WS บทที่ 144 รอบสุดท้าย PART 3

“พ่อมดเมอร์ลินเอาชนะพ่อมดโลนได้อย่างไร?”

ผู้ชมหลายคนต่างสงสัยภายหลังจากที่เมอร์ลินลงจากลานประลอง

เนื่องจากพวกเขาส่วนใหญ่มีพลังจิตไม่แข็งแกร่งมากนัก พวกเขาจึงไม่สามารถมองทะลุสิ่งที่อยู่ภายในรัตติกาล มีเพียงนักเวทย์ระดับสี่ขึ้นไปเท่านั้นที่เห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

แม่มดนาชาขมวดคิ้วและตวัดสายตาไปหาพ่อมดลีโอ “พ่อมดลีโอ คุณพอจะมองออกใช่มั้ยว่า หมอกรัตติกาลที่ร่ายครั้งสุดท้ายนั้น มันแตกต่างจากปกติเล็กน้อย”

พ่อมดลีโอตอบอย่างนิ่ง ๆ “มันแตกต่างจริง ๆ บางทีเขาอาจจะมีอุปกรณ์เวทมนต์บางอย่างติดตัวแบบเดียวกับดวงตาแห่งความมืดของข้า อย่างไรก็ตามนี้เป็น “ความลับ” ของเขา การที่เขาสามารถสร้างโครงสร้างเวทมนต์ได้ถึงหกคาถา คุณคิดเว่าเขาไม่มีความลับอะไรซ่อนอยู่บ้างรึไง?”

เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอรู้ว่าเขากําลังปกป้องเมอร์ลิน ไม่ว่าเธอจะอยากรู้มากแค่ไหนก็เก็บคําถามพวกนั้นเอาไว้

ถึงแม้ลูกศิษย์ของเขาจะเป็นพวกไร้พรสวรรค์แต่ตัวของเขาเป็นถึงนักเวทย์ระดับหก ดังนั้นจึงไม่มีนักเวทย์ระดับสี่คนไหนกล้าดูถูกเขา

ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เขาได้พัฒนาดวงตาแห่งความมืดอย่างต่อเนื่อง ด้วยพลังของดวงตานี้ทําให้เขากลายเป็นนักเวทย์ที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับระดับเจ็ด แม้พวกเขาจะไม่เคยเห็นพ่อมดลีโอแสดงทักษะของเขาออกมาแต่ข่าวลือที่หนาหูก็ทําให้พวกเขาไม่กล้าทําอะไรให้พ่อมดลีโอขุ่นเคือง

….

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมอร์ลินตื่นขึ้นโดนเอเลน่า

เอเลน่ารีบพูดกับเขาว่า “เมอร์ลิน คู่ต่อสู้รอบชิงของคุณคือ พ่อมดอาบริล”

“พ่อมดอาบริลเหรอ?” เมอร์ลินขมวดคิ้ว เขาคิดว่าเซซิลจะเป็นฝ่ายชนะซะอีก เนื่องจากศักยภาพโดยรวมของเซซิลแข็งแกร่งกว่าอาบริล

ถ้าจะให้พูดในงานชุมนุมครั้งนี้ คู่ต่อสู้ที่เมอร์ลินรู้สึกว่ารับมือยากที่สุดก็คือเซซิลแต่เขาคิดไม่ถ งว่าเซซลิจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

“เซซิลแพ้ได้ยังไง?”

เมอร์ลินรู้สึกเสียใจที่เขาเลือกที่จะพักฟื้นพลังเวทย์แทนที่จะดูการสู้ระหว่างเซซิลกับอาบริล

ทางด้านเอเลน่าชักสีหน้าแปลก ๆ เธอส่ายหัวแล้วตอบ “ที่พ่อมดอาบริลชนะเพราะเขามีอุปกรณ์เวทมนต์มากเกินไป..พ่อมดเซซิลพ่ายแพ้ก็เพราะอุปกรณ์เวทมนต์พวกนั้น”

“เพราะอุปกรณ์เวทมนต์เหรอ?”

