บทที่ 427 โยนความผิดกันดื้อ ๆ อย่างนี้เลยหรือ โบ้ยทุกอย่างใส่ข้า!

รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人

บทที่ 427 โยนความผิดกันดื้อ ๆ อย่างนี้เลยหรือ โบ้ยทุกอย่างใส่ข้า!

นายตำหนักย่อยสีหน้าอึมครึม อย่าให้พูดเลยว่าสภาพจิตใจย่ำแย่เพียงใด

การบ่มเพาะสมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้าลำบากอย่างยิ่ง หากเสียไปอย่างนี้ไม่ต้องกล่าวถึงว่ากองกำลังจะปล่อยเขาไปหรือไม่ ลำพังตัวเขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดใจ!

เขาหยิบศาสตราสื่อสารออกมา เตรียมติดต่อตงฟางเวิ่น

ตงฟางเวิ่นถูกหลี่จิ่วเต้าจับตัว ต่อให้เขาใช้ศาสตราสื่อสารติดต่ออีกฝ่ายได้ ก็ไม่มีทางรอดสายตาหลี่จิ่วเต้า คนผู้นั้นต้องรู้แน่นอน

ทว่า เขาไม่คิดปิดบังหลี่จิ่วเต้าอยู่แล้ว

ที่เขาใช้ศาสตราสื่อสารติดต่อไป ก็เพราะต้องการคุยกับหลี่จิ่วเต้า ดูว่าอีกฝ่ายยอมปล่อยตงฟางเวิ่นกลับมาหรือไม่

หากราคารับได้ เขายินดีจ่ายเพื่อแลกตัวตงฟางเวิ่นกลับมา

ทว่าในไม่ช้า สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป

ศาสตราสื่อสารติดต่อไม่สำเร็จ ถูกตัดกลางคัน บ่งบอกว่าศาสตราสื่อสารฟากตงฟางเวิ่นถูกทำลายไปแล้ว

“บัดซบ!”

เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หลี่จิ่วเต้าทำลายศาสตราสื่อสารบนตัวตงฟางเวิ่น แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้เขาติดต่อได้อย่างไม่ต้องสงสัย

“ยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์!”

นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายดุดัน เตรียมปลดผนึกตงฟางเวิ่นจากระยะไกล สังหารตงฟางเวิ่นเสีย

หลี่จิ่วเต้าไม่อยากคุยกับพวกเขา เช่นนั้นก็หมดหนทาง เขาจำต้องหักใจฆ่าตงฟางเวิ่น ไม่ยอมให้หลี่จิ่วเต้าควบคุมตงฟางเวิ่น

แม้ว่าในตัวตงฟางเวิ่นมีผนึก ย่อมไม่มีทาง และไม่ยอมเผยข้อมูลภายในกองกำลังฮวงเฉวียนอยู่แล้ว ทว่าเก็บเขาไว้อย่างไรก็ไม่เป็นการดี หลี่จิ่วเต้าผิดธรรมชาติเกินไป ขืนเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นมาแล้วจะแย่ มิสู้สังหารตงฟางเวิ่นไปเสีย

“รายงานต่อเบื้องบน!”

เขามิรอช้า รายงานต่อสมาชิกกองกำลังฮวงเฉวียนซึ่งมีระดับสูงกว่า

สมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้าฐานะสูงส่ง เทียบกับนายตำหนักย่อยอย่างเขามิได้ด้อยกว่าเท่าไร เขาไม่มีความสามารถพอจะปลดผนึกในตัวตงฟางเวิ่น จำต้องขอให้สมาชิกกองกำลังฮวงเฉวียนซึ่งมีระดับสูงกว่าเป็นผู้ลงมือ

อีกด้าน ตงฟางเวิ่นบำเพ็ญต่อเนื่อง

ปรมัตถ์วิถีหมากล้อมที่ท่านเซียนทิ้งไว้ให้สูงส่งเกินหยั่งอย่างยิ่งยวด หากเป็นเขาในอดีต ไม่อาจตระหนักรู้แจ้งด้วยซ้ำ ต่อให้เขาเป็นถึงตี้หวงก็มิได้

