนื้อ พอออกประตูมาก็เจอกับสาวใช้เด็กที่มาแจ้งข่าวพอดี
สาวใช้เด็กผู้นั้นทำความเคารพนาง แจ้งว่านายหญิงรองของจวนเซียงหยางโหวมาหา ตั้งใจมากล่าวขออภัยฮูหยินผู้เฒ่าเป็นพิเศษ
โหวฮูหยินพยักหน้ายิ้มๆ ปากเอ่ยกับสาวใช้เด็กผู้นั้นว่า เจ้าไปรายงานเถอะ ทว่าในใจกลับคิดถึงคำพูดของหวังซีที่คุยกับนางตอนเดินทางกลับมา ฮูหยินผู้เฒ่าใจอ่อนมากเกินไป หลังจากกลับไปแล้วมีความเป็นไปได้มากกว่าครึ่งว่านางอาจจะเปลี่ยนใจ พวกเราควรไปเกลี้ยกล่อมให้ฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนชุดและพักผ่อนเร็วสักหน่อย ต่อให้คนของจวนเซียงหยางโหวมาหา ก็ต้องแต่งตัวใหม่ และยังไม่รู้ว่าตอนไปถึงงานเลี้ยงจะเริ่มไปแล้วหรือยัง ไม่แน่ว่าถึงแม้ในใจฮูหยินผู้เฒ่าอาจจะให้อภัยฮูหยินผู้เฒ่าจวนเซียงหยางโหวแล้ว แต่ก็รู้สึกยุ่งยาก จึงไม่ไปแล้วก็เป็นได้
ดูจากท่าทางของฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อครู่ คงจะเป็นอย่างที่หวังซีกล่าวเอาไว้จริงๆ แล้ว
คุณหนูต่างสกุลท่านนี้ ช่างแปลกประหลาดชวนให้ขนลุกจริงๆ!
อย่างไรก็ตาม แปลกประหลาดชวนให้ขนลุกบ้างก็ดีเหมือนกัน
อย่างน้อยอยู่ต่อหน้าซือจูจะได้ไม่เสียเปรียบ
………………………………………………………………………..
[1] น้ำบ๊วยเปรี้ยว (酸梅汤) เป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มในช่วงฤดูร้อน มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว โดยมี ลูกอูเหมย (乌梅) ลูกซานจา (山楂) เปลือกส้มตากแห้ง (陈皮) ดอกกุ้ยฮวา (桂花) หญ้าหวาน (甘草) และน้ำตาล เป็นส่วนประกอบหลัก
ตอนต่อไป