บทที่ 92 – พลังศักดิ์สิทธิ์

 

หลังจากมิวพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองต้องปิดบังว่าตัวเองเสียความทรงจำอยู่พักหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการต้องทำตัวยังไงหรือคนที่ต้องระวังเมื่ออยู่ที่นี่

ก่อนอื่นเลยในโบสถ์ก็มีการแบ่งชนชั้นที่ค่อนข้างต่างจากศาสนาในโลกที่มิวรู้จัก โดยในที่แห่งนี้จะแบ่งเป็นระดับของผู้ศรัทธา

โดยจะมีทั้งสิ้นสิบระดับ ระดับเก้าคือต่ำที่สุด ระดับซีโร่คือสูงที่สุดและมีเพียงคนเดียวในโบสถ์ ก็คงประมาณนักบวชระดับสูงสุดนั่นแหละนะ

เป็นคนที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์เยอะที่สุดรองจากแค่เรย์น่าเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าเขาใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ได้ เพราะเดิมทีคนที่ใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ได้ก็มีน้อยจนแทบนับนิ้วได้อยู่แล้วน่ะนะ

แต่ถึงจะมีแค่พลังศักดิ์สิทธิ์นั่นก็มากพอที่จะแสดงให้คนอื่นในโบสถ์รับรู้ถึงความรักที่พระองค์มีต่อเขานั่นแหละ

และคนที่มิวต้องระวังคือคนพวกระดับสามขึ้นไปนั่นแหละ

“แต่เดิมทีในโบสถ์ลอยฟ้านี้ก็มีแต่นักบวชระดับสูงอย่างระดับสามขึ้นไปสามารถอยู่ได้ แม้นักบวชระดับสามจะมีศิษย์อยู่หลายพันแต่ก็ล้วนไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้”

“โบสถ์ลอยฟ้า?”

มิวเอียงหัวกับคำพูดของเรย์น่า ก่อนที่มิวจะรีบขยายจิตมังกรออกไปเพื่อตรวจสอบสถานที่โดยรอบทันทีเพราะคำพูดของเรย์น่า

แต่แน่นอนว่าเรย์น่าที่เห็นท่าทางสงสัยของมิวเธอก็รีบอธิบายขึ้นมาทันที เพราะเธอรู้ว่ามิวเสียความทรงจำไปน่ะนะ

“อ้อ.. ข้าเองก็ลืมบอกท่านไป ที่นี่คือโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่หยิบยืมพลังงานจากพลังศักดิ์สิทธิ์ให้แสดงความเหนือธรรมชาติของที่แห่งนี้โดยการให้…”

“มันลอยอยู่เหนือพื้นน่ะค่ะ”

ทันทีที่เรย์น่าพูดแบบนั้น ดวงตาของมิวก็เบิกกว้างเพราะวินาทีที่จิตสัมผัสของเธอขยายออกไปครอบคลุมทุกพื้นที่ในที่แห่งนี้

เธอก็พบว่าที่แห่งนี้คือโครงสร้างลอยฟ้าขนาดใหญ่ มีสิ่งปลูกสร้างที่แปลกตาพอสมควร แต่มันก็ดูหรูหราอย่างช่วยไม่ได้

ทว่าที่ทำให้มิวตกตะลึงคือที่แห่งนี้แทบจะเป็นเมืองขนาดใหญ่เลยมากกว่า แต่มันลอยอยู่บนฟ้า มีโครงสร้างตึกที่ซับซ้อน สร้างจากหินอ่อนเหมือนโลกด้านนอก

แต่ทว่ากลับละเมียดละไม รู้สึกไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากมือคน แต่เป็นสร้างจากพลังวิเศษอย่างเวทมนตร์

และจะขอกล่าวอีกรอบมันลอยฟ้าอยู่.. แต่ก็มีโซ่ขนาดใหญ่ที่เชื่อเกาะลอยฟ้าแห่งนี้ให้ต่ออยู่กับพื้น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าโซ่เหล่านั้นมีไว้เพื่อ..

ไม่ให้เมืองแห่งนี้ลอยออกจากที่แห่งนี้ไป.. ด้านล่างยังมีเมืองขนาดใหญ่ที่เกินกว่าจะบรรยายออกมาได้ มิวไม่รู้ว่าใหญ่เท่าชั้นก่อนหน้านี้ไหม

เพราะเธอไม่สามารถใช้จิตมังกรได้เต็มที่แบบเดิม แต่ก็คงไม่ใหญ่เท่าชั้นสามหรอก ทว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันเล็ก

ตรงกันข้ามเลย.. มันใหญ่มาก!

