ตอนที่ 86 อยู่ต่อเถอะนะ

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 86 อยู่ต่อเถอะนะ

ทุกคนที่นี่เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป้าหมายของพวกเขาคือการพิสูจน์เพื่อหาความจริง พวกเขายังไม่ปักใจเชื่อในสิ่งที่ไป๋เยี่ยค้นพบ

ถูโยวเองก็ไม่ได้ยกย่องไป๋เยี่ยในทันที แต่กลับขอให้เจ้าหน้าที่จัดการทดลองขึ้นและทำการทดลองตาม ขั้นตอนที่ไป๋เยี่ยเขียนไว้

ผู้คนเหล่านี้เป็นบุคลากรแนวหน้าจากสาขาวิชาต่างๆ พวกเขาแบ่งงานและทำงานตามที่ได้รับมอบหมายออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ!

และในวันนั้นเอง สิ่งที่ไป๋เยี่ยค้นพบก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว!

ถูกต้อง! ข้อมูลทั้งหมดนั้นเป็นความจริง!

สารโพลีคาร์บอกซิลิกอาร์เทแอนนิวอินชนิดต่างๆ มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นยารักษาโรคมาลาเรียในปัจจุบันได้!

เมื่อได้รับข้อมูลเช่นนั้นแล้ว ถูโยวก็แจ้งหน่วยป้องกันโรคมาลาเรียประจำองค์กรอนามัยโลกทันทีว่าการวิจัยอาร์เทแอนนิวอินมีความคืบหน้าและจะได้ผลลัพธ์ภายในเวลาหนึ่งเดือนนี้

หน่วยป้องกันโรคมาลาเรียถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ทราบข่าวนี้ พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าหน่วยวิจัยอาร์เทแอนนิวอินจะมีความคืบหน้า จึงมอบเงินทุนและอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับหน่วยเพื่อเป็นการสนับสนุนการวิจัยต่อไป

คืนนั้น ที่หน่วยทดลองจึงจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำประจำสัปดาห์ขึ้นโดยที่มีถูโยวเข้าร่วมด้วย

ความหม่นหมองเมื่อสองวันก่อนหน้านี้สลายหายไปแล้ว ทุกคนต่างกลับมาหัวเราะเฮฮาดังเดิม

ถูโยวยืนอยู่บนเวทีพร้อมกับชูแก้วเหล้าขึ้น “ขอคำนับเหล้าแก้วนี้ให้ไป๋เยี่ย!”

ทุกคนยกแก้วขึ้นพร้อมกันเพื่อแสดงความขอบคุณต่อไป๋เย่!

ถูโยวมองไป๋เยี่ยด้วยแววตาอันแฝงไปด้วยความคาดหวังก่อนจะโค้งคำนับให้ไป๋เยี่ย ไป๋เยี่ยที่เห็นดังนั้นก็ลุกลี้ลุกลนรีบเข้าไปพยุงถูโยวก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ “ไม่ได้นะครับประธานถู! จะทำแบบนี้ไม่ได้ครับ!”

ถูโยวส่ายหัวพร้อมกับหันไปมองทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “วันนี้ เราทุกคนควรจะขอบคุณไป๋เยี่ยเพราะว่าเขาคือผู้ที่มอบโอกาสนี้แก่เรา!”

“ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ยากมาก! เราพยายามกันมากว่าหนึ่งปี ทั้งทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ผิดพลาดล้มเหลวก็หลายครั้ง แน่นอน ทำวิจัยทั้งทีจะไม่เกิดข้อผิดพลาดได้ไงล่ะ ถูกไหม”

“คุณคือผู้มอบโอกาสนี้ให้กับทุกคน! คุณคือคนที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคมาลาเรียนับแสนนับล้านคน!”

วันนี้ถูโยวพูดเยอะมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมาหรือตื่นเต้นกันแน่

ทว่าทุกคนเองก็รู้สึกขอบคุณไป๋เยี่ยมากเช่นกัน!

ทุกคนต่างตกละตึงกับพัฒนาการอันก้าวกระโดดของเด็กฝึกงานอย่างไป๋เยี่ย ใครจะกล้าบอกว่าเขาเป็นเด็กอ่อนหัดเหมือนที่คิดกันไว้ตอนแรกล่ะ

ไป๋เยี่ยพิชิตใจของทุกคนได้ด้วยตนเองจริงๆ!

