บทที่ 140 พลังที่ไม่อาจต้านได้ PART 1

*ตูม!!*

รอยยิ้มบนใบหน้าของวาราดีได้แข็งค้างเนื่องจากเสียงของคาถาธาตุสายฟ้าของเขา ไม่ได้โดนตัวของเมอร์ลินแต่โดนอะไรบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายดิน

กลุ่มควันสีเหลืองกระจายทั่วอากาศ เมื่อกลุ่มควันได้หายไปเผยให้เห็นเมอร์ลินที่ยืนอย่างสงบโดยมีกําแพงที่แข็งแรงที่สร้างจากดิน เมอร์ลินได้ร่ายคาถาโล่ปฐพีก่อนที่สายฟ้าจะมีถึงตัวเขา

“นักเวทย์สี่ธาตุงั้นเหรอ?”

ไม่เพียงแต่พ่อมดวาราดีจะตกตะลึง แม้แต่นักเวทย์ระดับสี่ก็ไม่สามารถระงับความประหลาดใจได้

สําหรับนักเวทย์สี่ธาตุนั้นจะมีความแตกต่างจากนักเวทย์สามธาตุ หากเลือกที่จะเป็นนักเวทย์สี่ธาตุ มันต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลที่มากกว่านักเวทย์สามธาตุ

แต่หากกลายเป็นนักเวทย์สี่ธาตุสําเร็จ คน ๆ นั้นจะมีพลังที่เหนือกว่านักเวทย์ทั่วไปหลายเท่า

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าเมอร์ลินมีศักยภาพเพียงเท่านี้แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าเมอร์ลินจะเป็นนักเวทย์สี่ธาตุที่ทรงพลังด้วย

เหล่านักเวทย์ที่อยู่ตรงเก้าอี้หิน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันมามองพ่อมดลีโอ

ทางด้านแม่มดนาชา เธอได้เผยรอยยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ขอแสดงความยินดีกับพ่อมดลีโอด้วยที่รับได้รับอัจฉริยะมาที่หอคอยของคุณ”

ใครก็ตามที่สามารถสร้างคาถาสี่ธาตุอย่างขึ้นมาได้ คน ๆ นั้นจะพวกหัวกะทิที่ทางองค์กรนักเวทย์จะให้ความสําคัญและพวกเขาก็ไม่คาดคิดว่านักเวทย์แบบนี้จะปรากฏที่หอคอยพ่อมดลีโอ

“แม้ว่าพ่อมดวาราดีจะไม่สามารถเอาชนะพ่อมดเมอร์ลินได้แต่ฉันเกรงว่าพ่อมดเมอร์ลินจะเองชนะพ่อมดวาราดีไม่ได้เช่นกัน นอกจากพ่อมดวาราดีจะมีความเร็วที่หาตัวจับยากแล้ว เขายังมีคัมภีร์คาถาป้องกันที่แข็งแกร่งด้วยและถ้าจะพูดในส่วนพลังเวทย์ เมอร์ลินก็เพิ่งเข้าร่วมดินแดนมนต์ดําได้ไม่นาน พลังเวทย์ของเขาจะสะสมน้อยกว่าวาราดี”

แม่มดนาชาพูดในสิ่งที่เธอคิดโดยวิเคราะห์ตามสถานการณ์เบื้องหน้า เหล่านักเวทย์แถวนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย แม้ว่าเมอร์ลินจะเป็นนักเวทย์สี่ธาตุอย่าง ลมพายุ แช่แข็ง หมอกรัตติกาลและโล่ปฐพี ด้วยคาถาแบบนี้มันไม่สามารถเอาชนะวาราดีได้

“งั้นหรือ? แต่การแข่งยังไม่จบ อะไรก็เกิดอะไรขึ้นได้” พ่อมดลีโอดูไม่ได้กังวล ดวงตาแนวตั้งสีเลือดบนหน้าผากของเขากระพริบอย่างเงียบ ๆ

“เข้าใจแล้ว มาดูการแข่งต่อกัน” แม่มดนาชาเปลี่ยนความสนใจไปที่ลานประลองทันที

บนเวที เมอร์ลินกับวาราดีกําลังยืนเผชิญหน้ากัน ด้วยโล่ปฐพีของเมอร์ลินทําให้เขารู้ว่าเมอร์ลินเป็นนักเวทย์สี่ธาตุ

แม้ว่าวาราดีจะตกใจกับเรื่องนี้แต่เขาก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วและเผยรอยยิ้มออกมา

“แม้ว่าคุณจะเป็นนักเวทย์สี่ธาตุแต่อย่างไรก็ตามคาถาที่คุณมีไม่สามารถเอาชนะฉันได้หรอก มาดูกันสิว่าพลังเวทย์ของใครจะหมดก่อนกัน!”

