ตอนที่ 75 วิธีปฐมพยาบาล

ฟางจวิ่นเหมยด่าอาฝูเสียงดังลั่น เผยจี้ฉือที่ยังเดินไปไม่ไกล จึงชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินต่อไป

ครอบครัวของท่านป้าหยางรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เฉินซิงเห็นท่าทางของพ่อแม่แล้วก็โมโหขึ้นมา เขาจึงพุ่งตัวกลับเข้าไปในห้องและดึงอาฝูที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นมาไว้ด้านหลัง “ฟางจวิ่นเหมย เจ้าทำอะไรของเจ้า อยู่กันดี ๆ เจ้าไม่ชอบ อยากจะมีเรื่องใช่หรือไม่?”

ฟางจวิ่นเหมยเดิมทีก็โมโหอยู่แล้ว เมื่อเห็นสามีของตัวเองไม่เข้าข้าง ก็ตะคอกออกมาด้วยความอึดอัดใจ “ใช่ พวกเจ้าเป็นครอบครัวเดียวกัน มีแต่ข้าที่เป็นคนนอก กีดกันข้าอย่างกับกันขโมย!”

เฉินซิงรู้สึกว่าฟางจวิ่นเหมยไร้เหตุผลสิ้นดี “เจ้าโมโหเพราะท่านแม่ข้าไม่ยอมแบ่งเนื้อตุ๋นให้บ้านพวกเจ้าเอาไปขายใช่หรือไม่? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ท่านแม่ข้าอยากจะให้ใครก็เป็นสิทธิ์ของท่านแม่!”

ฟางจวิ่นเหมยเห็นเฉินซิงไม่เข้าข้างตัวเอง ทั้งยังกล้าตะคอกใส่อีก จึงอาละวาดขึ้นมาทันที “เจ้าคนสารเลว ข้าแต่งงานกับเจ้าแล้วพึ่งพาอะไรได้บ้าง ข้ามีลูกชายให้เจ้า สุดท้ายพวกเจ้ากลับไม่เห็นข้าเป็นคนในครอบครัวอย่างนั้นหรือ!”

“สวรรค์ ชีวิตเช่นนี้ข้าคงอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว วิญญาณครอบครัวของพวกเจ้าถูกจี้จือฮวนล่อลวงไปหมดแล้ว เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ แม่เจ้าดีกับนางจี้จือฮวนนั่นเพียงนั้น คงอยากให้นางแต่งเข้ามาเป็นภรรยาเจ้าน่ะสิ รังเกียจที่ข้าหาเงินไม่เป็นใช่หรือไม่!”

ตอนแรกท่านป้าหยางก็คิดว่าจะปล่อยให้ฟางจวิ่นเหมยโวยวายไป แต่ใครจะคิดว่านางจะเสียสติไปแล้ว ถึงกับกล้าพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ หากแพร่งพรายออกไป คนในหมู่บ้านจะนินทากันเช่นไร

ดังนั้นท่านป้าหยางจึงพุ่งเข้าไปในห้อง และตบหน้าฟางจวิ่นเหมยอย่างแรงทันที “คำพูดเช่นนี้กล้าเอามาพูดเหลวไหลได้อย่างนั้นหรือ ถ้าเจ้าคิดถึงครอบครัวฟางมากนักก็ไสหัวกลับไป นางผู้หญิงที่ดีแต่สร้างความวุ่นวายให้กับครอบครัว ตอนนั้นข้าไม่ควรให้เฉินซิงแต่งกับเจ้าเลย!”

หากไม่ใช่เป็นเพราะฟางจวิ่นเหมยไม่พอใจที่ครอบครัวลูกชายคนรองของนางกินอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย และยืนกรานว่าจะต้องแยกครอบครัวให้ได้ ไม่อย่างนั้นครอบครัวลูกชายคนรองจะแยกบ้านไปได้อย่างไร ตอนนี้พวกเขาไปอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านแล้ว และไม่ค่อยอยากกลับมาที่บ้านนี้อีก

มาตอนนี้ฟางจวิ่นเหมยก็ยังไม่พอใจ ยังจะทำให้นางกับครอบครัวเผยเข้าหน้ากันไม่ติดอีกอย่างนั้นหรือ?

ภายในห้องเงียบลง เฉินซิงเองก็สงสารฟางจวิ่นเหมย เพราะถึงแม้ครอบครัวของเขาจะยากจน แต่นางก็ยังยอมแต่งงานกับเขา ดังนั้นที่ผ่านมาเขาจึงไม่เคยด่าว่าทุบตีฟางจวิ่นเหมยมาก่อน แต่ว่าครั้งนี้นางพูดเกินไปจริง ๆเฉินซิงจึงไม่อยากสนใจเรื่องนี้อีก

แต่ใครจะไปคิดว่าฟางจวิ่นเหมยที่กุมหน้าและเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ จะลุกไปเก็บห่อผ้าและจะกลับไปบ้านท่านแม่ของนางจริง ๆ

