ตอนที่ 73 น้ำใจจากผู้เช่า

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 73 น้ำใจจากผู้เช่า

ตอนที่ 73 น้ำใจจากผู้เช่า

เมื่อซูเถามองอีกสองคนที่เหลือ คนที่อายุมากหน่อยก็ดูเหมือนว่าไม่ค่อยสู้งาน และเขาคิดที่จะประจบสือจื่อจิ้น ซึ่งดูออกได้อย่างชัดเจน

ส่วนฝ่ายหญิงที่หัวหน้าฝ่ายพลาธิการเป็นผู้แนะนำ ก็มีท่าทีที่ไม่ค่อยพอใจนัก

ซูเถาจึงเดินเข้าไปหาหญิงสาวแล้วถามว่า

“คุณมาด้วยความสมัครใจหรือเปล่า?”

หลวนเหยียนเหยียนต้องการที่จะส่ายหัว แต่ไม่ทันได้รู้ตัว หัวหน้าฝ่ายพลาธิการก็กระแอมออกมาแล้วพูดว่า

“สมัครใจ”

ซูเถาจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร เธอแสร้งทำเป็นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดกับหัวหน้าฝ่ายพลาธิการว่า

“งั้นฉันขอเลือกหลินฟางจือค่ะ รบกวนหัวหน้าฝ่ายเฉินด้วยนะคะ”

หัวหน้าฝ่ายพลาธิการไม่พอใจเล็กน้อย “คุณซู คุณลองตัดสินใจดูอีกทีไหม เหยียนเหยียนเธอ…”

สือจื่อจิ้นขัดจังหวะเขา “หลินฟางจือนี่แหละ เดี๋ยวคืนนี้ให้เขาเก็บข้าวเก็บของ แล้วพรุ่งนี้เช้าผมจะมารับเขา”

หัวหน้าฝ่ายพลาธิการกลืนคำพูดต่อไปลงคอทันที

หลังจากที่ทั้งสองกลับออกไปแล้ว หัวหน้าฝ่ายเฉินก็มาหาหลานสาวของเขาพร้อมกับตำหนิเธอว่า

“เธอจะเอายังไงกันแน่ โอกาสถูกหยิบยื่นให้ขนาดนี้แล้ว แต่เธอก็คว้าเอาไว้ไม่ได้ ปล่อยให้ไอ้เด็กเหลือขอที่เพิ่งเข้ามาคว้าไป เธอรู้หรือเปล่าว่าไอ้ความสามารถห้วงมิติของเธอน่ะ แม้แต่รถแค่สองคันก็ใส่ไม่พอ การขนส่งขนาดใหญ่นี่ไม่ต้องพูดถึง ทำได้แค่ยืนมองเท่านั้นแหละ เธอทำได้แค่ขนส่งของขนาดเล็กซึ่งมันไม่จำเป็น เธอต้องเข้าร่วมทีมขนส่งเสบียงกับกองทัพบุกเบิกเท่านั้น ถึงจะมีคนเห็นหัวเธอ”

หลวนเหยียนเหยียนมุ่ยปาก “ออกไปกับกองทัพบุกเบิกมันลำบากและไม่ง่ายเลย ครั้งที่แล้วขนาดเป็นแค่งานง่าย ๆ ระยะสั้น หนูยังแทบไม่ไหว หนูไม่ได้กินไม่ได้หลับไม่ได้นอน หนูไม่เอาหรอก หนูอยู่ที่ฐานนี่ดีกว่า ใครอยากจะต่อสู้เพื่อมันก็เอาเถอะ”

หัวหน้าฝ่ายเฉินเดือดดาล

“สายตามีปัญหาหรือไง ไม่ต้องพูดถึงกองทัพบุกเบิก เธอไม่รู้หรือไงว่าซูเถาคนนั้นเป็นใคร?”

หลวนเหยียนเหยียนไม่สนใจ “ไม่รู้ และไม่อยากรู้ด้วย”

หัวหน้าฝ่ายเฉินทำท่าจะตีเธอ แต่เขาก็ระงับความโกรธเอาไว้ และโบกมือไล่เธอออกไปอย่างหัวเสีย

หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว เขาก็โทรหาหลินฟางจือแล้วพูดกับเขาอย่างไม่อ้อมค้อม

“ฟางจือ แม้ว่านายจะมาอยู่ที่ตงหยางนี้ไม่กี่วัน แต่นายก็ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในฝ่ายพลาธิการของเรา อีกหน่อยถ้านายไปอยู่กับพลตรีสือและคุณซู ก็อย่าลืมว่าฉันเคยให้ข้าวให้น้ำแก่นาย หากนายได้เข้าไปอยู่ในการดูแลของพลตรีสือแล้วมีโอกาสเข้าไปในเถาหยาง ก็อย่าลืมพูดถึงฉันด้วยล่ะ”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าในอนาคตนายได้เข้าไปพักอาศัยอยู่ในเถาหยาง นายก็อย่าลืมแนะนำคนที่เคยช่วยชีวิตนายเอาไว้…”

หลินฟางจือไม่เข้าใจ

อะไรคือเถาหยาง ต้องแนะนำอะไร?

