ตอนที่ 71 มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเถาหยางและกอบโกยผลประโยชน์

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 71 มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเถาหยางและกอบโกยผลประโยชน์

ตอนที่ 71 มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเถาหยางและกอบโกยผลประโยชน์

เช้าวันรุ่งขึ้น ซูเถาเตรียมของใช้ในชีวิตประจำวันขนาดใหญ่สองกล่อง เช่น ผ้าอนามัย กระดาษชำระ แชมพูและครีมอาบน้ำ

และก็มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกสองกล่อง

ครั้งนี้เธออาจจะต้องออกไปสองเดือนกว่าจะกลับมา ของใช้ในชีวิตประจำวันต้องไม่ขาดแคลน

พวกเครื่องอัตโนมัติอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เธอไม่สามารถนำติดตัวไปด้วยได้ เพราะเครื่องเหล่านี้ถ้าออกไปนอกเถาหยางเมื่อไหร่จะใช้การไม่ได้ ไม่สามารถเติมของได้เช่นกัน

เธอขอให้กวานจือหนิงช่วยขนของของเธอขึ้นรถ

เธอนำรถจี๊ปสีน้ำเงินออกไปด้วย เพราะว่าท้ายรถนั้นสามารถใช้เก็บเสบียงได้

กวานจือหนิงใช้เวลาร่วมชั่วโมงในการช่วยเธอขนของของเธอลงมาชั้นล่าง และยังต้องไปที่ห้องเก็บน้ำเพื่อขนน้ำมา 5 ถัง และน้ำมันที่ถูกวางไว้ชั้นล่างของอาคารสำนักงานอีก 5 ถัง

กวานจือหนิงไม่พอใจ

ซูเถากล่าวว่า “ครั้งนี้คุณนั่งรถออกไปกับฉัน กินนอนกับฉัน ฉันวางแผนที่จะเอาข้าว แป้ง ธัญพืช และน้ำมันมาด้วย เราจะตั้งเตาบนรถและทำอาหารกินกัน”

กวานจือหนิงมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น เมื่อเธอขนของเสร็จก็พูดว่า

“ท้ายรถของคุณค่อนข้างใหญ่ คุณสามารถหาคนมาติดตั้งตู้เย็นให้คุณได้ คุณจะได้เอาไว้เก็บอาหารและเครื่องดื่ม”

เมื่อซูเถาได้สติ เธอก็รีบพูดอย่างไม่รีรอ

“คุณพอจะรู้จักคนติดตั้งไหม? พาฉันไปหน่อย เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา”

ถ้าไม่มีตู้เย็น พวกอาหารและเครื่องดื่มในเถาหยางที่เธอรักก็คงหมดสิทธิ์

เธอนำเสวี่ยเตาขึ้นรถไปด้วย มันนั่งอยู่เบาะหลังคนขับ พวกเธอตรงไปที่ตลาดการค้าเสรีตงหยางเพื่อพบกับช่างซ่อมกระจกรถวัยชรา

เมื่อชายชราเห็นเสวี่ยเตาเป็นครั้งแรก เขาก็รู้สึกว่าสุนัขตัวนี้หน่วยก้านดี ก่อนวันสิ้นโลกมันคงเป็นสุนัขตัวเลือกแรก ๆ ที่กองทัพเลือก รถนี้ก็ดูปกติดี ตรงไหนมีปัญหาเหรอ?

กวานจือหนิงชี้ไปที่กล่องเก็บสัมภาระแล้วพูดว่า “ไม่ได้เสีย คุณแค่ต้องต่อวงจรเข้าที่กล่อง เพื่อให้มันเสียบปลั๊กได้”

ชายชราเข้าใจอย่างรวดเร็ว เขาหยิบกล่องเครื่องมือมาและเรียกลูกน้องให้มาช่วยทำงาน

“แม่หนู พวกคุณจะออกไปจากตงหยางกันเหรอ”

กวานจือหนิงไม่ตอบพร้อมทั้งแสดงสีหน้าเรียบเฉย

ซูเถานั่งยอง ๆ ลงข้างรถและคุยกับพวกเขา “ใช่ค่ะ มันค่อนข้างไกล ฉันเลยต้องการปรับปรุงรถเพื่อที่ฉันจะได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากขึ้น”

ชายชราที่กำลังยุ่งอยู่กับงานพูดว่า “ถ้างั้นพวกคุณก็มาหาถูกคนแล้ว ระหว่างทางคุณคงต้องขนเสบียงไปด้วย เดี๋ยวผมจะทำแร็คไว้บนหลังคารถเพื่อใช้เก็บเสบียง ส่วนท้ายรถก็เว้นเอาไว้สำหรับวางเบาะราบเป็นที่นอน วางตู้เย็น โต๊ะกินข้าว หรือครัวเล็ก ๆ น่าจะเหมาะกว่า