เมอร์ลินหวนนึกถึงนักเวทย์ที่เขาเคยพบมาก่อน พวกเขาใช้อุปกรณ์เวทมนต์ อย่างเช่นพวกหนังสือและม้วนคัมภีร์แต่ปกตินักเวทย์จะพกอุปกรณ์เวทมนต์อย่างน้อยหนึ่งชิ้นหรือสองชิ้น ไม่มีใครพกมากกว่านั้นเพราะว่าพวกมันมีราคาสูงซึ่งค่าใช้จ่ายพวกนั้นนักเวทย์ระดับเริ่มต้นไม่มีทางซื้อพวกมันมาได้แน่นอน

ในขณะที่เอเลน่ากําลังจะเล่ารายละเอียด พ่อมดชุดเทาก็ประกาศชื่อเมอร์ลินขึ้นมาทันที

“การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะเป็นการต่อสู้ระหว่าง พ่อมดเมอร์ลิน กับ พ่อมดอาบริล!!”

เมอร์ลินยกมือขึ้นมาหยุดเอเลน่าไม่ให้พูดต่อ สายตาของเขาจ้องมองไปที่อาบริลอย่างเยือกเย็น “ไม่ต้องพูดอะไรมาก นี่เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ฉันจะรู้ทันทีที่ฉันอยู่บนลานประลอง”

หลังจากนั้นเมอร์ลินก็เดินขึ้นไปบลานประลองอย่างช้า ๆ นี่เป็นการต่อสู้รอบสุดท้ายทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา

เมอร์ลินและอาบริลยืนนิ่งอยู่บนลานประลอง เมอร์ลินได้มองขึ้นไปยังหอคอยที่อยู่ห่างไกล เขารู้สึกว่านักเวทย์ระดับไม่ได้ดูการต่อสู้รอบชิงชนะเลิศนี้

“ หรือพวกเขาจะตัดสินเลือกนักเวทย์ได้แล้ว?”

ในใจของเมอร์ลินกําลังสับสน เขาเดาสาเหตุที่นักเวทย์ระดับเจ็ดหยุดการเฝ้าดูการต่อสู้ในรอบนี้ ในขณะเดียวกันพ่อมดอาบริลกําลังเตรียมตัวต่อสู้

วงแหวนเวทย์ได้เริ่มทํางาน แสงสีขาวได้ส่องสว่างรูปร่างคล้ายโดมรอบล้อมลานประลอง ตอนนี้การต่อสู้รอบชิงชนะเลิศกําลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

“ฉันเมอร์ลิน!”

“ฉันอาบริล!!”

ทั้งสองโค้งคํานบให้กันและกันเล็กน้อย หลังจากแสดงมารยาทขั้นพื้นฐานเสร็จ สีหน้าองพ่อมดอาบริลได้เปลี่ยนทันที เขาได้ถอยหลังรักษาระยะห่างระหว่างเขากับเมอร์ลินอย่างรวดเร็ว

เมอร์ลินขมวดคิ้ว พ่อมดอาบริลเป็นนักเวทสี่ธาตุธรรมดา ๆ และพลังจิตของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก มันเทียบไม่ได้กับพ่อมดโฮล์มส์ด้วยซ้ําแต่ทําไมเขาถึงเอาชนะพ่อมดเซซิลได้

ถึงเขาจะมีคําถามมากมายแต่เมอร์ลินก็ดําเนินการต่อสู้ต่อไป ด้วยพลังจิตที่อยู่ในระดับธรรมดาของอาบริล เมอร์ลินไม่จําเป็นต้องร่ายคาถาหมอกรัตติกาลแบบเสริมพลัง เขาเพียงร่ายหมอกรัตติกาลแบบปกติก็สามารถจัดการเขาได้แล้ว

“หมอกรัตติกาล”

กลุ่มหมอกสีดําได้เข้าไปปกคลุมรอบตัวพ่อมดอาบริลทันที

ทางด้านอาบริล เขาจับตาดูเมอร์ลินระวัง หลังจากที่เห็นเมอร์ลินร่ายคาถาหมอกรัตติกาล เขาก็เรียกม้วนคัมภีร์ขึ้นมาและเปิดใช้งานทันที

*หวู่ม*

สายลมที่รุนแรงปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงหวีดแหลมดังออกมา

“คาถาวายุหมุน?”

เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นี่เป็นคาถาระดับหนึ่งที่ถือว่าไร้ประโยชน์เอามาก ๆ มันเป็นคาถาโจมตีแบบวงกว้างซึ่งมีพลังโจมตีที่เบามาก มันเป็นคาถาที่สร้างสายลมออกมาหมุนวนเพื่อจัดการศัตรู

ด้วยพลังที่เบาเกินไปทําให้ไม่มีใครต้องการคาถาบทนี้

อย่างไรก็ตามพ่อมดอาบริลได้ประยุกต์ใช้คาถานี้อย่างเหมาะสม เขาได้ใช้คาถาวายุหมุนพัดคาถาหมอกรัตตกาลทําให้กลุ่มหมอกไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเขาได้เลย

“มีคาถาที่สามารถเอามาต่อกรกับหมอกรัตติกาลได้งั้นเหรอ?”

เมอร์ลินตกใจมาก เขาคิดว่าคาถาหมอกรัตติกาลทันแข็งแกร่งมากแบบที่ไม่มีคาถาระดับศูนย์บทไหนสามารถนํามาเปรียบเทียบได้

แต่ตอนนี้มันถูกกําจัดอย่างง่ายดายด้วยคาถาวายุหมุนที่ไร้ประโยชน์

“ถ้าอย่างนั้น หมอกรัตติกาล”

เมอร์ลินยังคงร่ายคาถาหมอกรัตติกาลอย่างต่อเนื่อง หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง

จนกระทั่งเขาร่ายคาถาไปกว่าสิบกว่าครั้ง ดูเหมือนว่าม้วนคัมภีร์ของอาบริลจะไม่มีวันหมดเลย เขาหยิบมาใช้ได้อย่างเรื่อย ๆ

ในที่สุดเมอร์ลินก็หยุดร่ายและตัดสินใจเปลี่ยนคาถา ความผันผวนพลังธาตุสายฟ้าได้ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา

“ข่ายสายฟ้า!!!”

ตาข่ายขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า สีหน้าของพ่อมดอาบริลได้ฉายแววลังเลเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหยิบม้วนคัมภีร์ออกมาและเปิดใช้งานทันที

*ตูม*

ทันทีที่เปิดใช้งานม้วนคัมภีร์ ไอโดยรอบปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ความหนาวเย็นนนี้แม้แต่คนที่อยู่โดยรอบก็สามารถสัมผัสได้ได้

“เขตแดนน้ําแข็ง!!”

ภายในรัศมี 5เมตร รอบตัวอาบริลเกิดพื้นที่สุญญากาศขึ้น มันได้แช่แข็งทุกอย่างโดรอบให้เป็นน้ําแข็งทันที

ทันทีที่ข่ายสายฟ้าเข้าไปในรัศมีของคาถาเขตแดนน้ําแข็ง มันก็ได้สลายหายไปทันที

“ลูกไฟ!!”

เมอร์ลินเหวี่ยงมือไปด้านหน้า ลูกไฟขนาดเท่ากําปั่นมากกว่าสิบลูกได้พุ่งเข้าหาพ่อมดอาบริลทันที อย่างไรก็ตามทันทีที่พวกมันเข้าไปในรัศมีของคาถาเขตแดนน้ําแข็ง พวกมันก็สลายหายไปเช่นกัน

เมอร์ลินอดไม่ได้ที่เขาจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่านี่เป็นป้องกันที่ทรงพลัง มันไม่น่าจะใช่คาถาระดับหนึ่งหรือระดับสอง