……

ระหว่างทางกลับ ซูเถายังคงอ่านข้อมูลของหลินฟางจือไม่หยุด

สือจื่อจิ้นชำเลืองมอง “สนใจขนาดนั้นเชียว?”

ซูเถาพยักหน้า “คนคนนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง เขาออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียวเป็นเวลาสามปีแล้วและเขาไม่เคยได้กินของดี ๆ เลย เขาอาศัยเก็บขยะประทังความหิวและไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ แม้กระทั่งเครื่องมือสื่อสาร เขาใช้เวลากว่าหนึ่งพันวันกว่าจะหาตงหยาง พบ”

สือจื่อจิ้นรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้

“ทักษะในการเอาตัวรอดของเขานั้นแข็งแกร่งมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงถูกซอมบี้กินไปแล้วในเวลาหนึ่งพันวันที่ผ่านมานี้”

ซูเถาพลิกดูข้อมูล “ในนี้ก็ไม่ได้เขียนความสามารถอย่างอื่นไว้นอกจากห้วงมิติ”

สือจื่อจิ้นไม่สนใจเรื่องของคนอื่น “ช่างมันเถอะ คนนี้ยกให้คุณเป็นคนดูแล และเมื่อถึงเวลาผมจะทำการฝังชิปในตัวเขา คุณจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะหนีหายไปพร้อมกับเสบียง”

ซูเถาเลียนแบบน้ำเสียงและท่าทางของหัวหน้าฝ่ายเฉินและพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านพลตรี คุณนี่เชื่อถือได้จริง ๆ”

สือจื่อจิ้นหัวเราะ “สิ่งดี ๆ ไม่รู้จักเรียนรู้ เรียนรู้แต่สิ่งที่ไม่ดีนะ”

เมื่อกลับมาถึงเถาหยาง ซูเถาก็เริ่มเตรียมเสบียงอาหารของเสวี่ยเตาสำหรับการเดินทางในครั้งนี้

มีผู้มีพลังสร้างห้วงมิติเก็บของแล้ว ทำให้เธอเริ่มจัดเตรียมเสบียงอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง คราวนี้นำอาหารแห้ง อาหารแช่งเข็ง อาหารหลักและอาหารกระป๋องสำหรับเสวี่ยเตาไปด้วย

แล้วก็ยังมีพวกนมแพะผงกระป๋องใหญ่อีกด้วย

สุนัขสูงอายุจำเป็นต้องได้รับโปรตีนเสริม แล้วก็น้ำดื่มที่ต้มสุก

เธอไม่ได้วางแผนที่จะนำเฮยจือหม่าและไป๋จือหม่าไปด้วย เนื่องจากพวกมันยังอายุน้อย และหนทางที่เธอไปนั้นก็อันตรายเกินไป เธอเป็นห่วงพวกมันมาก

นอกจากนี้เธอยังหาแม่ชั่วคราวให้กับลูก ๆ ทั้งสองของเธอด้วย

หลิวพ่านพ่านนั้นพิเศษกว่าคนอื่น เธอไปหาซูเถาและจดความต้องการ นิสัย และเวลาการให้อาหารประจำวันของพวกมันลงในสมุดบันทึกของตนเอง

เพื่อให้พวกมันได้ทำความคุ้นเคยกับแม่ใหม่ล่วงหน้า ในคืนนั้นซูเถาได้ย้ายพวกมันไปที่ห้องนั่งเล่นของผู้อาวุโสเหม่ย

เฮยจือหม่ายังดีหน่อย เมื่อมันมาถึงสถานที่ใหม่ ๆ ก็จะเริ่มทำการลาดตระเวนไปทั่ว แต่ว่าไป๋จือหม่าเหมือนเด็กที่ยังไม่หย่านม มันกอดซูเถาแน่นและเริ่มส่งเสียงร้อง ไม่ยอมลงไปที่พื้น ราวกับว่ามันรู้ว่าซูเถาจะจากมันไป

ซูเถาใช้เวลาเกลี้ยกล่อมมันนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่มันจะลงไปที่พื้นอย่างไม่เต็มใจ และนอนนิ่งไม่ขยับอยู่ในที่นอนแมวใต้โต๊ะกาแฟ

ซูเถาก้มมองมัน และเห็นว่ามันกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย หัวใจของซูเถาเจ็บปวดมาก จนเกือบจะยอมจำนนแล้วอยากที่จะพามันไปด้วย

