WS บทที่ 139 สามรอบติด

“รอบที่สามงั้นเหรอ?”

เมอร์ลินเหลือบมองผู้คนที่อยู่รายล้อมเขา พวกเขาคือนักเวทย์ทั้งเก้าที่ถูกส่งตัวมาที่หอคอยพ่อมคลีโอ พวกเขาในตอนแรกก็เหมือนนักเวทย์ทั่วไปที่มั่นใจว่าตัวเองสามารถจะกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งได้แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาพบกับอุปสรรคมากมายประจวบกับความเฉยเมยของพ่อมดลีโอ ทําให้พวกเขารู้สึกท้อแท้สิ้นหวังมาก

แต่ด้วยการมาของเมอร์ลิน มันได้จุดไฟแห่งความหวังในตัวพวกเขานักเวทย์จากหอคอยที่ด้อยกว่าหอคอยอื่น ๆ กลับสามารถเอาชนะทั้งสองรอบได้อย่างง่ายดายและผ่านเข้าสู่รอบที่สาม

ดังนั้นพวกจึงคาดหวังและเอาใจช่วยให้เมอร์ลินสามารถเข้าสู่รอยลึก ๆ

“รอบที่สาม พ่อมดเมอร์ลิน กับ พ่อมดกลีแมน”

ในที่สุด พ่อมดชุดเทาก็เรียกเมอร์ลินเพื่อเริ่มการแข่งขันในรอบที่สาม

เมื่อเขาลุกขึ้น เขารู้สึกได้ถึงสายตานับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่เขา มันผิดกับรอบแรกกับรอบที่สองอย่างสิ้นเชิง

เนื่องจากความโดดเด่นของเมอลินเมื่อก่อนหน้านี้ทําให้คนดูเริ่มสนใจในตัวเอง

“คู่ที่น่าสนใจในรอบที่สามกําลังจะเริ่มแล้ว”

เนื่องด้วยในช่วงแรก ๆ เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายเนื่องจากแต่ละหอคอยส่งคนมาเข้าร่วมงานกหอคอยละสิบคน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ก่อนหน้านี้พวกเขาจะมองข้ามเมอร์ลิน

แต่พอเข้าสู่การแข่งในรอบที่สองเป็นต้นไป ความสนุกจะค่อย ๆ เริ่มขึ้น

แล้วพวกมาถึงรอบที่สามจะเป็นการแข่งขันที่รวบรวมนักเวทย์ที่เก่งกาจ ดังนั้นการแข่งนของจริงมันได้เริ่มขึ้นแล้ว

เมอร์ลินขึ้นไปที่ลานประลองอย่างรวดเร็ว เขาพบกับคู่ต่อสู้ของเขาเป็นชายผมยาวสีน้ำตาลสวมชุดคลุมสีดํา ทั้งสองตรอจฝ่ายกําลังดั่งเชิงอย่างเงียบ ๆ

“ฉันเมอร์ลิน!”

“ฉันกลีแมน”

หลังจากนั้นวงแหวนเวทย์ได้ทํางาน แสงสว่างของบาเรียได้ปกคลุมทั่วทั้งลานประลอง

*ตูม!*

พ่อมดกลีกลีพุ่งเข้ามาหาเมอร์ลินทันทีที่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เขาง้างมือและซัดคาถาธาตุไฟไปเบื้องหน้า เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำได้แผดเผาลานประลองไปกว่าครึ่ง

ดูเหมือนกลีแมนจะศึกษารูปแบบกาต่อสู้ของเมอร์ลินมาเป็นอย่างดี เขาคิดว่าเมอร์ลินจะต้องร่ายคาถาหมอกรัตติกาลขึ้นมาก่อนและจะแช่แข็งฝ่ายตรงข้ามให้ยอมแพ้ไป

ดังนั้นกลีแมนจึงไม่ปล่อยให้เมอร์ลินมีโอกาสทําเช่นนั้น เขาได้ชัดคาถาธาตุไฟไปในวงกว้างจึงทําให้มอร์ลินไม่สามารถร่ายคาถาหมอกรัตติกาลได้

“ตอนนี้คุณไม่สามารถร่ายคาถาหมอกรัตติกาลได้แล้ว ยอมแพ้ซะก่อนที่จะถูกไฟเผาจนเหลือแต่เถ้าถ่าน”

กลีแมนกล่าวอย่างสงบ แม้ว่าคาถาของเขาจะไม่รุนแรงมากแต่มันก็มากพอที่จะจัดการนักเวทย์ที่มีร่างกายดังเช่นสามัญชน

หนึ่งในกฏของการแข่งขัน พวกเขาสามารถดําเนินการต่อสู้ต่อไปได้เรื่อย ๆ และไม่มีการหยุดจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมจํานนหรือเสียชีวิตไปในที่สุด

ตัดภาพมาที่เมอร์ลิน สีหน้าของเขาดูผิดหวังมาก เขาคาดหวังว่าจะพบเจอคาถาที่ทรงพลังในรอบที่สามแต่กลีแมนทําให้เขาผิดหวังมาก