ปรมัตถ์วิถีหมากล้อมระดับนี้เหนือกว่าขอบเขตที่ตี้หวงสามารถเข้าใจได้ เขาต้องใช้เวลาอย่างยาวนานในการตระหนักรู้แจ้ง แต่กระนั้นสิ่งที่รู้แจ้งก็คงไม่มาก เป็นเพียงผิวเผิน

ทว่าบัดนี้ต่างออกไป

ท่านเซียนเล่นหมากกับเขาหลายกระดาน เผยปรมัตถ์วิถีหมากล้อมให้เป็นอย่างสมบูรณ์แบบ เขาเข้าใจขึ้นมามากระหว่างที่เดินหมากด้วยกัน ยามนี้จึงบำเพ็ญรู้แจ้งได้โดยไม่เหนื่อย สบายยิ่ง

เวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อย ๆ พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งคืน เสียงกระหึ่มดังออกจากตัวเขา รุ้งมงคลส่องสว่างนับล้าน พลังปราณในตัวเดือดพล่านจนน่าทึ่ง เขาลืมตาขึ้น ดวงตาทอประกายเจิดจ้า สุริยันจันทราและดวงดาราล้วนหมุนวนอยู่ภายใน นภาอันไพศาลปรากฏให้เห็นเป็นครั้งคราว!

นี่ก็ได้เขาเตรียมการในพื้นที่แห่งนี้ไว้ล่วงหน้า ป้องกันมิให้ผู้อื่นเข้ามารบกวนยามเขาบำเพ็ญ มิฉะนั้น ด้วยรุ้งมงคลที่ส่องสว่างจากตัวเขาในตอนนี้ บดบังได้แม้แต่พระอาทิตย์บนผืนฟ้า!

เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นช้า ๆ สายโซ่รักษาระเบียบแห่งกฎแห่งสวรรค์และโลกปรากฏ รายล้อมว่ายวนตามฝ่ามือของเขา

เขาทำสำเร็จ ก้าวสู่ขั้นตี้จวินสำเร็จ!

เขาในตอนนี้ เพียงยกมือก็ยืมพลังกฎแห่งสวรรค์และโลกมาได้ เปลี่ยนกฎแห่งสวรรค์และโลกเป็นสายโซ่รักษาระเบียบ อยู่ใต้บัญชาของเขา

ตี้จวิน จักรพรรดิในหมู่จักรพรรดิ!

เป็นมหาขอบเขตที่แม้กระทั่งเต๋าสวรรค์ยังให้การยอมรับ เชื่อมสายสัมพันธ์กับเต๋าสวรรค์ เพื่อหยิบยืมพลังจากกฎแห่งสวรรค์และโลก

“เทียบกับท่านเซียน ไม่รู้ห่างกันตั้งมากเท่าใด!”

เขาสะท้อนใจเหลือคณา เมื่อนึกถึงฝีมือของท่านเซียน

ท่านเซียนกุมอำนาจกฎแห่งสวรรค์และโลก สร้างกระดานหมากล้อมด้วยกฎแห่งสวรรค์และโลกนับพันนับหมื่นได้ง่าย ๆ ถึงแม้ว่าเขาก้าวสู่ขั้นตี้จวินแล้ว กระนั้นยังยืมพลังจากกฎแห่งสวรรค์และโลกมาได้เสี้ยวเดียวเท่านั้น…

ท่านเซียนคือผู้กุมอำนาจ ส่วนเขาคือการยืม ซ้ำยังยืมกฎแห่งสวรรค์และโลกมาได้เพียงเสี้ยวเดียว…

ความห่างชั้นนี้มากกว่าฟ้ากับดินเสียอีก!

“ทลายผนึก!”

เขามิได้ลังเล เริ่มลงมือทันทีปล่อยพลังตี้จวินเต็มกำลัง อีกทั้งสำแดงปรมัตถ์แห่งวิถีหมากล้อมที่ท่านเซียนทิ้งไว้ให้ออกมา เพื่อลบล้างผนึกในตัวเขา

ตู้ม!

