บทที่ 63 หนุ่มหูแมวรูปงาม

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

เฮ่อเหลียนเวยเวยสังเกตสถานที่ที่ตนเองอยู่ในตอนนี้ มันเป็นทุ่งที่มีหญ้าขึ้นสูง หญ้าแต่ละต้นเปล่งแสงเรืองรองดูสดชื่น ตรงหน้าของนางมีลำธารเล็กๆ อยู่สายหนึ่ง  

 

 

ตอนที่ร่วงลงมา นางคงตกลงมาในลำธารสายนี้ เพราะในเวลานี้เสื้อผ้าของนางเปียกโชกไปทั้งตัว พอมีสายลมเย็นๆ พัดมา นางก็จามออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่  

 

 

บริเวณใต้หน้าผาแห่งนี้ชื้นเอาการทีเดียว ดังนั้นนางจึงไม่สามารถก่อไฟได้เลย เฮ่อเหลียนเวยเวยทำได้เพียงแค่เดินเลียบไปตามลำธาร หากคืนนี้นางต้องนอนทั้งชุดที่เปียกชื้นเช่นนี้ เห็นทีนางคงได้ป่วยแน่  

 

 

หลังจากเดินมาได้ราวหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดเฮ่อเหลียนเวยเวยก็เจอที่ที่แห้งพอจะให้นางก่อไฟได้เสียที นางเก็บใบไม้และกิ่งไม้แห้งมากองรวมกัน จากนั้นจึงเริ่มมองหาหินเหล็กไฟ สุดท้ายเมื่อจุดไฟได้สำเร็จแล้ว นางก็นั่งลงบนพื้นหญ้าข้างๆ กองไฟ  

 

 

ความแข็งแรงของร่างกายนางในตอนนี้เทียบไม่ได้กับในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเลยแม้แต่นิดเดียว ร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป เดินได้แค่ครู่เดียวนางก็เหนื่อยเสียแล้ว นับว่าไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผู้ฝึกปราณเอาเสียเลย!  

 

 

ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เวลาที่นางฝึกฝนพลังปราณ นางจะต้องเพิ่มการฝึกพิเศษทางด้านร่างกายเข้าไปด้วย  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดพลางถอดชุดของตนออก แล้วนำมันไปผึ่งไว้ใกล้ๆ กับกองไฟ เสื้อตัวในแห้งอย่างรวดเร็ว  

 

 

หลังจากที่นั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง เฮ่อเหลียนเวยเวยก็หันไปมองรอบตัวอีกครั้ง แต่นางยังไม่ได้ดับไฟ  

 

 

ในป่าเช่นนี้ ไฟย่อมสำคัญกว่าปืน  

 

 

เพราะไฟไม่เพียงแต่ทำให้เราสามารถระบุตำแหน่งของตัวเองได้ แต่ยังช่วยขับไล่หมาป่าที่หิวโหยออกไปได้ด้วย  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นถึงหนึ่งในสายลับชั้นยอด ดังนั้นนางจึงเก่งเรื่องการเอาชีวิตรอดในป่ามากกว่าใครๆ  

 

 

ในไม่ช้านางก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ที่นี่มันสถานที่บ้าอะไรกัน ไม่ว่านางจะเดินอยู่นานเพียงใด ก็ยังออกไปไม่ได้  

 

 

นางเดินวนเป็นวงกลมมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว  

 

 

ดังนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยจึงรู้สึกได้ด้วยสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล  

 

 

ที่นี่ไม่มีวี่แววของมนุษย์คนอื่น อีกทั้งนางก็ยังไม่สามารถพูดคุยกับหยวนหมิงได้  

 

 

ผลสุดท้ายเฮ่อเหลียนเวยเวยก็หยิบแท่งไม้เป็นฉมวกไปจับปลาในลำธาร หลังจากที่ขอดเกล็ดออก นางก็ย่างมันบนกองไฟ  

 

 