“ลมพายุ”

เมอร์ลินร่ายคาถาลมพายุทันที ร่างกายของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะโผล่มาที่ด้านหลังของกลีแมน เขาได้ชี้นิ้วไปที่ด้านหลังศรีษะของกลีแมนและกําลังจะร่ายคาถาหมอกรัตติกาลออกมา

“ฉันขอยอมแพ้”

กลีแมนที่เห็นเมอร์ลินใช้คาถาลมพายุ เขาก็รู้ตัวเลยว่าตัวเองแพ้แน่นอน ดังนั้นก่อนที่จะถูกครอบงําด้วยหมอกรัตติกาล เขาชิงยอมแพ้ไปก่อนดีกว่า

“คุณแข็งแกร่งมาก ไม่แปลกใจเลยที่ฉันจะพ่ายแพ้ด้วยมือของคุณ” กลีแมนมองเมอร์ลินอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะลงจะเวทีไป

ตอนนี้เมอร์ลินเข้าสู่รอบที่สามแล้ว!

เมื่อเมอร์ลินลงมาที่พัก เอเลน่าก็เข้ามาแสดงความยินดีด้วยความตื่นเต้น “เมอร์ลินคุณเก่งมาก คุณเขาสู่รอบที่สามแล้ว มันเท่ากับสถิติที่ทางพ่อมดเซารอนทําไว้เลย”

พ่อมดเซารอนซึ่งเคยผ่านเข้าสู่รอบสาม เมื่อ 12 ปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากครั้งนั้นก็ไม่มีนักเวทย์คนไหนที่สามารถทําเช่นนั้นได้เลย แม้แต่รอบแรกพวกเขาก็ไม่ผ่าน

เมอร์ลินยิ้มเบา ๆ และไม่พูดอะไร เขามองดูเอเลน่าที่ดีใจกับความสําเร็จของเขา แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนสวยแต่เธอน่ารักเหมือนสาวข้างบ้าน ด้วยภาพลักษณ์ของเธอ ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอเป็นแม่มด

ทางด้านม้านั่งหินหน้าเวทีซึ่งเป็นที่นั่งของนักเวทย์ระดับสี่ขึ้นไป เนื่องจากตอนนี้เป็นเพียงแค่รอบที่สาม พวกเขาจึงไม่สนใจการแข่งขันเท่าไหร่นัก

แต่อย่างไรก็ตามก็มีนักเวทย์บางคนสังเกตการต่อสู้ของเมอร์ลินกับกลีแมน เป็นแม่มดนาชาที่เพิ่งจะเป็นนักเวทย์ระดับสี่ เธอหันมายิ้มในพ่อมดลีโอ หลังจากที่เมอร์ลินสามารถผ่านเข้าสู่รอบถัดอย่างง่ายดายได้อีกครั้ง

“ พ่อมดลีโอ พวกพ่อมดชุดเทาคงจะมอบของขวัญล้ำค่าให้กับท่าน ฉันจําชายหนุ่มคนนั้นได้ เขาคือเมอร์ลินที่เพิ่งเข้าสู่ดินแดนมนต์ดําได้ไม่ถึงปี เพียงแค่เวลาสั้น ๆ เขาสามารถสร้างคาถาหมอกรัตติกาลได้ที่ซับซ้อนได้ ช่างน่าสนใจจริง ๆ บางทีเขาอาจจะเป็นอย่างพ่อมดเซารอนก็ได้”

ดูเหมือนว่าแม่มดนาชาจะมีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับพ่อมดลีโอ

พ่อมดลีโอส่ายหัวเล็กน้อยและตอบว่าด้วยน้ำเสียงอันสงบว่า

“เป็นอย่างเซารอนงั้นเหรอ? ไม่มีทาง”

“อืม คุณคิดว่า เมอร์ลินจะเอาชนะในรอบที่สี่ได้มั้ย?” เธอถาม

ในการแข่งขันรอบที่สี่นั้นจะมีความแตกต่างจากรอบที่สามอย่างมากมันจะเป็นการพบกันระหว่างนักเวทย์จากหอคอยระดับสูง โดยเมอร์ลินจะพบกับพ่อมดวาราดี

พ่อมดวาราดีนั้นถนัดการจู่โจมด้วยพลังจิตที่แข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับนักเวทย์ระดับสอง

การที่มีพลังจิตระดับนั้นมันก็หมายความว่า คาถาหมอกรัตติกาลของเมอร์ลนจะไม่สามารถวาราดีตกอยู่ในภาพลวงตาได้ นอกจากนี้เขายังมีม้วนคัมภีร์คาถาแองกันระดับหนึ่งอีกหลายม้วน เขาเป็นตัวเต็งที่จะเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้

นั่นทําให้แม่มดนาชาไม่เชื่อว่า เมอร์ลินจะมีโอกาสเอาชนะวาราดี

พ่อมดลีโอไม่พูดอะไร เขาได้เพียงรอยยิ้มน่าสยอสยองออกมาและพูดอย่างแผ่วเบาว่า “รอบที่สี่กําลังจะเริ่มแล้ว”

แม่มดนาชารู้สึกสับสน เธอได้ยินน้ำเสียงที่บ่งบอกความมั่นใจของเขา “หรือว่าพ่อมดเมอร์ลินจะมีม้วนคัมภีร์ด้วย”

“รอบที่สี่ พ่อมดเมอร์ลิน กับ พ่อมดวาราดี!”

