บทที่ 421 คู่ต่อสู้หมากล้อมอันมีฝีมือทัดเทียมหาได้ยากยิ่ง!

รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人

บทที่ 421 คู่ต่อสู้หมากล้อมอันมีฝีมือทัดเทียมหาได้ยากยิ่ง!

เมืองเก้าวิบัติอลหม่านวุ่นวาย กลิ่นคาวเลือดมีอยู่ทุกที่ สิ่งมีชีวิตล้วนใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว ต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ที่นี่เหมาะแก่การเพิ่มพูนพลังศรัทธาของเขาที่สุด!

สามเณรน้อยมั่นใจว่าสามารถสร้างพุทธภูมิเก้าประทีปอันยิ่งใหญ่ที่นี่ ได้รับแรงศรัทธาจากสิ่งมีชีวิตนับร้อยล้านตน แทนที่พุทธศาสนา เหนือชั้นพระอมิตาภะพุทธเจ้าขึ้นไป

ฟ้าสว่าง แสงอรุณแจ่มจ้า ขับไล่ความมืดมิดออกไป ส่องสว่างไปทั่วทุกแห่งหน

หลี่จิ่วเต้าตื่นขึ้นมา ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย รำเพลงมวยเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายท่ามกลางแสงอรุณที่ทาบทับลงมา ผ่อนคลายเส้นเอ็นและกระดูก อย่าให้พูดเลยว่าสบายเพียงใด

เขากินข้าวเช้าอย่างเรียบง่าย แล้วดื่มนมแก้วหนึ่ง นมนี้อร่อยยิ่ง อร่อยกว่านมที่เขาดื่มก่อนหน้านี้มาก

“คุณชายหลี่อยู่หรือไม่”

“คุณชายหลี่!”

หลี่จิ่วเต้าเพิ่งวางแก้วนมลง ก็ได้ยินเสียงคนเรียกเขามากมายดังมาจากหน้าร้าน

หืม?

นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?

เช้าตรู่เช่นนี้ เขายังไม่ทันได้เปิดประตูร้านด้วยซ้ำ เหตุไฉนถึงมีคนมาหาเขามากมายเพียงนี้

“มาแล้ว ๆ”

เขารีบวิ่งไปเปิดประตู กลัวว่าคนเหล่านี้มาหาเขาเพราะมีเรื่องด่วน

เมื่อเปิดประตูร้าน เขาต้องนิ่งค้างไป จำนวนคนไม่น้อยเลย

ในหมู่คนเหล่านี้มีใบหน้าคุ้นเคยอยู่มากทีเดียวที่เคยข้องแวะกันมาก่อน ทั้งหมดล้วนเป็นบัณฑิตผู้มีความรู้ในเมืองชิงซาน ชื่นชอบศาสตร์แห่งศิลป์

“ทุกท่านมาผิดที่แล้ว เห็นร้านข้าเป็นโรงน้ำชาหย่าเสียนหรือ”

หลี่จิ่วเต้าพูดติดตลก

โรงน้ำชาหย่าเสียนคือศูนย์รวมบัณฑิตผู้มีความรู้ในเมือง ครานั้น เขายังเคยดูตัวกับหลิงอินที่โรงน้ำชาหย่าเสียนด้วย

“คุณชายหลี่ล้อเล่นกันแล้ว พวกเราตั้งใจมาหาคุณชายหลี่!”

“โอ๊ย คุณชายหลี่ มีเรื่องที่ท่านไม่ทราบ ระยะนี้มีปรมาจารย์ด้านหมากล้อมคนหนึ่งมาที่นี่ อย่าให้พูดเลยว่าฝีมือสูงส่งขนาดไหน พวกข้าไปแล้วได้เดินเพียงไม่กี่ตาก็พ่ายแพ้กันหมด!”

คนเหล่านั้นแย่งกันพูดให้วุ่นวาย

ตั้งแต่พวกเขากลับมาหลังจากพ่ายแพ้หมากล้อม ก็นอนไม่หลับทั้งคืน อยากเห็นหลี่จิ่วเต้าประชันฝีมือกับปรมาจารย์หมากล้อมท่านนั้นให้รู้แพ้รู้ชนะ พวกเขาก็จะได้เชยชมตาเดินหมากล้อมแสนเยี่ยมยอด และได้ความรู้กลับมาบ้าง

เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงมาหาหลี่จิ่วเต้าแต่เช้า

“ยังมีคนระดับนี้อยู่หรือ เหตุใดข้าถึงไม่รู้”

ชายหนุ่มตะลึงนิดหน่อย คนเล่นหมากล้อมชอบการเจอคู่ต่อสู้ฝีมือทัดเทียมที่สุด เขาเองก็เช่นกัน เขาเคยเล่นหมากล้อมกับบัณฑิตในเมืองที่เล่นหมากล้อมเป็นมาหมดแล้ว