ไม่ว่าเวลาใด มนุษย์ก็ไม่อาจหลงลืมการเติมเต็มกระเพาะของตนได้  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยเลียริมฝีปากเมื่อปลาสุกได้ที่ นางก็หยิบสตรอว์เบอร์รีจากมิติสวรรค์ออกมา แล้วจัดการขยำพวกมัน ก่อนจะนำไปชโลมจนทั่วปลา น้ำมันจากตัวปลาหยดลงไปในกองไฟจนเกิดเสียงดังฉ่า ผ่านไปครู่หนึ่ง กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอก็โชยออกมา  

 

 

ทันทีที่เฮ่อเหลียนเวยเวยสูดกลิ่นหอมๆ นั้นเข้าจมูก นางก็คิดที่จะเข้าไปในมิติสวรรค์เพื่อหาดูว่ามีเครื่องปรุงชนิดใดที่นางสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ แต่เมื่อนางกลับออกมา ปลาที่เคยมีอยู่สามตัวก็กลายเป็นสองตัว  

 

 

แปลกจริงๆ  

 

 

ปลาตัวที่สามหายไปไหนกัน  

 

 

อย่าบอกนะว่าจู่ๆ เจ้าปลาตัวนั้นก็มีปีกงอกออกมาแล้วบินหนีไป เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นนางคงหัวเสียน่าดู!  

 

 

ขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ นางก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบดังขึ้น  

 

 

นางหันไปมอง และเห็นว่าที่ด้านข้างกองไฟมีแมวสีขาวตัวหนึ่งจ้องหน้านางอยู่ หูของมันตั้งขึ้นอย่างตื่นตัว ส่วนสิ่งที่อยู่ในอุ้งเท้าของมันคืออะไรน่ะหรือ ก็คือปลาย่างตัวที่สามอย่างไรเล่า  

 

 

หนึ่งคนหนึ่งแมวมองหน้ากันโดยไม่ขยับตัว สำหรับเฮ่อเหลียนเวยเวย การนั่งอยู่นิ่งๆ โดยไม่ทำอะไรนั้นไม่ใช่เรื่องยากลำบากแต่ประการใด แต่กับเจ้าแมวแล้วนับว่าเป็นคนละเรื่องกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะตอนนี้มันยืนด้วยเท้าแค่สามข้างอย่างไม่มั่นคง สุดท้ายมันจึงล้มลง แล้วส่งเสียงร้องเหมียวออกมาอย่างไม่พอใจ  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยระเบิดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ทุกวันที่นางจะได้เห็นแมวล้มลงเพราะกำลังขโมยอาหาร  

 

 

เจ้าแมวจรตัวน้อยมองนางด้วยสายตาดุร้าย มันกัดปลาราวกับต้องการจะระบายความโกรธ  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยมองมันด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ได้บอกให้มันหยุดเจ้าแมวตัวนี้ดูตัวเล็กและคงไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อนาง  

 

 

เมื่อเจ้าแมวจรเห็นว่าการกระทำของมันได้รับอนุญาต มันก็รีบกินปลาต่ออย่างรวดเร็ว  

 

 

ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เห็นอาหารมานาน ภายในพริบตาเดียว ปลาทั้งตัวก็หายเข้าไปในท้องทันที  

 

 

ในตอนที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังจะออกเดินต่อ เจ้าแมวตัวนั้นก็ทำหน้าเหยเก มันยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นตะกุยคอตัวเอง พลางส่งเสียงเหมือนกำลังสำลัก  

 

 

เมื่อนางเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็หัวเราะออกมาจนน้ำตาแทบเล็ด เจ้าแมวจรกินปลาที่ขโมยไป แล้วก้างติดคอ… เห็นทีเหตุการณ์เช่นนี้จะเป็นภาพที่หาดูได้ยากในรอบหนึ่งร้อยปี  

 

 

เจ้าแมวจรตัวน้อยจ้องเด็กสาวที่กำลังหัวเราะมันอย่างดุร้าย  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยเห็นใบหน้าไม่พอใจของมัน นางก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น แล้วกวักมือเรียกมัน “มานี่สิ”  

 

 

ราวกับเข้าใจสิ่งที่นางพูด แมวตัวนั้นเดินมาหานางทั้งที่ก้างยังติดคอ  

 

 

“อ้าปากกว้างๆ” เฮ่อเหลียนเวยเวยบีบปากของเจ้าแมว นางหยิบมีดสีเงินเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้วเอาก้างออกมาจากลำคอของมันด้วยความระมัดระวัง  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยแกว่งก้างปลาต่อหน้าเจ้าแมว บนก้างนั้นยังมีเลือดติดอยู่เล็กน้อย แล้วเตรียมที่จะใช้ความจริงเปื้อนเลือดนี้สั่งสอนบทเรียนให้กับเจ้าแมว “ในคอเจ้ามีสิ่งนี้ติดอยู่ คราวหน้าคราวหลังก็จำเอาไว้ล่ะว่า….”  

