บทที่ 426 ยุคสมัยนี้เป็นบ้ากระไร ขาดทุนยับเยินตั้งแต่การซื้อขายรายแรกเลยหรือ!

รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人

บทที่ 426 ยุคสมัยนี้เป็นบ้ากระไร ขาดทุนยับเยินตั้งแต่การซื้อขายรายแรกเลยหรือ!

การเลือกครั้งนี้ไม่ยากต่อการตัดสินใจ

น่าขัน เซียนท่านหนึ่งประสงค์รับเจ้ามาอยู่ใต้บัญชา ยังเป็นการตัดสินใจที่ยากอีกหรือ

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าการติดตามท่านเซียนได้ประโยชน์มากมายเพียงใด ลำพังผลจากการปฏิเสธท่านเซียน ผู้ใดจะต้านไหว?

ปฏิเสธเท่ากับตาย ตงฟางเวิ่นมิได้โง่ เขาไม่มีทางรนหาที่ด้วยความเบาปัญญาเยี่ยงนั้นหรอก

“เรื่องนั้น…ดีสิ!”

หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม ดีใจเป็นอย่างมาก

เขาเข้าใจความคิดที่ตงฟางเวิ่นอยากย้ายไปอยู่ในเมืองชิงซาน การเล่นหมากต้องมีคู่ต่อสู้ ตงฟางเวิ่นเหมือนกับเขาที่ปรารถนาจะเจอคู่ต่อสู้

ถึงอย่างไรฝีมือเดินหมากของพวกเขาก็สูงส่งเกินไป ระดับของคนทั่วไปห่างไกลจากพวกเขามาก

“เช่นนี้ข้าขอรอผู้เฒ่าเวิ่นในเมืองชิงซานแล้วกัน”

หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ ก่อนบอกลาตงฟางเวิ่น ไปจากที่แห่งนี้พร้อมกับบัณฑิตอื่น ๆ

ฟ้าเริ่มมืด พวกเขาควรต้องกลับได้แล้ว ถึงอย่างไรระยะทางกลับเมืองก็มิใช่ใกล้ ๆ ขืนสายกว่านี้เส้นทางจะยิ่งเดินลำบาก

ตงฟางเวิ่นตื่นเต้นดีใจยิ่ง คิดไม่ถึงว่าอายุปูนนี้แล้ว ยังมีโอกาสได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงระดับนี้อีก!

ส่วนกองกำลังฮวงเฉวียนอะไรนั่น…ไปตายซะ!

เขาหยิบศาสตราสื่อสารออกมาทีละชิ้น แล้วทำลายทิ้งให้หมด ของเหล่านี้ล้วนใช้ในการติดต่อกองกำลังฮวงเฉวียน

บัดนี้เขาได้อยู่ใต้บัญชาท่านเซียนแล้ว เช่นนั้นเขาควรตัดขาดกับกองกำลังฮวงเฉวียน ตัดขาดการเชื่อมต่อทุกอย่าง

ถ้าหากอยู่ใต้บัญชาท่านเซียนแล้วยังติดต่อกับกองกำลังฮวงเฉวียน ถือเป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

เขาหาได้กล้าหาญชาญชัยปานนั้น และไม่มีความสามารถพอจะหลอกลวงท่านเซียน!

“แก่นปราณหนึ่งเสี้ยว ตัด!”

ในกองกำลังฮวงเฉวียนมีตะเกียงฉางหมิงของเขา ภายในนั้นมีแก่นปราณของเขาเสี้ยวหนึ่ง หากเขาตายไป ตะเกียงฉางหมิงดวงนั้นเป็นต้องดับ

บัดนี้ เขาจะตัดขาดทุกการเชื่อมโยงที่มีกับกองกำลังฮวงเฉวียน แก่นปราณเสี้ยวนี้เขาไม่ต้องการแล้ว!

“ผนึกในตัวออกจะยุ่งยากนิดหน่อย ทว่าก็มิใช่…ปัญหาใหญ่!”

เขาพึมพำเสียงเบากับตัวเอง

สมาชิกทุกคนของกองกำลังฮวงเฉวียนเป็นต้องมีผนึกในตัว

ผนึกนี้สามารถรีดเร้นเพื่อฆ่าตัวตายหากภารกิจล้มเหลว ป้องกันมิให้ข้อมูลของกองกำลังฮวงเฉวียนรั่วไหล สองคือเป็นลูกไม้ควบคุมสมาชิกภายในของกองกำลังฮวงเฉวียน

ขอบเขตพลังของเขาสูงส่ง ผนึกที่ฝังไว้ในตัวเขาก็ทรงพลังมากเช่นกัน

หากลำพังตัวเขาเองคงยากจะทลายผนึกนี้

ทว่า ท่านเซียนเดินหมากกับเขาหลายกระดาน ทิ้งวิถีหมากล้อมลึกล้ำสูงส่งไว้ให้เขา เขาพอจะใช้วิถีหมากล้อมลึกล้ำนี้ทลายผนึกในตัวได้!