อนิจจา ฝีมือหมากล้อมของบัณฑิตเหล่านี้ห่วยเกินไป ห่างชั้นจากเขามาก เพิ่งเดินได้ตาเดียวก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าต้องแพ้ เขาไม่เคยพบคู่ต่อสู้ฝีมือทัดเทียมมาก่อน

รู้หรือไม่ว่าบัณฑิตเหล่านี้ล้วนมีอัตตาสูง ยากจะยอมรับผู้ใด ถูกบัณฑิตเหล่านี้ขนานนามว่าเป็นปรมาจารย์หมากล้อมได้ ระดับความสามารถการเล่นหมากล้อมของอีกฝ่ายย่อมต้องเก่งกาจมากแน่ ๆ

มิฉะนั้น บัณฑิตเหล่านี้ไม่มีทางยอมรับคนผู้นั้น ไม่มีทางเรียกขานคนผู้นั้นอย่างให้เกียรติว่าเป็นปรมาจารย์หมากล้อม

เรื่องนี้ส่งผลให้เขามีความใคร่รู้ขึ้นมา เขาเคยประมือกับชาวเมืองชิงซานที่เล่นหมากล้อมเป็นมาหมดแล้ว มีคนที่ฝีมือสูงส่งปานนี้อยู่ ไยเขาจึงไม่ทราบ?

“เขามิได้อาศัยอยู่ในเมืองชิงซาน แต่อาศัยอยู่ในภูเขาลูกเล็กลูกหนึ่งนอกเมืองชิงซาน เป็นชายชราเก็บตัว มีงานอดิเรกคือการเล่นหมากล้อม จึงศึกษาตาเดินหมากในเขามาโดยตลอด คุณชายไม่รู้จักก็เป็นเรื่องปกติ”

“ใช่แล้ว เมื่อวานพวกเราบังเอิญผ่านที่นั่น เห็นผู้เฒ่ากำลังดวลฝีมือกับตนเอง พวกเราเองก็ชื่นชอบการเล่นหมากล้อม ย่อมต้องเข้าไปขอประชันด้วยสักตาสองตา”

“เดิมพวกเราคิดว่าผู้เฒ่าเล่นหมากล้อมเป็นงานอดิเรกยามว่างเท่านั้น หารู้ไม่ว่าผู้เฒ่าเป็นถึงระดับปรมาจารย์ กลยุทธ์เดินหมากผกผันยากจะคาดเดา ฝีมือการเล่นหมากสูงส่งเหนือชั้น พวกเรามิใช่คู่ต่อสู้ของผู้เฒ่าเลย…ต่างต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ”

คนเหล่านี้พากันอธิบาย

ที่แท้เป็นปรมาจารย์หมากล้อมผู้เก็บตัวตามป่าตามเขา ชื่นชอบการเล่นหมากล้อมนี่เอง ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้เลย

หลังหลี่จิ่วเต้าฟังจบก็ถึงบางอ้อ

“คู่ต่อสู้หมากล้อมอันมีฝีมือทัดเทียมหาได้ยากยิ่ง ความสามารถในการเล่นหมากล้อมของคุณชายสูงส่งเหนือชั้น ปรมาจารย์หมากล้อมผู้นั้นก็เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ดี!”

“ใช่แล้ว!”

“พวกเราเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะอย่างนั้น พวกเราถึงมาหาคุณชายแต่เช้า เพื่อเล่าเหตุการณ์ให้คุณชายฟัง”

คนเหล่านั้นพากันส่งเสียง

ในความคิดพวกเขา หากคุณชายหลี่ยอมเล่นหมากล้อมกับปรมาจารย์หมากล้อมผู้นั้นสักตา ย่อมต้องบันเทิงกว่าปกติอย่างแน่นอน!

พวกเขาตั้งตารอตาเดินหมากล้อมนี้เป็นอย่างมาก!

“ใช่แล้ว คนเล่นหมากล้อมชอบที่สุดคือการได้พบคู่ต่อสู้ฝีมือทัดเทียม มิฉะนั้นจะให้ไปเล่นกับผู้ใด”

หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ “ขอบคุณทุกท่านที่มาบอก ข้าเองก็อยากเดินหมากกับปรมาจารย์หมากล้อมผู้นี้สักตา รบกวนทุกท่านช่วยนำทางไปที”

เขาสนอกสนใจมาก บวกกับเขาเองอยู่ว่าง ๆ จึงอยากดวลฝีมือกับปรมาจารย์หมากล้อมผู้นั้นสักตา

“ได้เลย!”

“ไป ๆๆ!”