“แล้วเดี๋ยวจะทำชั้นเก็บของไว้ให้ด้วย การใช้งานพื้นที่ภายในรถจะได้เพิ่มเป็นสองเท่า”

ซูเถาฟังเขาพูดอย่างเพลิดเพลิน และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเปลี่ยนฟังก์ชันอีกสองสามอย่าง

ราคาก็ไม่แพง ต้นทุนรวมวัสดุและการดัดแปลงเพียง 30,000 กว่าเหลียนปัง

สำหรับซูเถาที่มีเงินออมมากกว่า 400,000 เหลียนปัง ขนหน้าแข้งเธอไม่ร่วงหรอก

เธอจ่ายเงินมัดจำไป 10,000 เหลียนปัง ชายชรามีความสุขมาก

“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ใช่คนธรรมดา คุณคงรู้ถึงอันตรายที่พวกเราคนธรรมดาต้องพบเจอแล้วใช่ไหม ผมขอพูดอะไรหน่อย คุณต้องเตรียมน้ำไว้ให้เพียงพอและซ่อนมันไว้อย่าให้ใครเห็น สถานที่ข้างนอกบางแห่งก็ไม่เหมือนตงหยางหรอก อย่างที่เถาหยาง ที่นั่นมีน้ำ พวกเขาไม่เคยขัดสนเรื่องนี้”

“แต่พวกเราไม่เคยคิดอยากทำเรื่องสกปรกเพียงเพื่อเห็นแก่น้ำหรอกนะ แต่คุณลองคิดดูสิ มีผู้คนกำลังจะตายจากการขาดน้ำ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้”

หลังจากพูดจบชายชราก็เปลี่ยนอารมณ์ เขาหยิบน้ำขึ้นมาดื่มจนหมดแก้วแล้วพูดกับพวกซูเถาว่า

“ถ้าไม่ใช่เพราะน้ำของเถาหยางมาช่วยไว้ทันเวลา พวกเราคนชนชั้นล่างคงหลีกหนีจากความยากลำบากไม่พ้น ไม่แน่เราอาจมีชีวิตไม่ถึงวันนี้ก็ได้ มีรายงานจากสถานีโทรทัศน์ว่าเถาหยางนั้นโกงเงิน ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นการผิดใจกันมากกว่า”

ชายชราพูดพล่ามอยู่เป็นเวลานาน เขาชี้ไปที่แม่น้ำลำธารและภูเขาของตงหยาง

“ในอดีตบางคนคิดว่าตงหยางนั้นมีขนาดเล็ก และไม่มีทางเจริญรุ่งเรืองเหมือนกับฐานอื่น ๆ ดังนั้นจึงมีคนบางส่วนย้ายออกไป แต่เมื่อพวกเขาได้ยินว่าตงหยางมีน้ำ พวกเขาทั้งหมดก็ซมซานกลับมา ฉันว่าตราบใดที่ผู้นำตงหยางของเรามีความคิดสักหน่อย มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเถาหยางและกอบโกยผลประโยชน์ มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่เราจะสามารถไล่ตามฐานอื่นทัน”

เมื่อชายชราดื่มน้ำหมดไปสามแก้ว เขาก็กำลังจะให้คำแนะนำเพิ่มเติมในลำดับถัดไป แต่ว่ากวานจือหนิงก็ขัดจังหวะไว้

“เอาล่ะ พวกเราจะทิ้งรถไว้ที่นี่ แล้วจะกลับมารับอีกสองวัน”

ชายชราหุบปากทันที

ซูเถาและกวานจือหนิงเดินหันหลังให้ดวงอาทิตย์ตลอดทาง และเห็นว่าแม้ว่าพลเมืองตงหยางจะไม่ได้ดำเนินชีวิตในทางที่ดีเป็นพิเศษ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ก่อจลาจลหรือมีคนเสียชีวิตตามท้องถนนอย่างน่าสลดใจ

มีผู้คนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม และตลาดการค้าบางแห่งก็มีชีวิตชีวามากขึ้น

กวานจือหนิงกล่าวว่า “ตั้งแต่ตงหยางมีน้ำขึ้นมาอย่างกะทันหัน ผู้คนที่เคยย้ายออกไปก็พากันกลับเข้ามาที่ตงหยางกันหมด จากการสำรวจไม่กี่วันที่ผ่านมา จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 60,000 คน อดีตผู้นำกองทัพก็ตัดสินใจปิดประตูเมืองในสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นจำนวนประชากรก็จะเพิ่มมากขึ้น ที่ดินและอาหารที่มีอยู่อย่างจำกัดก็จะเกิดปัญหาและตงหยางก็จะไปสู่การล่มสลายในที่สุด”