ที่สำคัญที่สุดคือ ระหว่างเดินหมากกับท่านเซียน วิญญาณและหทัยเต๋าของเขาล้วนยกระดับมหาศาล เทียบกับเทียนตี้ทั่วไปแล้วยังแข็งแกร่งกว่ามาก!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสร้างหลักประกันยิ่งใหญ่ให้กับเขา เขาจะได้ทลายผนึกโดยไร้ความกังวล

หากไม่มีการบรรลุยกระดับเยี่ยงนี้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดทลายผนึกในตัวด้วยซ้ำ

เพราะทันทีที่ทำการทลายผนึก ย่อมต้องถูกพลังผนึกในตัวสะท้อนกลับ หากเขามิได้บรรลุยกระดับ เขาไม่มีทางต้านทานการสะท้อนของพลังผนึก และจะถูกพลังผนึกสังหารในพริบตา

ทว่าบัดนี้ พลังวิญญาณของเขาได้รับการยกระดับใหญ่หลวง แข็งแกร่งกว่าเทียนตี้ทั่วไป เขาต้านทานการสะท้อนกลับของพลังผนึกระดับนี้ได้แน่นอน

ต่อให้เนื้อกายของเขาถูกพลังผนึกที่สะท้อนกลับทำลาย วิญญาณของเขาก็ไม่เป็นไร

ตราบใดที่วิญญาณของเขาไม่เป็นไร เขาก็จะไม่เป็นไร

การไม่มีเนื้อกายมิใช่ปัญหาใหญ่สำหรับยอดฝีมือระดับอย่างเขา เขาสามารถหลอมเนื้อกายออกมาใหม่ได้สบาย

“รู้แจ้งวิถีหมากล้อมที่ท่านเซียนทิ้งไว้ให้ ยกระดับพลังขึ้นไปจนถึงขอบเขตตี้จวิน เช่นนี้ก็จะทลายผนึกในตัวได้!”

แววตาของเขาวาวโรจน์ มั่นใจว่าสามารถทลายผนึกในตัว

“เดี๋ยวก่อน…หรือนี่คือเหตุผลที่ท่านเซียนเล่นหมากกับข้าหลายกระดานหรือ”

เขาชะงัก ก่อนหน้านี้ท่านเซียนเดินหมากกับเขาหลายต่อหลายครั้ง เขายังไม่ค่อยเข้าใจว่าท่านเซียนหมายความว่าอย่างไร

แต่บัดนี้ ดูเหมือนเขาจะเข้าใจแล้ว

ท่านเซียนเดินหมากกับเขาหลายกระดานก็เพื่อทิ้งวิถีหมากล้อมสูงส่งเหนือชั้นเช่นนี้ไว้ให้ และเพื่อเพิ่มพูนพลังวิญญาณและพลังหทัยเต๋าของเขาในขณะเดียวกัน ให้เขามีความสามารถพอจะทลายผนึกในตัว และมีความสามารถพอจะต้านทานพลังสะท้อนกลับที่ปะทุจากผนึก!

“ทุกสิ่งล้วนอยู่ในการควบคุมของท่านเซียน!”

เขาสะท้อนใจจากใจจริง ท่านเซียนฉกาจยิ่ง ควบคุมทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ คำนวณทุกเรื่องราวจนถี่ถ้วนแล้ว!

นี่มัน…สุดยอดเกินไปแล้ว!

เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทันที เขามิได้ลังเล รีบเข้าสู่การฝึกฝนทันที

แม้นเขามิได้บำเพ็ญวิถีหมากล้อมเป็นหลัก กระนั้นปรมัตถ์ของวิถีหมากล้อมที่ท่านเซียนทิ้งไว้ให้สูงส่งเหนือชั้นเกินไป เขาหวังพึ่งวิถีหมากล้อมนี้ในการบรรลุขั้นตี้จวินได้เลย

ความหมายแต่ละวิถีเชื่อมถึงกัน เมื่ออยู่ในระดับอย่างเขา บำเพ็ญวิถีใดเป็นหลัก วิถีใดเป็นรองหาได้สำคัญไม่ ความเข้าใจต่อมหาเต๋าของผู้ที่อยู่เหนือขอบเขตมหาจักรพรรดิลึกซึ้งจนหลักรองมิได้สลักสำคัญอันใด