หลังงานเลี้ยงอาหารค่ำจบลง ทุกคนก็ไม่ได้จัดงานแลกเปลี่ยนความรู้ต่อ แต่กลับมุ่งหน้าไปที่โถงนิทรรศการแทน

เพราะว่าถูโยวมีเรื่องที่อยากคุยกับทุกคน

เมื่อมาถึงโถงนิทรรศการ ถูโยวก็เดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่สองคนและแฟ้มงานจำนวนหลายเล่ม

ถูโยวเอ่ยขึ้น “ดิฉันเชื่อว่าทุกคนคงคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดี ใช่แล้ว นี่คือแผนงานของ NCKKB ตอนนี้ดิฉันกำลังคิดว่าจะส่งชื่อไป๋เยี่ยเข้าไปเป็นคนที่เจ็ดที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ พวกคุณคิดว่าไงบ้าง”

ทุกคนได้ยินดังนั้นก็พากันตื่นเต้น!

“เดี๋ยวนะ นี่คือแผนงาน NCKKB เหรอ ฉันเพิ่งเห็นมันเป็นครั้งแรกเลยเนี่ย!” สมาชิกในหน่วยคนหนึ่งกล่าว

“อันดับเจ็ดเหรอ สูงมากเลยนะ แทบจะเป็นหัวหน้าโครงการอยู่แล้ว!”

“นั่นสิ ได้ยินว่าอาจารย์ถูอยู่อันดับที่สามนี่”

“เอาละ! นี่คือหัวข้อของแผนงาน NCKKB ซึ่งเป็นโครงการระดับนานาชาติ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับคุณที่ได้เข้าร่วมเป็นอันดับที่เจ็ด ซึ่งทั้งเจ็ดอันดับแรกก็คือเหล่าบุคคลที่มีบทบาทต่อโครงการนั่นเอง!”

“ไป๋เยี่ยไม่สำคัญเหรอ ถ้าไม่มีเขา พวกเราก็คงไม่มีวันนี้หรอก!”

“เอ่อ เอ่อ เอ่อ…”

“ถูกต้อง ไป๋เยี่ยเป็นคนมีความสามารถมาก การทดลองนี้คงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีไป๋เยี่ย!”

“ขอบคุณไป๋เยี่ยมากเลยนะ ถ้าไม่มีเขา ตอนนี้พวกเราคงจะ…เฮ้อ เขาเก่งมากเลย!”

“เทียบกับเขาแล้วฉันยังจะเป็นอัจฉริยะอยู่ไหมนะ”

“อย่า…อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับเขาเลย แค่นี้ก็รู้สึกว่าตัวเองห่วยแตกพอแล้ว!”

ผู้คนด้านล่างพูดคุยกันสนุกสนานโดยที่ไม่มีใครขัดเลย!

คนที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นเจ็ดอันดับแรกในโครงการขนาดใหญ่นั้นเทียบเท่ากับการได้เป็นกึ่งๆ หัวหน้าโครงการแล้ว โดยเฉพาะในโครงการนานาชาติเช่นนี้ ไป๋เยี่ยจะได้รับผลประโยชน์จากมันอย่างแน่นอน ต่อให้เขาถูกเสนอชื่อเป็นอันดับเกือบๆ หนึ่งร้อย เขาก็ยังได้รับผลประโยชน์อยู่ดี แต่เขากลับไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่เจ็ด!

ถูโยวมองไป๋เยี่ย “มาสิ ไป๋เยี่ย ลงชื่อด้วยลายมือคุณเองซะสิ”

ไป๋เยี่ยหยิบปากกาขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา!

หยุดสั่นก่อนได้ไหม

คนแรกที่รับผิดชอบโครงการนี้คือรองเลขาธิการองค์การอนามัยโลก ทุกคนน่าจะได้เห็นเขาบนทีวีอยู่บ่อยครั้ง!

และในบรรดาหกอันดับแรกก็มีคนได้รับรางวัลโนเบลตั้งสองคน ทำเอาไป๋เยี่ยต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ!

เขาค่อยๆ หยิบปากกาขึ้นมาลงชื่อของตนเองไว้ข้างๆ หมายเลขเจ็ดอย่างระมัดระวัง

ถูโยวเห็นดังนั้นก็ปรบมือให้ไป๋เยี่ย ก่อนจะยื่นมือออกไปทางไป๋เยี่ยด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วย! หลังจากโครงการนี้สิ้นสุดลง คุณอาจจะได้รับข้อเสนอจากห้องแล็บชั้นนำหลายแห่งในโลก! ชีวิตของคุณได้ก้าวไปสู่ขั้นที่ยากที่สุดแล้ว!”

ไป๋เยี่ยรู้ดีว่านี่หมายความว่าอย่างไร ถูโยวเป็นคนที่มีความเป็นธรรมมากถึงได้เสนอชื่อให้ไป๋เยี่ยกลายเป็นอันดับที่เจ็ดที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้

เขายืนขึ้นและโค้งคำนับถูโยวด้วยความจริงใจ “ขอบคุณที่ให้โอกาสนี้กับผมนะครับ ผมจะพยายามอย่างหนักแน่นอนครับ!”