ช่วงนี้ซูเถาไม่ได้สนใจเรื่องของตงหยางและการฝึกซ้อมของตงหยางมาก เธอรู้แค่เผยตงจะส่งคนมาเอาน้ำและน้ำมันทุกวัน

“นอกตงหยางมีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า?” เธอถาม

กวานจือหนิงกล่าวว่า “ฐานหลักจำเป็นต้องมีรากฐาน หากมีเรื่องโกลาหลเกิดขึ้นมันจะได้ไม่พังทลายโดยง่าย ส่วนฐานขนาดเล็กหรือที่หลบภัยก็ต้องมีเอาไว้รองรับผู้คน ที่อาจจะเกิดเรื่องราวชุลมุนจากการชุมนุม มีการปล้นฆ่าอยู่ทั่วทุกแห่ง การเดินทางในครั้งนี้ของเราไม่ง่ายเลย

ซูเถาเป็นกังวล “ถ้าอย่างนั้นถ้าฉันเก็บเสบียงไว้เยอะ ๆ ก่อนออกเดินทาง ฉันจะไม่กลายเป็นที่นิยมเหรอ?”

เธอจะไม่ถูกปล้นก่อนที่จะเริ่มเดินทางใช่หรือไม่ แล้วเธอก็อาจจะต้องกลับมาพร้อมกับความสิ้นหวัง

กวานจือหนิงส่ายหัว “ไม่หรอก พลตรีสือจะให้รถคุณอยู่กลางขบวนแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่พวกโจรผู้ร้ายจะกระโดดข้ามหัวขบวนและท้ายขบวนมาเพื่อปล้นคุณ เว้นแต่เขาจะบินได้ แต่คุณก็แค่ต้องเก็บซ่อนมันไว้ให้ดี”

ตอนบ่ายเมื่อเธอพบกับสือจื่อจิ้น ซูเถาก็บอกเขาว่า

“รถของกองทัพพอจะมีที่ว่างเหลืออยู่บ้างไหม ฉันขอแบ่งเสบียงไปหน่อยสิ พวกไข่ไก่น่ะฉันใส่ไม่พอ”

สือจื่อจิ้นถาม “คุณมีของเยอะแค่ไหน?”

ซูเถาคิดอยู่ครู่หนึ่งและแสดงท่าทางต่อหน้าเขา “เยอะเท่านี้ เต็มรถจี๊ปหนึ่งคัน”

สือจื่อจิ้นพูดไม่ออก “ไปมากสุดก็สองเดือน คุณเอาของไปมากขนาดนี้คุณจะไปพักร้อนหรือไง?”

ซูเถาพยักหน้าให้เขา “ไม่ได้เตรียมไว้สำหรับฉันคนเดียว แต่ฉันเตรียมให้คุณด้วย หรือถ้าพี่น้องของคุณต้องการฉันก็ให้ได้”

เมื่อสือจื่อจิ้นได้ยินว่า “เตรียมให้คุณ” สักพักเขาก็พูดว่า

“ผมจะไปฝ่ายพลาธิการเพื่อเลือกบุคคลที่มีพลังมิติเก็บของมาให้ช่วยคุณกักเก็บเสบียงไว้ในห้วงมิติ แล้วคุณก็พาเขาไปไว้ข้างกายคุณด้วย”

ดวงตาของซูเถาเบิกกว้าง จากนั้นก็กะพริบตาถี่ ๆ

“ดีจัง แล้วคุณจะหาคนมาให้ฉันเมื่อไหร่?”

“เดี๋ยวผมจะพาคุณไปที่ฝ่ายพลาธิการหลังจากได้อาวุธพลังงานนิวเคลียสมาแล้ว”

ซูเถายื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย แล้วกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “คุณดีกับฉันจริง ๆ”

สือจื่อจิ้นผลักหน้าของเธอออก “น้อย ๆ หน่อย เอาผลึกนิวเคลียสมาหนึ่งชิ้นแล้วตามผมมา”

อาวุธพลังงานนิวเคลียสถูกส่งมาในกล่องเหล็ก เมื่อเปิดออกจะพบว่าด้านในนั้นมีชั้นป้องกันโปร่งแสงอยู่อีกชั้นหนึ่ง

อาวุธพลังงานนิวเคลียสที่มีความใสและละเอียดอ่อนเปล่งประกายไปด้วยแสงสีน้ำเงินที่กำลังลอยและหมุนอยู่ภายใน สวยงามและทรงพลัง

ซูเถารู้สึกทึ่งทันทีที่เห็นและหันไปถามสือจื่อจิ้น

“นี่มันสำหรับฉันจริง ๆ เหรอ?”