วาราดีตั้งสติได้อย่างรวดเร็วและได้หาวิธีเอาชนะเมอร์ลินได้ก็คือต้องทําให้อีกฝ่ายพลังเวทย์หมด แม้เวลาต่อสู้จะนานไปสักหน่อยแต่เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะได้แน่นอน

“พลังเวทย์หมดกันหรือ?” ริมฝีปากของเขาได้ยกขึ้น เขาหายใจเข้าลึก ๆ และพลังจิตอันทรงพลังได้ผวนผวนอย่างรุนแรง ในระหว่างนั้นแววตาของเขาได้ฉายแววอันดุร้ายออกมา

“ข่ายสายฟ้า!!”

ทันใดนั้นตาข่ายไฟฟ้าขนาดมหึมาปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันคลอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งลานประลอง มันมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวภายใต้สายฟ้าเส้นบางราวกับเส้นผม

“ไม่จริง! เขาเป็นนักเวทย์ห้าธาตุ!”

สีหน้าของวาราดีซีดลงอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกได้ว่าคาถาตรงหน้าไม่ธรรมดาแน่นอน เขาจึงตัดสินหยิบม้วนคัมภีร์ออกมา มันได้เปล่งแสงสีเขียวออกมาจากมือของเขา

“พายุสุญญากาศ!!”

มันเป็นม้วนคัมภีร์คาถาระดับหนึ่ง แม้ชื่อของมันจะฟังดูเหมือคาถาโจมตีแต่จริง ๆ มันคือคาถาป้องกันที่ทรงพลังมาก

*หวุ่ม*

สายลมกรรโชกได้ปรากฏขึ้นและปกคลุมรอบตัวของวาราดีเอาไว้ ข่ายสายฟ้าได้พุ่งลงใส่วารา ดีแต่ข่ายสายฟ้าไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้

สายฟ้าได้ถูกสายลมพัดกระหน่ำทําลาย นี่คือลักษณะของคาถาพายุสุญญากาศ มันจะทําลายทุกสิ่งที่เข้าใกล้จึงไม่มีอะไรสามารถทําอะไรผู้ร่ายได้

“ม้วนคัมภีร์งั้นหรือ?” เมอร์ลินหรี่ตาเล็กน้อย เขานึกถึงพ่อมดเจสัน ตอนนั้นเขาก็ใช้ม้วนคัมภีร์เหมือนกันแต่เป็นคาถาระดับสอง

แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ถูกลูกไฟยักษ์ที่สะสมอยู่จี้จัดการพ่อมดเจสันจนไม่เหลือซาก

“มันก็แค่คาถาระดับหนึ่ง”

จากนั้นเมอร์ลินได้ง่ายข่ายสายฟ้าแบบเสริมพลัง มันได้ถูกเหวี่ยงออกไปอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันวาราดีก็รู้สึกความเย็นที่แผ่เข้ามาจากทั่วทิศทาง

*ครึ่ก ครึ่ก*

วาราดีถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ เมอร์ลินได้ร่ายคาถาแช่แข็งอย่างต่อเนื่อง จนทําให้คาถาป้องกันถูกทําลายและวาราดีถูกแช่แข็งในที่สุด ด้วยพลังเวทย์ที่สะสมมานานดังนั้นการปล่อยคาถาแช่แข็งหลายสิบครั้งจึงไม่เป็นปัญหาสําหรับเขา

ใบหน้าของของพ่อมดวาราดีซีดราวกับกระดาษ เขามองดูสายฟ้านับไม่ถ้วนที่กําลังตกลงมาใส่ศีรษะของเขา หากเป็นคาถาอื่น ๆ เขาคงไม่สนใจ แต่ทว่านี่คือคาถาข่ายสายฟ้าซึ่งมีผลให้เกิดอัมพาตชั่วคราว หากเขาขยับตัวไม่ได้เขาก็ไม่สามารถใช้ม้วนคัมภีร์ได้

“พอแล้ว! ฉันยอมแพ้!”