ไป๋เยี่ยมาที่นี่ได้สี่สัปดาห์แล้ว อีกสองวันเขาก็ต้องไปจากที่นี่แล้ว

เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว หากไม่ใช่เพราะว่าประสบการณ์ที่ได้รับและพัฒนาการอันก้าวกระโดดของไป๋เยี่ย เขาก็คงไม่รู้สึกว่ามันผ่านไปไวขนาดนี้

ในหน่วยการทดลองแบบนี้ นักวิจัยจะทำงานกันหามรุ่งหามค่ำแทบทุกวันจนแทบไม่ได้สัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกเลย

ไป๋เยี่ยส่ายหัวไปมา ช่วงนี้เขายุ่งมากจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเลย

ไม่คิดเลยว่าจะต้องไปจากที่นี่แล้ว

ถูโยวเห็นว่าไป๋เยี่ยดูสับสนจึงเอ่ยถามขึ้น “ต่อไปคุณอยากเข้ามาทำงานที่นี่ไหม คุณดูเหมาะกับงานวิจัยนะ”

ผู้คนด้านล่างเวทีได้ยินดังนั้นก็พลอยตื่นเต้นกันไปด้วย!

“ว้าว! ประธานถูชวนเขาเข้าหน่วยจริงๆ ด้วย!”

“ใช่แล้ว อนาคตที่สดใสรอเขาอยู่ เขาจะต้องกลายเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลในอนาคตแน่นอน!”

“ก็เพราะว่าเขาคือไป๋เยี่ยไง…ถ้าฉันเป็นประธานถูฉันก็คงชวนเขาเหมือนกัน”

ไป๋เยี่ยถึงกับชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดของถูโยว! เขาทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย เพราะว่าแค่การได้รับโอกาสเข้ามาฝึกงานเป็นเวลาหนึ่งเดือนก็เป็นเรื่องยากแล้ว! ไป๋เยี่ยเงียบและทบทวนความคิดตนเองดีๆ

คนด้านล่างเวทีก็เอาแต่โห่ร้อง

โดยเฉพาะคาริส “ไป๋เยี่ย อยู่ต่อเถอะ คุณไม่ต้องบันทึกข้อมูลแล้ว มาเป็นผู้ช่วยผมเลยดีกว่า!”

“ไป๋เยี่ย คุณไม่ต้องให้อาหารหนูแล้วนะ!”

“ฮ่าๆๆ…”

ไป๋เยี่ยส่งยิ้มให้ทุกคนก่อนจะหันไปหาถูโยว “ขอบคุณสำหรับคำเชิญนะครับ แต่ว่า…ผมคิดว่าผมยังมีข้อบกพร่องหลายจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขต่อไป”

ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ต้องตกตะลึง!

แม้ว่าไป๋เยี่ยจะกล่าวมันออกมาอย่างอ้อมๆ ทว่าความหมายของเขาก็ชัดเจนพอ

ทุกคนทึ่งกับความคิดของไป๋เยี่ยที่ยังเป็นเพียงนักศึกษาชั้นปีที่ห้าเท่านั้น

พวกเขาอดถอนหายใจไม่ได้ หัวดีขนาดนี้แต่ไม่มาเป็นนักวิทยาศาสตร์ก็น่าเสียดายอยู่แหละนะ…

ถูโยวยิ้ม “การที่คุณมีความคิดเป็นของตนเองถือเป็นเรื่องที่ดีมาก! จงพยายามต่อไปอย่างเต็มที่ และถ้าหากคุณต้องการความช่วยเหลือใดๆ ในอนาคต ก็ติดต่อดิฉันมาได้เสมอ! พวกเรา…จะร่วมมือกัน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแววตาของไป๋เยี่ยก็เปล่งประกาย! การที่เขามีถูโยวเป็นคู่ร่วมมือในการวิจัยถือเป็นภาพที่สวยงามเกินกว่าจะจินตนาการได้!

ถูโยวมาจากสถาบันการแพทย์แผนจีนโดยเน้นการวิจัยยาจีนและพฤกษศาสตร์ ทำให้ไป๋เยี่ยผุดความคิดบางอย่างขึ้นมาได้

นั่นคือการผสมผสานการแพทย์แผนจีนเข้ากับการแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อเปิดการเชื่อมต่อโลกแห่งการแพทย์เข้าด้วยกัน!

สิ่งที่เขาอยากทำไม่ได้มีแค่การคิดค้นยาเท่านั้น แต่เขาอยากเปลี่ยนแปลงยุคสมัยด้วยต่างหาก!