เฉินซิงได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป อยากกลับก็กลับไป คราวนี้ถ้าฟางจวิ่นเหมยไม่ขอโทษ เขาก็จะไม่ไปตามนางกลับมา

ท่านป้าหยางพาอาฝูออกไปกินข้าวแล้ว ฝีมือของจี้จือฮวนนั้นยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้เฉินซิงกับอาฝูเคยกินอาหารที่ท่านป้าหยางเอากลับมาแล้ว ไม่ใช่ง่าย ๆ กว่าจะได้กินอีกครั้ง ดังนั้นเพียงไม่นานทุกคนก็ลืมฟางจวิ่นเหมยไป

อาฝูกินจนปากมันแผลบ ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความสุข “ท่านย่า เนื้อนี่อร่อยจังเลยขอรับ”

ท่านป้าหยางเห็นแล้วก็มีความสุขตามไปด้วย จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อีกเดี๋ยวให้พ่อเจ้าเอาไปให้อารองของเจ้าด้วย”

อาฝูพยักหน้ารับ “ท่านย่า ต่อไปหาเงินได้แล้ว ข้าขอกินเนื้อทุกวันได้หรือไม่ขอรับ?”

“ได้อยู่แล้ว”

อาฝูนึกดีใจขึ้นมา เช่นนี้ท่านแม่ก็คงไม่โมโหแล้วกระมัง

ตอนที่ฟางจวิ่นเหมยหยิบห่อผ้าวิ่งออกมา ก็พบว่าคนในบ้านไม่มีใครสนใจนางเลย แต่ความจริงแล้วทุกคนต่างก็มองเห็น มีเพียงอาฝูที่คว้าเนื้อชิ้นหนึ่งและพุ่งตัวตามออกไป ท่านลุงเฉินอยากจะห้ามอาฝูเอาไว้ แต่ท่านป้าหยางกลับเอ่ยเรียบ ๆ ออกมา “ไม่เป็นไร ให้เขาไปเถอะ อย่างไรซะฟางจวิ่นเหมยก็เป็นแม่แท้ ๆ ของเขา”

เฉินซิงรู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก คิดว่าอีกประเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วจะไปนั่งเล่นที่บ้านน้องชายสักพัก

ทางด้านฟางจวิ่นเหมยก็พาอาฝูออกจากหมู่บ้านไปแล้ว

ท้องฟ้าเริ่มมืด ท่านป้าหยางห่ออาหารเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เฉินซิงเพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็มีคนวิ่งมาด้วยท่าทางตื่นตระหนก “ซิงจื่อ รีบไปดูเร็วเข้า เมียกับลูกเจ้าตกลงไปในอ่างเก็บน้ำแล้ว!”

ประโยคนี้ทำให้เฉินซิงตกใจมากจนแทบจะถือตะกร้าเอาไว้ไม่อยู่ เขาโยนของทิ้งก่อนจะวิ่งออกไปทันที

ท่านป้าหยางเองก็ตกใจเช่นกัน เมื่อคิดว่าอาจเป็นเพราะนางทำให้ฟางจวิ่นเหมยคิดมากถึงขั้นไปโดดอ่างเก็บน้ำเพื่อฆ่าตัวตาย ขาของนางก็พลันไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะร้องไห้ออกมาและวิ่งตามออกไปทันที

คนในหมู่บ้านเวลานี้ต่างก็ตื่นตกใจกันไปหมด

ขณะเดียวกัน

ครอบครัวเผยก็กำลังกินมื้อเย็นกันอยู่ เผยจี้ฉือลังเลเล็กน้อย ความจริงแล้วท่านย่าหยางดีกับครอบครัวของพวกเขามาก การช่วยท่านย่าหยางนั้นไม่เป็นอะไร แต่หากว่าลูกสะใภ้คนโตของนางไม่ได้เรื่องถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ต้องหาวิธีทำให้สตรีผู้นั้นหุบปาก

เขากินข้าวโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา แต่คิดว่าต้องเตือนจี้จือฮวนสักหน่อย

ที่มุมหนึ่งของโต๊ะอาหาร สตรีสูงวัยเอื้อมมือไปที่เหล้าองุ่นที่จี้จือฮวนเพิ่งจะรินมา

จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้นมอง นางก็รีบชักมือกลับทันที และแสร้งกระแอมเล็กน้อย “เมื่อครู่ข้าเห็นตรงนี้เปื้อน ข้าก็เลยจะเช็ดให้”

นางไม่ได้คิดจะแอบกินเสียหน่อย

จี้จือฮวนเอ่ย “อายุมากแล้วดื่มเหล้ามากไม่ดี สำหรับท่านแล้วดีกรีเท่านี้นับว่าสูงเกินไป”

นางเอาเหล้าจากช่องว่างมิติมาหมัก จึงไม่ใช่เหล้าดีกรีต่ำ ๆ เหมือนของคนโบราณทั่วไป หากดื่มจนหมดชามเกรงว่าพรุ่งนี้เช้าคงไม่ตื่นแน่

สตรีสูงวัยมุ่ยปากมองไปทางอาฉือ คิดจะใช้แผนเรียกความสงสาร ทว่าอาฉือกลับไม่แม้แต่จะปรายตามอง “ท่านยาย อย่าดื้อ”

สตรีสูงวัยไม่พอใจขึ้นมา “ข้าเหมือนยายตรงที่ใดกัน?”