เสวี่ยเตาสุนัขตัวใหญ่มุดเข้าไปในที่นอนของเจ้าแมวน้อยแล้วเลียราวกับต้องการปลอบโยน

ไป๋จือหม่าพลิกร่างกายแล้วยอมให้เสวี่ยเตาเลียแต่โดยดี จากนั้นก็นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

หลิวพ่านพ่านหัวเราะ “เหมือนกับเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ เดี๋ยวอีกสองสามวันพวกมันก็ดีขึ้น ไม่ต้องกังวลนะ”

ราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างได้ เธอยิ้มออกมาแต่สีหน้ายังคงเศร้าสร้อย

“แม้ว่านี้มันจะไม่ค่อยมงคลนัก แต่ฉันก็อยากจะพูดอะไรไว้อย่าง ถึงแม้ว่าจะออกไปกับทีมที่ดี ไปกับพลตรีสือ แต่ว่าฉันเคยสูญเสียลูกชายไปแล้ว ฉัน…ขอให้คุณปลอดภัยกลับมานะ”

ผู้อาวุโสเหม่ยตบที่หลังมือของซูเถาเบา ๆ

“ฉันจะรอเธอกลับมา ฉันยังมีแบบร่างชิ้นใหม่ที่จะแสดงให้เธอดู”

ซูเถาพยักหน้าอย่างแข็งขัน

เมื่อกลับมาที่ห้องของตัวเอง เธอก็ยังไม่เคยชินกับการที่ไม่มีพวกจือหม่าคอยอยู่สร้างปัญหา

เสวี่ยเตานอนอยู่ที่แทบเท้าของเธอและหลับไป มันอายุมากแล้ว มันจะนอนคว่ำเพื่อรักษาพละกำลัง เก็บแรงไว้ใช้ยามจำเป็น

ในขณะที่ซูเถากำลังลูบหัวของมัน เธอก็ได้ยิงเสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น

เมื่อเธอเปิดประตู เธอก็เห็นคุณย่าเฉินถือถุงใบใหญ่มา

หญิงชราเฉินส่งถุงนั้นมาให้เธอ แล้วกล่าวว่า

“ฉันได้ยินมาว่าหนูกำลังจะออกไปกับพวกลูกเฉิน ฉันเลยเตรียมอาหารไว้ให้หนูกินระหว่างเดินทาง รักษาตัวด้วยนะ ถ้ามีอะไรก็อย่าเพิ่งวู่วาม ปล่อยให้พวกหนุ่ม ๆ เขาออกหน้าไป เฮ้อ สาวน้อยต้องออกไปผจญภัยข้างนอก คนแก่อย่างฉันไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้จริง ๆ”

ซูเถารู้สึกแสบจมูก เธอรับน้ำใจเอาไว้ เก็บข้าวเก็บของแล้วเข้าไปกอดคุณย่าเฉิน

“คุณย่าไม่ต้องกังวลนะคะ หนูจะนำของดี ๆ จากนอกฐานกลับมาฝากนะคะ”

หญิงชราเฉินพูดซ้ำ “เอาล่ะ รีบไปรีบกลับ ไปดีมาดีนะ”

หลังจากนั้นเสียงกริ่งที่หน้าประตูห้องของซูเถาก็ดังไม่หยุด เมื่อผู้เช่าได้ยินข่าวว่าซูเถากำลังจะออกไปข้างนอก พวกเขาก็นำสิ่งของมาให้พร้อมกับคำอวยพร

ไม่นาน โซฟาภายในห้องนั่งเล่น และโต๊ะกาแฟของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำใจของเหล่าผู้เช่า

แม้แต่คู่รักจากหน่วยงานการเกษตรที่ไม่ได้พูดคุยติดต่อกันเป็นเวลานานก็ยังมอบข้าวสารให้เธอหนึ่งถุง

หมาอิ่งเกาหัวที่เต็มไปด้วยรังแคของเธอแล้วพูดว่า

“คุณเป็นเจ้าบ้านที่ดี พวกเราเองก็ไม่รู้จะให้อะไรกับคุณดี ก็เลยให้ข้าวสารไว้ เผื่อคุณหุงกินระหว่างทาง”

พูดจบเธอก็พาสามีของเธอเดินออกไป

ซูเถาทำตัวไม่ถูกเมื่อเธอได้รับข้าวสารมาหนึ่งถุง

จากนั้นเครื่องมือสื่อสารของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ซูเถาเงยหน้าขึ้นมองดูนาฬิกา นี่ก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ใครยังที่ต้องการจะมาส่งเธออีก

หลังจากที่เธอรับโทรศัพท์ เสียงของกู้หมิงฉือที่อยู่ปลายสายก็ดังขึ้น

“คุณจะออกไปทำภารกิจกับกองทัพบุกเบิกเหรอ?”