ทันทีที่เสียงประกาศสิ้นสุด พวกผู้ชมก็เงียบไปในทันที ในที่สุดรอบที่สี่ก็เริ่มต้นขึ้น แม้แต่แม่มดนาชาก็มองไปที่ลานประลองอย่างตั้งใจ

“พ่อมดเมอร์ลน ถ้าสู้ไม่ไหวก็รีบยอมแพ้เลยนะ” เอเลน่าพูดเบา ๆ เธอได้เห็นการต่อสู้ของพ่อมดวาราดี ตัวเขานั้นแข็งแกร่งอย่างผิดปกติ เธอไม่คิดว่าเมอริลนจะสามารถเอาชนะได้

“ยอมแพ้เหรอ?” เมอร์ลินหันไปมองพ่อมดวาราดีที่ยืนอยู่บนลานประลองแล้ว เขาได้ยกมุมปากขึ้นและกระซิบว่า “มันไม่ใช่ง่าย ๆที่จะได้พบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ฉันอยากจะรู้ว่าพวกอัจฉริยะของดินแดนมนต์ดําจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนกันเชียว” เขากล่าวพร้อมกับความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม

จากนั้นเขาก็รีบขึ้นมาบนลายประลอง เขาลอบสังเกตพ่อมดวาราดีที่อยู่เบื้องหน้า

เขามีผิวสีเข้มเล็กน้อย เขาสวมเสื้อแขนสั้นและสวมตุ้มห่วงใหญ่ทั้งสองข้าง ชุดแต่งกายของเขาดูแปลกจะนักเวทย์ทั่วไปสักหน่อย

“ฉันเมอร์ลิน”

“ฉันสาราดี”

จากนั้นวงแหวนเวทย์ได้ทํางาน ตอนนี้การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว

“หมอกรัตติกาล”

เมอร์ลินร่ายคาถาหมอกรัตติกาลใส่วาราดีทันที นับตั้งแต่ที่เขาใช้มันเขารู้สึกว่ามันมีประโยชน์มาก นักเวทย์ทั่วไปไม่สามารถเอาชนะได้เลย

บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลสําคัญที่ทําให้เมอแรงค์กล้าที่จะมาแก้แค้นเคานต์เซลินในปราสาทเพียงลําพัง

“แช่แข็ง!!”

เมื่อหมอกสีดําห่อหุ้มร่างของวาราดี เขาก็ไม่ลังเลที่จะร่ายคาถาชาแข็งทันที

“หมอกรัตติกาลเป็นคาถาที่ทรงพลังมากแต่มันไม่เพียงพอที่จะหลอกล่อฉันให้ตกอยู่ในภาพลวงตา”

เสียงอันเย็นชาดังออกมาจากในหมอกสีดํา เมื่อร์ลินรู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังจิต เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของพลังจิตที่ใกล้เคียงกับเขา

ดังนั้นหมอกรัตติกาลจึงไม่มีผลกับคนที่มีพลังจิตในระดับนี้

เมอร์ลินใช้พลังจิตตรวจสอบโดยรอบ นอกจากวาราดีจะไม่ตกอยู่ในภาพลวงตาแล้ว เขายังร่ายคาถาลมพายุ ทําให้หลบคาถาแช่แข็งอย่างง่ายดาย

*หวู่ม*

ในระหว่างที่วาราดีจะออกจากคาถาหมอกรัตติกาล เขาได้หัวเราะออกมาและร่ายคาถาธาตุดินออกมา

“หลุมดิน!”

นี่คือคาถาควบคุมธาตุดิน วาราดีรู้ว่าเมอร์ลินมีคาถาลมพายุแบบเดียวกับเขา ดังนั้นเขาจึงร่ายคาถาควบคุมเมอร์ลินอย่างรวดเร็ว

เมอร์ลินถูกตรึงไว้บนพื้นโดยมีหนวดสีน้ำตาลโผล่ขึ้นมามัดขาของเขาไว้

จากนั้นวาราดีชูมือขึ้นในอากาศ จากนั้นก็มีแสงสว่างแสงขึ้นมาบนเหนือศีรษะของเขา

เมอร์ลินรู้สึกถึงภัยคุกคามทันที มันคือคาถาโจมตีธาตุสายฟ้า มันมีพลังทําลายและความเร็วสูงมาก มันได้พุ่งเข้าหาเมอร์ลินเพียงชั่วพริบตา

“มันจบแล้ว!”

รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของวาราดี ในช่วงเวลาเช่นนี้เมอร์ลินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมจํานน มิฉะนั้นคาถาสายฟ้านี้จะส่งให้เมอร์ลินและจะนําพาเขาไปสู่ความตาย