ตอนที่ 41.2 การเผชิญหน้าระหว่างมังกรและมนุษย์! (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

อ๋าวอี่ขมวดคิ้วแล้วมองดู ในขณะที่สายตาของทุกคนในที่นั้นก็เต็มไปด้วยความงุนงงสงสัยเช่นกัน

การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น แล้วจะมัวรั้งรออันใดกัน

หลี่ฉางโซ่วรีบอธิบายว่า “ในเมื่อพวกเรากำลังแลกเปลี่ยนวิชากัน เราจึงควรตั้งกฎเกณฑ์พื้นฐานบางอย่างก่อน ควรจะให้ผู้ที่มีชื่อเสียงและเที่ยงธรรมมาเป็นผู้ตัดสินผล ทั้งยังต้องสร้างเขตแดนที่เราไม่อาจก้าวออกไปได้ หากไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะดูเหมือนไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของวังมังกรที่เคร่งครัดและเป็นธรรม!”

เหตุใดเจ้าคนผู้นี้ถึงมากเรื่องยิ่ง…

หน้าผากของอ๋าวอี่มืดทะมึนทันที ทว่าเสนาบดีเต่าที่ยืนอยู่ข้างๆ พลันรู้สึกว่าคำแนะนำของหลี่ฉางโซ่วนั้นช่างสมเหตุสมผลและไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆ

อันที่จริงแล้วเป็นวังมังกรของพวกเขาเองที่ไม่ได้เตรียมการในส่วนนี้เอาไว้ให้พร้อมอย่างเต็มที่

ในขณะนั้นเสนาบดีเต่าพลันลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้า แล้วแต่งตั้งตัวเองพร้อมกับสวมบทบาทเป็น ‘ผู้ตัดสิน’ ในการประลองครั้งนี้ด้วยตัวของเขาเองทันที จากนั้นเขาก็ใช้พลังเซียนวาดวงกลมขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสองร้อยจั้ง

“สำหรับการต่อสู้ระหว่างองค์ชายกับอัจฉริยะแห่งสำนักตู้เซียนในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายไม่ควรปะทะกันรุนแรงจนเกินไป ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธเวทสังหาร…”

ทันใดนั้นเขตแดนการต่อสู้ก็ได้ถูกวาดขึ้นและมีการกำหนดกฎเกณฑ์การต่อสู้อย่างเป็นทางการมากขึ้น

บัดนี้หลี่ฉางโซ่วและอ๋าวอี่จึงเผชิญหน้ากันอีกครั้ง โดยอยู่ห่างกันสามสิบจั้ง และพลังปราณของพวกเขาเข้าปะทะกันอีกครั้งในทันที

อ๋าวอี่ยืนหยัดมั่นคงอยู่ตรงจุดนั้น ในขณะที่เกล็ดหิมะแห้งซึ่งมีเปลวไฟระยิบระยับอยู่ภายในนั้นก็พลันปรากฏขึ้นและลอยอยู่รอบร่างของเขา

พลังลมปราณต้องแข็งแกร่งเพียงพอ ความพ่ายแพ้จะต้องน่าอนาถอย่างยิ่ง!

ดึงพลังลมปราณขึ้นและรวบรวมลมปราณเอาไว้

ขณะนั้นอ๋าวอี่ก็ตั้งสติอยู่ในจุดยืนที่ตำแหน่งของเขาอีกครั้ง และกำลังจะพุ่งออกไปข้างหน้าทันที!

“ช้าก่อน!” ฉับพลันนั้นหลี่ฉางโซ่วพลันตะโกนลั่นออกมาอีกครั้ง

อ๋าวอี่จึงลื่นไถลและกระโดดเด้งขาเดียวโซเซไปข้างหน้าสองก้าวอย่างกะทันหัน

ฮึ่ม! เจ้าคนผู้นี้จะตะโกนว่า ‘ช้าก่อน’ ในทุกๆ ครั้งที่ข้าโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าเลยหรือ!

หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท เหตุใดพวกเราไม่ต่อสู้กันด้วยปัญญาของพวกเราแทนเล่าพ่ะย่ะค่ะ เช่นว่า ท่านและข้าอาจเปลี่ยนไปใช้การต่อสู้กันทางปรัชญาหรือวรรณกรรมก็ได้เช่นกัน…”

“ไร้สาระยิ่ง! ข้าจะสู้แล้ว!” อ๋าวอี่เปล่งเสียงคำรามต่ำและพุ่งไปข้างหน้าอย่างดุดันทันที!