พ่อมดวาราดีดูหดหูและผิดหวัง เขามองไปที่เมอร์ลินและพูดว่า “ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะได้พบกับนักเวทย์ห้าธาตุ แม้ว่าฉันจะไม่พอใจแต่นี่คือความแตกต่างของพลัง ขอให้โชคดีพ่อมดเมอร์ลิน”

จากนั้นพ่อมดวาราดีออกจากลานประลองและเดินจากไปทันที

เมอร์ลินจ้องมองวาราดีอย่างเงียบ ๆ เขายอมรับว่าวาราดีแข็งแกร่งมาก แม้เขาจะไม่มีม้วนคัมภีร์แต่เขาก็แข็งแกร่งว่าเมอแรงค์หรือโฮล์มส์ด้วยซ้ำ

หลังจากที่เมอร์ลินชนะในรอบที่สี่ทําให้เขาผ่านเขารอบ 16คนสุดท้าย โดยปกติแล้วคนที่สามารถผ่านมาถึงรอบนี้ คน ๆ นั้นจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์พิเศษและการสนับสนุนทางทรัพยากรที่มั่นคง

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ มีนักเวทย์เพียงห้าหรือหกคนเท่านั้นที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์เวทมนต์ พวกเขาต่อสู้ด้วยพลังของตัวเองเท่านั้นและในหมู่พวกเขาเหล่านี้ เมอร์ลินเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด

นักเวทย์ห้าธาตุนั้น หาได้ยากยิ่งในดินแดนมนต์ดํา

“แม่มดนาชาเห็นมั้ย? ว่าวาราดีแพ้แล้ว”

พ่อมดลีโอหันมามองแม่มดนาชาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เธอไม่ได้โต้ตอบอะไร เธอทําเพียงถอนหายใจออกมา

“นานแค่ไหนแล้วนะที่ดินแดนมนต์ดํามีนักเวทย์ห้าธาตุ นับแต่แต่ไคลส์ก็ไม่มีนักเวทย์ห้าธาตุปรากฏขึ้นอีกเลย…”

“ไคลส์?” พ่อมดลีโอทําหน้าเคร่งขรึมและกล่าวอย่างชื่นชม “เขาเป็นคนอัจฉริยะคนแรกของดินแดนมนต์ดํา แม้แต่ข้าก็ยังด้อยกว่าเขา เขาได้เลื่อนระดับเป็นนักเวทยระดับหนึ่งจากการเป็นนักเวทย์ห้าธาตุ จากนั้นอีก 20ปี ต่อมา เขาได้กลายเป็นนักเวทย์ระดับสาม บางที่ตอนนี้เขาอาจจะกําลังพยายามกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่ก็เป็นได้ หากเขาสามารถไปถึงขั้นนั้น เขาก็จะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักเวทย์ระดับหกทันที”

พ่อมดลีโอดูเหมือนจะชื่นชมไคลส์มาก แม้แต่คนที่เย่อยิ่งอย่างลีโอยังเรียกเขาว่าเป็นอัจฉริยะคนแรกของดินแดนมนต์ดํา แสดงว่าเขาต้องมีศักยภาพที่ไม่ธรรมดา

พ่อมดนาชายิ้มอย่างอ่อนโยน “พ่อมดลีโอ บางทีเมอร์ลินอาจจะเดินตามรอยของไคลส์ก็เป็นได้ เขาจะกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดนมนต์ดําในฐานะนักเวทย์ห้าธาตุ”

“เมอร์ลินอย่างงั้นเหรอ”

ลีโอมองไปยังเมอร์ลินซึ่งยืนอยู่ไกล เขารู้จักเมอร์ลินดีที่สุด เขาไม่ใช่นักเวทย์ห้าธาตุแต่เป็นหกธาตุต่างหาก

การที่จะเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งของนักเวทย์ห้าธาตุนั้นมันยากมาก มีเพียงไม่กี่คนที่จะกล้าทําแบบนั้น

นับประสาอะไรกับนักเวทย์หกธาตุ ความยากนั้นแม้แต่เขาเองก็ไม่สามารถจินตการได้ มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่เมอร์ลินจะก้าวผ่านอุปสรรคไป

และที่สําคัญ เมอร์ลินเหลือเวลาอยู่ในดินแดนมนต์ดําเพียงสองปีหว่าเท่านั้น