บนยอดเขาตั้งตระหง่านอยู่โดดเดี่ยว ภายในตำหนักย่อยฮวงเฉวียน

“ครั้งนี้คงสำเร็จเสียที ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่เป็นไร…”

ใบหน้านายตำหนักย่อยเปื้อนยิ้ม

เทียบกับหนานเจี๋ยและอู๋ฉี ตงฟางเวิ่นเดินทางไปนานมากแล้ว ทว่าบัดนี้กลับไม่มีข่าวร้ายส่งกลับมาแต่อย่างใด บ่งบอกว่าเขามีโอกาสทำภารกิจสำเร็จสูงมาก

“คิดอะไรอยู่ นี่คือสมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้าเชียวนะ จะเกิดเรื่องง่าย ๆ ได้อย่างไร!”

นายตำหนักย่อยสั่นศีรษะ รู้สึกตัวเองนี้ว้าวุ่นเสียจริง

แม้ว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นลึกลับผิดธรรมชาติไปหน่อย กระนั้นตงฟางเวิ่นก็เป็นถึงสมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้า ฝีมือเก่งกาจในทุกด้าน คนผู้นี้ไม่มีทางล้มเหลวเด็ดขาด

หารู้ไม่ ทันทีที่สิ้นเสียงเขา ก็มีสิ่งมีชีวิตคนหนึ่งวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามาในตำหนัก

“ท่านจ้าวตำหนัก…ตะเกียงฉางหมิง ตะเกียงฉางหมิงดับแล้ว!”

สิ่งมีชีวิตตนนั้นละล่ำละลักบอก เขาคือสมาชิกที่มีหน้าที่เฝ้าตะเกียงฉางหมิง

“ตายรึ!?”

ใบหน้านายตำหนักย่อยเขียวในบัดดล

เวร!

เขาเพิ่งพูดว่าตงฟางเวิ่งไม่มีทางเกิดเรื่อง ซ้ำยังมีโอกาสสำเร็จสูง

ปรากฏว่าทันทีที่จบประโยค ทางนี้ก็มีข่าวการเสียชีวิตของตงฟางเวิ่นส่งมาหรือ

“ไม่…ทราบชะตากรรม!”

สิ่งมีชีวิตตนนั้นรีบตอบ “แม้ว่าตะเกียงฉางหมิงดับไปแล้ว ทว่ามิได้ระเบิด เช่นนี้หมายความว่าเกิดจากการตัดแก่นปราณเสี้ยวนั้น!”

ตะเกียงระเบิดถึงจะหมายความว่าตายลงแล้วจริง ๆ

หากตะเกียงเพียงแต่ดับมอดลงไป ทว่ามิได้ระเบิด ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเป็นหรือตาย

“นี่เขาถูกหลี่จิ่วเต้าจับตัวไว้หรือ!?”

ดวงหน้าชราของนายตำหนักย่อยมืดครึ้มเหลือคณา ราวกับว่าจะมีฝนตก

ตงฟางเวิ่นมิได้ถูกฆ่า แต่ถูกจับตัวไว้ มิฉะนั้นแก่นปราณที่เชื่อมต่อกับตะเกียงฉางหมิงจะถูกตัดขาดได้อย่างไร

“บัดซบนัก!”

เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดไม่ถึงเลยว่างานแรกที่กองกำลังฮวงเฉวียนของพวกเขารับในยุคสมัยนี้ก็ยากเย็นปานนี้

ไม่เพียงแต่เสียหายหนัก สูญเสียสมาชิกสำคัญคนแล้วคนเล่า ซ้ำร้ายยังไม่ได้ข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับภูมิหลังของหลี่จิ่วเต้าสักนิด!

บ้า…เอ๊ย!

หวนนึกถึงภารกิจต่าง ๆ ที่กองกำลังฮวงเฉวียนเคยรับในอดีต ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน!

หนนี้พวกเขาขาดทุนหนัก ขาดทุนยับเยิน!

“ยุคสมัยนี้เป็นบ้ากระไร เปิดทำการปุ๊บก็ขาดทุนย่อยยับ!

เขาเคียดแค้นเหลือแสน อย่าให้พูดเลยว่าทรมานใจเพียงใด

หนานเจี๋ยกับอู๋ฉียังดี แต่ตงฟางเวิ่นนั้นสำคัญมาก

เครือข่ายข่าวสารขั้นห้าสำคัญอย่างยิ่งยวด การบ่มเพาะสมาชิกแต่ละคนล้วนลำบากลำบนสุด ๆ และบัดนี้ต้องสูญเสียสมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้าไปหนึ่งคน ความผิดของเขา…ใหญ่หลวงนัก!

ด้านกองกำลังฮวงเฉวียนฐานหลักไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่!