ทันใดนั้นร่างของเขาพลันพุ่งทะยานดุจลูกศรพุ่งปราดจากคันธนู ในขณะที่แสงเย็นยะเยือกลึกลับก็สาดแสงเจิดจ้าอยู่รอบๆ กายของเขาจนทิ้งภาพเลือนลางไว้ตรงจุดเดิม ทว่าที่ด้านหน้าของเขากลับเผยให้เห็นช่องโหว่อย่างชัดเจนยิ่ง!

หลี่ฉางโซ่วกำกองยันต์ต่างๆ เอาไว้ในมือของเขาแน่น และในทันทีที่อ๋าวอี่พุ่งปรี่เข้ามาใกล้เขาอย่างอันตราย เขาก็เบี่ยงกายหลบเลี่ยงไปด้านข้างด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อยทว่ายังคงความสง่างาม

มังกรโผนผ่านเมฆาเป็นเคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวในระดับเหนือกว่าที่เขาเคยเปิดเผยต่อสำนักตู้เซียนมาก่อน อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงเคล็ดวิชาการเคลื่อนไหว ทว่ามิใช่พลังเวทที่ทรงพลังสุดหยั่ง

ในขณะที่อ๋าวอี่ผ่านหลี่ฉางโซ่วไป เขาก็ขมวดคิ้วแล้วจ้องไปที่ท่าทางตื่นตระหนกของหลี่ฉางโซ่วทันที

อ๋าวอี่พลันคิดในใจว่า เป็นอันใดไปเล่า การโจมตีแบบตัวต่อตัวเยี่ยงนี้ยากจะโต้กลับใช่หรือไม่ บางทีข้าอาจจะดุร้ายเกินไปจนทำให้เขากลัว อย่ากลัวสิ จงอัดข้าเลย! แล้วข้าจะทำให้เจ้าคว้าชัยได้อย่างงดงาม!

หลังจากวิ่งไปข้างหน้าอีกยี่สิบจั้ง อ๋าวอี่ก็ม้วนตัวตีลังกาไปในอากาศอย่างนุ่มนวลแล้วไปยืนหยัดด้วยเท้าของเขาอย่างสง่างามมั่นคงก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่หลี่ฉางโซ่วอีกครั้ง

หลี่ฉางโซ่วหยิบยันต์ออกมาหกชิ้นและโยนออกไปทันที ก่อนจะประกบมือทั้งสองข้างสร้างผนึกออกมา จากนั้นลวดลายอักขระบนยันต์ก็สาดประกายวาบออกมา ฉับพลันก็มีอสรพิษไฟจำนวนหนึ่งพุ่งทะยานออกไปทางด้านหน้าเข้าใส่คู่ต่อสู้ในทันใด!

อ๋าวอี่ไม่ได้หลบเลี่ยง แต่พุ่งตรงไปข้างหน้าในขณะที่ไฟพุ่งเข้าดูดกลืนร่างกายของเขา แต่เขาก็สามารถฝ่าเวทไฟธรรมดาเหล่านี้ได้ทันควัน!

ช่างดุเดือดและไม่อาจต้านทานได้จริงๆ!

ฝีเท้าที่น่าพิศวงของหลี่ฉางโซ่วปรากฏขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้เขาจะสงบนิ่งกว่าเดิมมาก แต่เขาก็ยังดูกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อยในขณะที่หลบเลี่ยงการโจมตีของอ๋าวอี่อีกครั้งและซัดยันต์สองแผ่นไปที่ร่างของอ๋าวอี่ในทันที

อ๋าวอี่แค่นเสียงเยาะเย้ยและเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ของเขาทันที โดยไล่ตามหลี่ฉางโซ่วไปอย่างใกล้ชิด และเต็มใจเป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปในเปลวไฟแห่งยันต์ทั้งหมดนั้น!

หลี่ฉางโซ่วใช้มังกรโผนผ่านเมฆาด้วยพลังเวทของผู้บำเพ็ญขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นสอง จากนั้นเขาก็ถอยไปและตั้งรับไป และตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบอย่างรวดเร็ว จนไปถึงตำแหน่งที่เขาเลือกไว้ก่อนหน้านี้อย่าง ‘ราบรื่น’

ในชั่วพริบตาทั้งสองก็ได้แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันมากกว่าสิบกระบวนท่า!