บัณฑิตทั้งหลายตื่นเต้นกันหมด พวกเขาเฝ้ารอมาตั้งแต่เมื่อคืน จนนอนหลับไม่เต็มอิ่ม

จากนั้น พวกเขานำทางอยู่ด้านหน้า ออกจากเมืองชิงซานพร้อมหลี่จิ่วเต้า

ริมน้ำนอกเมือง ต้นหลิวและก้อนหินเห็นบัณฑิตกลุ่มนั้น

บัณฑิตเหล่านี้เอาแต่พูดว่าฝีมือการเดินหมากของปรมาจารย์หมากล้อมผู้นั้นสูงส่งเพียงใด ต้นหลิวและก้อนหินก็พอรู้จากเสียงสนทนาแล้วว่าท่านเซียนจะไปทำการใด

“จะเป็นอุบายหรือเปล่า ต้องเตือนท่านเซียนหน่อยหรือไม่”

ก้อนหินบอกกับต้นหลิวอย่างอดไม่ได้

ระยะนี้ไม่สงบเท่าใด มักมีคนแปลก ๆ หมายใจอยากเข้าไปในเมืองชิงซาน จู่ ๆ ตอนนี้มีปรมาจารย์หมากล้อมเยี่ยงนี้โผล่ออกมา ก้อนหินกลัวจะมีกับดัก จึงอยากไปเตือนท่านเซียน

ก้านหลิวโบกไสว ก้านหนึ่งในนั้นหวดกระแทกก้อนหิน

มันส่งเสียงตำหนิ “เจ้าคิดอันใดอยู่! ท่านเซียนมีความสามารถปานใด ต้องให้เจ้ากับข้าไปเตือนอีกหรือ”

“ก็จริง!”

ก้อนหินได้สติ รู้สึกว่ามันนี่ชอบคิดมากเหลือเกิน

ด้วยความสามารถของท่านเซียน ต่อให้มีกับดักแล้วอย่างไร ทำอะไรท่านเซียนได้หรือ

บุ๋ง บุ๋ง~

ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า มัจฉาสัตมายารู้ว่าท่านเซียนออกไปข้างนอก จึงกระโจนขึ้นจากโอ่งน้ำเป็นระยะ หมายจะให้ลั่วสุ่ยปล่อยมันออกไปรับลมเสียหน่อย

ปกติขอเพียงท่านเซียนไม่อยู่ ลั่วสุ่ยมักปล่อยมันออกจากโอ่งน้ำเพื่อตากลมตากแดด

เพียงแต่เหมือนว่ายามนี้ลั่วสุ่ยมิได้อยู่ในลาน หากแต่อยู่ในบ้าน มันกระโจนอยู่หลายทีก็ไม่เห็นร่างของลั่วสุ่ย

อีกด้านหนึ่ง ลูกชิงหนิวลานด้านข้างเห็นมัจฉาสัตมายาก็เอ่ยคำ

“ท่านแม่ ปลาตัวนี้สวยจัง!”

ลูกชิงหนิวน้อยบอกกับแม่ชิงหนิว

“ใช่แล้ว สวยจริง ๆ!”

แม่ชิงหนิวเห็นมัจฉาสัตมายาเช่นกัน ขณะที่รู้สึกว่ามัจฉาสัตมายางดงามก็รู้สึกคุ้นตาอีกด้วย

“ท่านแม่ ข้าขอเข้าไปดูหน่อย!”

ลูกชิงหนิวน้อยวิ่งจากลานด้านข้างไปด้วยความใคร่รู้

ชิงหนิวทั้งสามตัวล้วนมีเชือกคล้อง ฝีมือของหลี่จิ่วเต้า เขากลัวว่าชิงหนิวสามตัวนี้จะวิ่งเพ่นพ่านไปทั่ว แต่มิได้คล้องลูกชิงหนิวน้อย

หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าลูกชิงหนิวน้อยเด็กไป เห็นได้ชัดว่าเพิ่งคลอดออกมาได้ไม่นาน เขามองว่าลูกชิงหนิวน้อยคงยิ่งวิ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ จึงมิได้คล้องเชือกลูกชิงหนิวน้อย

จริงอย่างที่ว่า ลูกชิงหนิวน้อยคลอดออกมาได้ไม่กี่วัน หากเป็นลูกวัวธรรมดา แน่นอนว่ายังวิ่งไม่ได้

ทว่า นี่มิใช่ลูกวัวธรรมดา หากแต่เป็นอสูรฟ้าชิงหนิวซึ่งมีสายเลือดทรงพลัง ทันทีที่ถือกำเนิดก็ครอบครองพลังแกร่งกล้า พูดจาเดินเหินได้ไม่เป็นปัญหา

“ลูก อย่าเข้าไป! แม่นึกออกแล้ว นั่นคือมัจฉาสัตมายา เผ่ามัจฉาจอมโหดในอาณาจักรอวี้ซวี หนึ่งในอาณาจักรเก้าตอนบน!”

แม่ชิงหนิวตกใจแทบแย่หลังจำมัจฉาสัตมายาได้ รีบตะโกนบอกลูกชิงหนิวทันที