เด็กทั้งสามรวมทั้งจี้จือฮวนต่างก็มองนางเป็นตาเดียวกัน ในสายตาของพวกเขาบอกชัดว่า แล้วท่านไม่เหมือนตรงที่ใด?

สตรีสูงวัยรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา นางเอ่ยด้วยความไม่พอใจว่า “เช่นนั้นถอยกันคนละก้าว เรียกข้าว่าท่านป้า”

จี้จือฮวนไม่มีความเห็น แค่คนแก่พอใจก็พอแล้ว

ตอนที่เจิ้งต้าเฉียงวิ่งมาหาจี้จือฮวน เสียงเห่าของสุนัขในลานบ้านก็ทำให้คนทั้งบ้านตื่นตกใจ

“พี่ต้าเฉียง มีอะไรหรือเจ้าคะ?” อาอินถามขึ้นมา

เจิ้งต้าเฉียงพักหายใจเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปทางด้านล่างของเนินเขา “แย่แล้ว ลูกสะใภ้คนโตของท่านป้าหยางพาอาฝูไปโดดอ่างเก็บน้ำ ตอนนี้ช่วยคนขึ้นมาได้แล้ว แต่อาฝูกลับไม่หายใจ รีบไปดูเร็วเข้า!”

จี้จือฮวนได้ยินก็รู้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตคน นางจึงหิ้วกล่องยาน้อยวิ่งลงเนินเขาไปทันที เด็กทั้งสามคนก็วิ่งตามหลังไปด้วยความตกใจเช่นกัน

แต่อาชิงกลับหันมาและตะโกนขึ้นมาหนึ่งประโยคว่า “ท่านป้า ดูแลท่านพ่อข้าให้ดีนะขอรับ”

สตรีสูงวัยมองเหล้าที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเลียริมฝีปากเล็กน้อย นางจะดูแลให้อย่างดีแน่นอน

ตอนที่จี้จือฮวนมาถึง ริมอ่างเก็บน้ำก็ล้อมรอบไปด้วยผู้คน เสียงร้องไห้ของท่านป้าหยางและฟางจวิ่นเหมยแสดงให้เห็นถึงความเสียใจได้เป็นอย่างดี ฟางจวิ่นเหมยอุ้มอาฝูเอาไว้ไม่ยอมปล่อย พลางตะโกนออกมา “เป็นความผิดของข้าเอง ข้ามองทางไม่ชัด ข้ารั้นจะกลับบ้านท่านแม่ให้ได้ ทำให้อาฝูต้องตกลงไป”

อาฝูยังเด็ก ตกลงไปในนั้นยังจะมีทางรอดอีกอย่างนั้นหรือ?

ฟางจวิ่นเหมยตอนนี้เสียใจอย่างหนัก ดังนั้นจึงไม่มีใครว่าอะไรนางในเวลานี้ ตัวนางเองก็เปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน ถ้าไม่ใช่เพราะมีชาวบ้านเดินผ่านมา เกรงว่าสองแม่ลูกหากตายอยู่ในนั้นก็คงจะไม่มีคนรู้

ตอนนี้ครอบครัวท่านป้าหยางหวังแค่ให้อาฝูยังมีชีวิตรอด ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าคิดจริง ๆ

“หลีกหน่อย ๆ สะใภ้ตระกูลเผยมาแล้ว”

จี้จือฮวนเบียดตัวเข้าไปในฝูงชน เมื่อไปถึงข้างกายของฟางจวิ่นเหมยก็รีบตรวจชีพจรให้อาฝู ฟางจวิ่นเหมยร้องไห้ราวกับจะเป็นจะตาย ไหนเลยจะยังมีแรงยื้อแย่งอาฝูกับจี้จือฮวนอีก

ยังมีชีพจรอยู่ ทว่าเมื่อจี้จือฮวนกำลังจะอุ้มอาฝูออกมาจากอ้อมกอดของฟางจวิ่นเหมย ฟางจวิ่นเหมยก็รีบกอดอาฝูเอาไว้แน่นทันที “เจ้าจะทำอะไร!”

“ถ้าไม่อยากให้ลูกเจ้าตายก็ปล่อยมือ”

จี้จือฮวนเงยหน้าของอาฝูขึ้น ง้างฟันของเขาออก ก่อนจะใช้นิ้วล้วงเอาสิ่งสกปรกในปากและโพรงจมูกออก จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือตบไปที่หลังอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ทางเดินหายใจของอาฝูเปิดออก จากนั้นก็ตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าลิ้นจะไม่จุกเข้าไปปิดกั้นทางเดินหายใจ

.

.

.