อ๋าวอี่ขมวดคิ้วลึกขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาที่ ‘เหนือกว่า’ ศิษย์ของสำนักตู้เซียนคนนี้ เขาพยายามส่งช่องโหว่ของเขาออกไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเข้าเผชิญหน้ากับฝ่ามือของอีกฝ่าย…

แต่ไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจงใจหลีกเลี่ยงจุดสำคัญของชีวิต หรือว่าไม่กล้าประจันหน้าโจมตีองค์ชายแห่งวังมังกร หรือเป็นเพราะพลังของคู่ต่อสู้นั้นอ่อนด้อยเกินไปจริงๆ จึงยังไม่อาจเข้าใจโอกาสที่เขาใส่พานมอบให้อีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัดเหล่านี้…

คู่ต่อสู้ของเขาปฏิเสธที่จะฉวยประโยชน์จากช่องโหว่ที่เขามอบให้!

โชคยังดี แม้ว่ายันต์ของชายคนนี้จะไม่ทรงพลังนัก แต่เขาก็อดทนต่อการระดมโจมตีด้วยเวทไฟมาหลายครั้งแล้ว…

ต่อมาเขาก็สามารถสร้างภาพมังกรที่มีชีวิตให้ระเบิดออกได้โดยตรง!

ในที่สุดหลี่ฉางโซ่วและอ๋าวอี่ก็มีการปะทะสัมผัสกายกันเป็นครั้งแรก…

เวลานี้หลี่ฉางโซ่วอยู่ห่างออกไปสามจั้งจากเส้นเขตแดนด้านหลัง เขาถูกบีบบังคับให้ไปสู่ทางตัน ในที่สุดดวงตาของเขาก็ฉายแววเด็ดขาดออกมาในขณะที่ซัดยันต์ในมือของเขาออกไปมากกว่าสิบแผ่น และรวบรวมพลังเวทมารวมไว้ที่ฝ่ามือ สร้างฝ่ามือสายฟ้าฟาดออกไปทันที!

เคล็ดวิชาห้าสายฟ้าอุษาสาง!

นี่ถือเป็นคาถาเวทระดับสูงขึ้นเล็กน้อยของสำนักตู้เซียน ซึ่งศิษย์ในขอบเขตคืนกลับอนัตตาส่วนใหญ่ล้วนเข้าใจเคล็ดวิชานี้แล้ว

สายฟ้าแลบแปลบปลาบ สาดประกายไฟลุกโชนทันที!

อ๋าวอี่รีบพุ่งเข้าไปทันที และในที่สุดหมัดของเขาก็พุ่งปะทะเข้ากับฝ่ามือของหลี่ฉางโซ่ว!

หือ?

อ๋าวอี่พลันขมวดคิ้ว เนื่องจากชั่วขณะที่เขาปะทะกับหมัดของหลี่ฉางโซ่ว ความรู้สึกเฉียบคมตามสัญชาตญาณการต่อสู้ที่ละเอียดอ่อนโดยธรรมชาติของเขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายขึ้นมาเล็กน้อย

หือ?

ในเวลาเดียวกันนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย

หมัดของหมอนี่เหวี่ยงออกมาโดยไม่มีพลังใดๆ เลย

ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ยังคงเดินตามบทของเขา ร่างกายของเขาเอนและโซเซไปข้างหลังไปสองสามก้าว และฉวยโอกาสปัดหมัดของอ๋าวอี่ออกไปด้านข้าง หลังจากนั้นก็ถอยหลังต่อไปเรื่อยๆ

อ๋าวอี่จึงฉวยโอกาสอันดีนี้ไว้เช่นกัน เขาจงใจแสร้งทำเป็นลื่นไถลและพลาดสะดุดไปทางซ้ายเล็กน้อยในขณะที่แอบคิดในใจว่า น่าจะเพียงพอแล้ว!