 

 

ยังไม่ทันที่นางจะได้พูดจบ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เห็นว่าเจ้าแมวที่จ้องมองก้างปลาเปื้อนเลือดอยู่นั้นตัวสั่น ก่อนจะเป็นลมหมดสติไป  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยถึงกับทำอะไรไม่ถูก…  

 

 

หรือนี่จะเป็นอาการที่คนเขาเรียกกันว่า… โรคกลัวเลือด?!  

 

 

บ้าชะมัด! เจ้าช่วยทำตัวให้สมกับเป็นแมวจรหน่อยมิได้หรือ!!!  

 

 

แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเจ้าแมวตัวนี้ช่างงดงามยิ่งนัก ขนสีขาวราวหิมะของมันเป็นประกายสีเงิน ตอนที่เอามือจับ มันก็ทั้งนุ่มและลื่นเหมือนเส้นไหม  

 

 

ขนประเภทนี้คงเอาไปแลกเป็นเงินได้เยอะพอควรทีเดียว  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดอย่างชั่วร้าย แต่มืองของนางกลับลูบเจ้าแมวด้วยความอ่อนโยนอย่างยิ่ง  

 

 

ความอบอุ่นจากร่างของเจ้าแมวทำให้นางอยากเข้าใกล้มันจนแทบอดใจไม่ไหว  

 

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่นางกำลังจะกอดมัน จู่ๆ ร่างของเจ้าแมวขนสีขาวก็ส่องแสงสีเงิน และหมอกกลุ่มหนึ่งก็ห่อหุ้มรอบตัวมัน  

 

 

หลังจากที่หมอกจางหายไป สมองของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ถึงกับว่างเปล่า  

 

 

ไม่เห็นมีใครเคยบอกนางเลยว่าสัตว์ที่นี่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ตามใจตัวเองได้ด้วย!  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยมองชายหนุ่มตาค้าง แพขนตาราวขนนกของเขาสั่นน้อยๆ ทุกครั้งที่หายใจ จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่ามันจะเป็นเช่นไรตอนที่เขาลืมตา  

 

 

แต่…  

 

 

พอชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาเห็นคือท่าทางของเฮ่อเหลียนเวยเวย จากนั้นเขาถึงค่อยๆ เคลื่อนสายตาลงไปเรื่อยๆ ตามร่างกายของตัวเอง…  

 

 

เมื่อเห็นชัดๆ ว่าตนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เขาก็ผุดลุกขึ้นยืนในทันที แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะใช้มือปิดบังร่างกายส่วนไหนของตนดี  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยมองอีกฝ่ายเป็นเวลานาน พลางมองดูสีหน้าลนลานบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเพลิดเพลิน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นใดดี  

 

 

ในโลกก่อนนางมีโอกาสได้เห็นคนเปลือยกายมามากมาย ดังนั้นนางจึงไม่มีความรู้สึกอะไรกับร่างกายของมนุษย์เลย  

 

 

กระนั้นร่างที่อยู่ตรงหน้านางก็แทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว เอวคอด สัดส่วนงดงามได้รูป แต่มีข้อบกพร่องเพียงแห่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ เขาเป็นผู้ชาย  

 

 

ชายหนุ่มรูปงามมองไปรอบตัวอย่างทำอะไรไม่ถูก และเมื่อสังเกตเห็นเสื้อผ้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่ข้างกองไฟ เขาก็รีบหยิบเสื้อผ้าพวกนั้นขึ้นมาสวมทันที โดยไม่ลืมที่จะขู่นางเสียงต่ำว่า “ข้าสั่งให้เจ้าหลับตา!”