มันน่าจะเป็นคาถาระดับสามหรือสูงกว่านั้น

หลังจากนั้นเมอร์ลินก็ร่ายลูกไฟยักษ์ ข่ายสายฟ้าแบบเสริมพลังและคาถาอีกมากมายอย่างต่อเนื่องแต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทําอะไรพ่อมดอาบริลได้เลย ทําให้เขาเข้าใจว่าทําไมเซซิลถึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

พ่อมดอาบริลมีอุปกรณ์เวทมนต์มากเกินไป แล้วม้วนคัมภีร์ของเขามีพลังมาก ด้วยจํานวนที่เขาใช้งานไป มันไม่คุ้มกับแต้มที่เขาแลกม้วนคัมภีร์พวกนี้มา

“ฉันขอยอมแพ้”

เมอร์ลินไม่อยากเสียพลังเวทย์อีกต่อไป ไม่ว่าเขาจะโจมตียังไง เขาก็ไม่สามาถเอาชนะเขตแดนน้ําแข็งได้ ถึงมีว่าเขาจะมีจี้ห้อยคอ เขาก็ไม่สามารถทําอะไรอีกฝ่ายได้อยู่ดี

ทางด้านอาบบริลมีท่าทีผ่อนคลายลงหลังจากได้ยินอย่างนั้น เขาค่อนข้างจะระวังตัวกับเมอร์ลินมาก

“พ่อมดอาบริล หากคุณไม่รังเกียจคุณช่วยบอกผมได้มั้ยว่า ม้วนคัมภีร์เขตแดนน้ําแข็งของคุณมันเป็นคาถาระดับไหน”

เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะถามเรื่องนี้ เขาคิดว่ามันเป็นคาถาที่ยอดเยี่ยมมาก

พ่อมดอาบริลไม่ได้วางตนข่มเมอร์ลิน เขายิ้มน้อย ๆ และพูดว่า “นี่คือม้วนคัมภีร์ระดับสี่ที่ตระกูลของฉันมอบให้เพื่อปกป้องชีวิตของฉัน”

“คาถาระดับสี่”

เมอร์ลินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าตัวเขาในตอนนี้จะแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง เขาสามารถเอาชนะนักเวทย์ระดับบางคนได้ อย่างไรก็ตมนักเวทย์ระดับสี่มันไกลเกินความสามารถของเขาจะเอื้อมถึง

นี่แสดงให้เห็นว่าตระกูลของพ่อมดอาริลต้องทรงอิทธิพลมากถึงขนาดนี้มอบม้วนคัมภีร์คาถาระดับสี่ให้เขา

“ พ่อมดอาบริลยินดีด้วยที่คุณได้รับชัยชนะในการงานชุมนุมนักเวทย์”

หลังจากที่เมรอลินพูดเสร็จ เขาก็ลงจากลานประลองไป จากนั้นเอเลน่ากับนักเวทย์คนอื่น ๆ ในหอคอยลีโอก็มาหาเขาอน่างรวดเร็ว

เอเลน่าแสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย

“โธ่! คุณควรจะเป็นผู้ชนะในการชุมนุมครั้งนี้ พ่อมดอาบริลเอาแต่พึ่งอุปกรณ์เวทมนต์ เขา แทบจะไม่ร่ายคาถาออกมาซักบทเดียวเลย”

เมอร์ลินยิ้มเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แม้ว่าพ่อมดอาบริลจะเป็นฝ่ายชนะแต่จุดประสงค์หลักของงานชุมนุมก็คือการคัดเลือกนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์อันโดดเด่น

ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกเสียดายที่แพ้อาบริลเพราะคาถาทั้งหมดที่เขามีได้แสดงออกไปในรอบก่อนหน้านี้แล้ว

หลังจากนั้นเมอร์ลินก็จ้องมองขึ้นไปยังหอคอยสูงที่อยู่ไกลออกไป ตอนนี้นักเวทย์ระดับเจ็ดคงจะตัดสินใจเลือกได้แล้วดังนั้นเขาทําได้แค่เพียงเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