และในขณะนั้นเอง อ๋าวอี่ก็ได้ยินเสียงไอมาจากทางด้านข้างของเขา ดวงตาดุจไพลินของเขาก็เลื่อนไปยังด้านข้าง ใช้หางตามองไป

หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะและไอออกมาสองสามครั้ง ปลายนิ้วของเขาเต็มไปด้วยเลือด ก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วถอนหายใจยาว สีหน้าของเขาหดหู่แล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “พอเถิด ข้าแพ้แล้ว ความสามารถของข้ายังไม่ดีพอ ข้าต้องกลับไปฝึกบำเพ็ญให้มากขึ้นกว่านี้”

หลังจากนั้นเขาก็ถอยหลังไปครึ่งก้าว ทว่าบังเอิญได้ก้าวออกจากเขตแดนที่ถูกวาดเอาไว้ก่อนหน้านี้

ยามนี้บรรดาเซียนทั้งหลาย ผู้ฝึกบำเพ็ญ เผ่าพันธุ์มังกรและเผ่าทะเลมากมายที่อยู่บนแท่นดอกบัววารีล้วนมองเขาด้วยความเวทนาสงสาร

เคล็ดวิชาการเคลื่อนไหว เคล็ดวิชายันต์ และเคล็ดวิชาสายฟ้าที่หลี่ฉางโซ่วเพิ่งสำแดงออกไปนั้น สำหรับศิษย์ในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นสอง ก็นับได้ว่าค่อนข้างน่าประทับใจแล้ว

ยอมรับ…เขายอมรับความพ่ายแพ้งั้นหรือ

อ๋าวอี่ผงะตกตะลึงไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ขณะจ้องมองลงไปยังเส้นขอบของเขตแดนที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่ตรงหน้าของหลี่ฉางโซ่ว และมึนงงจนไม่อาจทำอันใดได้ถูกในทันที

นี่มันเรื่องบ้าอันใดกันถึงได้ยอมแพ้!

มีประโยชน์อันใดเจ้าถึงยอมพ่ายแพ้เร็วกว่าข้า

เจ้าไม่ต้องการเอาชนะหรือ เจ้าไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไร

แล้วจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของเสนาบดีเต่าที่ตะโกนอยู่ด้านข้างเขาว่า “การประลองในครั้งนี้ องค์ชายรองของข้า…”

ทันใดนั้นดวงตาของอ๋าวอี่พลันเบิกกว้าง ขณะที่ใบหน้าบอบบางของเขาดูบิดเบี้ยวน่ากลัวขึ้นทันที!

ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

แผนที่สมบูรณ์แบบของข้า! ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในแผนการปลุกเผ่าพันธุ์มังกร!

กล้าดีอย่างไรกันถึงมายอมแพ้เช่นนี้! องค์ชายอย่างข้ายื่นหน้าไปให้เจ้าต่อยตีเลยนะ

ข้าจริงจังมาก! จริงๆ!

ทันใดนั้นก็มีร่องรอยของแสงสีแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าบอบบางขององค์ชายรอง

ในขณะที่การประกาศของเสนาบดีเต่าก็ยังคงอยู่ที่ “…องค์…”

“อ๊าก!”

จู่ๆ อ๋าวอี่ก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงคำรามลึกออกมาทันที

พร้อมกันนั้นเลือดมังกรสีทองสว่างก็พุ่งออกมาจากทั่วร่างกายของเขา มีรอยร้าวปรากฏขึ้นบนชุดเกราะเซียน

“อ๊ะ!”

ชั่วขณะนั้นเสนาบดีเต่าเซียนเทียนพลันตกตะลึงในทันใดเช่นกัน

อ๋าวอี่พลันจ้องมองไปที่หลี่ฉางโซ่วอย่างหมองหม่นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ช่างทรงพลังยิ่ง…ยันต์นั่น…ช่างเป็นวิชาที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้…”

ขณะที่กล่าวร่างของอ๋าวอี่ก็เริ่มถอยหลังก่อนจะทรุดตัวลงแล้วนอนอยู่ใน ‘แอ่งเลือด’ ในขณะที่บรรดาปรมาจารย์มังกรต่างเข้ามารายล้อมในลานประลองจัตุรัสนั้น และทันใดนั้นสถานที่นั้นก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันที!

หลี่ฉางโซ่วชะงักงัน…

เห็นได้ชัดว่าทักษะการแสดงของน้องมังกรน้อยผู้นี้ไม่ได้มาตรฐาน ยังอยู่ในระดับมือใหม่

ในขณะนั้นบรรดาเซียนเสิ่นสองสามคนจากสำนักตู้เซียนก็รีบวิ่งเข้ามา และยืนอยู่ด้านหน้าของหลี่ฉางโซ่วเพื่อปกป้องเขา

………………………………………………………………………………