แน่นอนว่ามิวเคยอ่านเจอมาก่อนในเว็บเกี่ยวกับข้อมูลในชั้นนี้.. เมืองที่งดงามที่สุด.. นั่นคือชื่อของชั้นชั้นนี้

เพียงแต่ว่าเมื่อมามองด้วยตาตัวเองนอกจากภาพวาดหรือภาพถ่ายมันกลับทำให้มิวรู้สึกเหมือนพลิกโลกทั้งใบ

เพราะนี่มันคือเมืองในจินตนาการที่เรียกว่าเมืองแห่งแฟนตาซีได้สมเต็มปากอย่างแน่นอน มิวดึงจิตมังกรตัวเองกลับคืนมาด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

เมื่อเห็นท่าทางแปลกใจของมิวเรย์น่าก็พูดขึ้น..

“ท่านมิวสนใจเหรอคะ ให้ข้าพาทัวร์ได้นะคะ?”

“เธอพึ่งบอกไปไม่ใช่เหรอว่าไม่ควรออกไปเดินเพ่นพ่าน เดี๋ยวโดนรู้ความลับเอาได้ หลายคนยิ่งฉลาดอยู่น่ะ”

“ก็ใช่อยู่หรอก แต่ถ้าไปข้างล่างก็ไม่มีปัญหาใช่ไหมล่ะคะ อีกอย่างแค่แอบออกไปก็พอ”

เรย์น่ามองหน้ามิวด้วยความตื่นเต้น มิวเองก็มองหน้าเธออดที่จะนึกถึงเรนะอย่างช่วยไม่ได้ ท่าทางของสองคนนี้เหมือนกันจนน่าเหลือเชื่อ

มิวพยายามส่ายหน้าความคิดนั้นทิ้ง เรย์น่าไม่รู้ว่ามิวคิดอะไรอยู่ แต่ก้เห็นมิวส่ายหน้าเธอจึงคิดว่ามิวกำลังลังเลอยู่หรือเปล่าเธอเลยพูดตัดพ้อขึ้น

“อันที่จริงข้าไม่เคยออกไปข้างนอกมาก่อนน่ะค่ะ เพราะว่าข้าเป็นคนสำคัญของทางโบสถ์ ทางนั้นเลยไม่เคยอนุญาตให้ข้าออกไปไหนเลยค่ะ”

“แน่นอนว่าต่อให้เป็นปีศาจจิตมรณะก็ทำอะไรข้าไม่ได้ก็จริง แต่พวกเขาไม่รู้เรื่องพลังของข้าใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นพวกเขาเลยไม่ปล่อยให้ข้าออกไปเล่น”

“เพราะงั้น..ถ้าท่านพาข้าไปละก็..”

เรย์น่าแอบมองท่าทางของมิวอยู่ตลอด อันที่จริงเธอโกหกอยู่เรื่องหนึ่งคือเธอแอบออกไปเล่นข้างนอกคนเดียวประจำ

แต่ตอนนี้เธออยากพามิวไปทัวร์เมือง เมืองแห่งเดียวที่ยังสงบสุข.. พร้อมทั้งอยากแสดงให้เห็นถึงความงดงามที่เมืองเธออยู่

หวังว่า..มิวจะอยู่กับตัวเอง ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม.. มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็พอจะใจอ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้

เพราะหากว่าตามที่สาวน้อยคนนี้ว่า.. มิวต้องรีบศึกษาเรื่องวิชาศักดิ์สิทธิ์แล้วสอนเธอให้ไว แต่ทว่ามิวไม่สามารถไปไหนมาไหนโดยตามใจได้

กล่าวคือไม่สามารถไปหาหนังสือได้อ่านเพื่อศึกษาได้.. แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่ามิวสามารถใช้เวลาอย่างเสียเปล่าได้เช่นกัน เพราะมิวต้องสอนวิชาบางอย่างให้เรย์น่า

ต่อให้มิวใช้วิชาไม่ได้ แต่ขอแค่สอนได้ก็น่าจะไม่มีปัญหาละนะ.. ตามที่เควสเขียนไว้

ทว่าเมื่อมาใช้ความคิดดู.. จะอยู่เฉยๆ ก็คงไม่ดี อีกอย่างในเมืองน่าจะมีหนังสือให้อ่านเก็บข้อมูล แถมต้องหาเทรต้าด้วยซึ่งมิวไม่คิดว่าจะหาเจอหรอก

เพราะถ้าอยู่ด้วยกันสองคน เควสคงจะง่ายเกินไป…

“เข้าใจแล้ว”

“เอ้ะ?”

“หือ อะไรเหรอ?”

“จริงเหรอคะ?”

“ก็..จริง?”

ท่าทางของเรย์น่าดูตื่นเต้นกว่าที่มิวจินตนาการไว้มากนัก.. มิวได้แต่มองท่าทางดีใจเหมือนเด็กน้อยของอีกฝ่ายพลางคิดถึงเรื่องที่เธอคงไม่มีเพื่อนเลย

ไม่เคยออกไปเที่ยวกับใครเลย.. พอมีเพื่อนแถมได้ออกไปเล่นด้วยกันเลยตื่นเต้นจนออกนอกหน้างั้นสินะ..

มิวรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้ที่เหมือนแฟนตัวเองแม้กระทั่งชื่อนี้ก็มีความลำบากของตัวเองสินะ.. มิวมองเรย์น่าที่จู่ๆ ก็หันหน้านี้

“เป็นอะไรเหรอ?”

“ปะ.. เปล่าค่ะ”

แม้เรย์น่าจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น.. เธอดีใจสุดๆ ในที่สุดความฝันก็จะเป็นจริงสักที

ในที่สุดก็จะได้เที่ยวกับท่านมิวที่เธอทั้งนับถือและเคารพที่สุดในชีวิต.. ที่เธอฝึกวิชาทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อที่จะให้กลายเป็นเหมือนท่านผู้นี้ได้

ว่าง่ายๆ คือสาวน้อยคนนี้เป็นแฟนพันธุ์แท้ของมิวมาตั้งแต่สิบปีก่อนนั่นเอง… แน่นอนว่าสิ่งที่มิวพึ่งคิดว่าเธอดีใจเพราะมีเพื่อนเล่นด้วยนั้นผิดถนัด

เพราะเจ้าตัวกำลังดีใจเนื้อเต้นเพราะได้เที่ยวกับมิวต่างหาก…

เรย์น่ารีบเก็บท่าทางของตัวเองทันทีกลับมาสงบสำรวมดูเหมือนกับผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งพระเจ้าอย่างว่องไว

“ไปกันเลยไหมคะ?”

“อืม…?”

มิวเอียงคอกับท่าทางแปลกๆ ของเรย์น่าอยู่บ้างแต่ก็พยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้คิดอะไรให้มากความ

ด้วยเหตุนี้คนสองคนจึงย่องออกจากห้องเงียบๆ โดยการโดดออกจากหน้าต่างแล้วก็ลงจากเกาะไปอย่างเงียบๆ

มิวต่อให้มีแค่ร่างกายเปล่าๆ แค่ความสูงระดับนี้ก็ไม่มีปัญหา ยังไงซะร่างกายเดิมทีก็คือร่างกายที่วิวัฒนาการมาจากการเป็นมังกร

ทางด้านเรย์น่าก็มีวิชาศักดิ์สิทธิ์ทำให้ลอยได้อยู่จึงหลบออกมาได้อย่างง่ายดาย อันที่จริงมิวประหลาดกับความเชี่ยวชาญของเรย์น่า

“นี่เธอ..ดูเหมือนคุ้นชินกับการทำแบบนี้มากเลยนะ?”

“อ้ะ.. นั่นเป็นเพราะ…”

เรย์น่าดูว้าวุ่น นิดหน่อย แต่ก็รีบพูดทันที

“นั่นเป็นเพราะข้าเตรียมพร้อมสำหรับวันนี้มานานไงละคะ!!”

“….แล้วจะล่กขนาดนั้นทำไมละนั่น”

มิวถามขึ้นด้วยความสงสัย.. เพราะท่าทางของสาวน้อยนี่เหมือนแมวโดนน้ำร้อนลวกไม่มีผิด อันที่จริงเธอก็แทบไม่มองหน้ามิวมาสักพักแล้ว

มิวมองเรย์น่าที่กำลังบินอย่างช้าๆ ทว่าเมืองมองไปยังเธอมิวก็ขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอเหมือนจะมองเห็นพลังงานบางอย่างที่ลอยอยู่รอบๆ ตัวเรย์น่า

อันที่จริงมันเป็นพลังงานที่เธอเหมือนจะรู้จักและไม่รู้จักในเวลาเดียวกัน.. มันเหมือนกับพลังงานที่ร่างกายมังกรเธอต้องการรับเข้ามาเพื่อมาหล่อเลี้ยงร่างกายเลย!

แต่ทว่าพลังดังกล่าวมันไม่มีออร่าสีทองแบบนี้ มันไม่ได้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแบบนี้ แถมมิวยังรู้สึกเหมือนว่ามันไม่ได้ทรงพลังระดับเดียวกันกับลมหายใจมังกรของมิวแต่อย่างใด

ทว่า..ถึงแบบนั้นมิวก็มั่นใจว่าพลังงานนี้…

เป็นแบบเดียวกับที่มิวรู้จักดี พลังงานมังกร…

“เฮ้ยๆ..แบบนี้ไม่ใช่ว่ามันจะง่ายกว่าที่คิดเหรอเนี่ย?”

มิวพึมพำกับตัวเอง ถ้าเจ้าพลังศักดิ์สิทธิ์คือพลังแบบเดียวกับพลังงานที่มังกรต้องการจริงๆ ละก็ชั้นนี้ไม่ใช่ว่าจะผ่านไปได้ง่ายเลยเหรอ!

 

…….

[ตอนใหม่หายหลายวันเพราะธุระเข้ากะทันหัน ไม่มีเวลาเลย นี่ก็ยังไม่ว่าง พยายามหาเวลามาเขียนให้ – ผู้เขียน]