เสียงระเบิดกึกก้องดังออกจากตัวเขา เนื้อกายพังทลายเลือดสาดในบัดดล หากมีพลังภายนอกแทรกแซง ผนึกจะสะท้อนพลังนั้น

พลังสะท้อนนี่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด เนื้อกายตี้จวินของเขาไม่อาจทนได้แม้แต่เสี้ยวอึดใจ ถูกทำลายลงทันที

ทว่า พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมากพอ จึงต้านทานพลังสะท้อนนี้ไว้ได้!

และเขาเองก็รีบทำเวลาทลายผนึก

บนยอดเขาสูงใหญ่ ภายในตำหนักย่อยฮวงเฉวียน

“ยังไม่ได้อีกหรือ”

เบื้องหน้าม่านแสงมหึมาแห่งหนึ่ง นายตำหนักย่อยมีสีหน้าวิตกกังวล เดินวนไปเวียนมาไม่หยุด

เขารายงานสถานการณ์ขึ้นไปแล้ว และเสนอให้ปลดผนึกในตัวตงฟางเวิ่น เพื่อปลิดชีพอีกฝ่าย

ทว่าผ่านไปแล้วหนึ่งคืน เบื้องบนยังไม่ให้การตอบรับ

นายตำหนักย่อยพอเข้าใจได้

สมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้าสำคัญเป็นพิเศษ กองกำลังย่อมไม่อยากถอดใจง่าย ๆ บัดนี้คงกำลังหารือกันว่าจะจัดการอย่างไรดี

ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง มีภาพปรากฏบนม่านแสง ในนั้นแสดงให้เห็นสิ่งมีชีวิตในชุดคลุมยาวสีทองตนหนึ่ง

“เลี้ยงเสียข้าวสุก เศษสวะจริง ๆ!”

ทันทีที่สิ่งมีชีวิตในชุดคลุมยาวสีทองปรากฏออกมาก็ตำหนินายตำหนักย่อยอย่างโกรธเกรี้ยว

นายตำหนักย่อยถูกด่าจนมิกล้าส่งเสียงใด ๆ

ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของเขาเล่า

หากมิใช่ว่าเขารับภารกิจจากจักรพรรดิหาน ไม่ไปปลุกตงฟางเวิ่น ทุกเหตุกาณ์ในตอนนี้ย่อมไม่เกิดขึ้น

“ขยะจริง ๆ รีบรายงานหน่อยมิได้หรือ บัดนี้สิดี ผนึกในตัวตงฟางเวิ่นถูกคลายแล้ว การปลดผนึกจึงโดนตัดกลางคัน พวกเราอยากฆ่าเขาก็ฆ่าไม่ได้แล้ว!”

สิ่งมีชีวิตในชุดคลุมยาวสีทองต่อว่าอีกครั้ง

โอ้…โห!

หลังนายตำหนักย่อยได้ฟังคำกล่าวของสิ่งมีชีวิตในชุดคลุมยาวสีทองก็โมโหจนอวัยวะภายในแทบระเบิด

ไอ้เวรตะไล!

ด่าเขาเศษสวะด้วยเรื่องอื่นไม่เท่าไร ความผิดที่รายงานไม่ทันท่วงทีโทษเขาได้ด้วยหรือ

ไอ้…นรก หลังจากตะเกียงฉางหมิงของตงฟางเวิ่นดับ เขาก็รายงานขึ้นไปทันที นี่ยังไม่ทันการณ์อีกหรือ

เขานั้นทันการณ์ที่สุดแล้ว!

เป็นเพราะพวกเจ้ามัวเสียเวลาละล้าละลังอยู่ได้ หารือกันข้ามคืน ถึงได้สายเกินแก้!

นายตำหนักย่อยก่นด่าในใจไม่หยุด โยนความผิดกันดื้อ ๆ อย่างนี้เลยหรือ โบ้ยทุกอย่างใส่เขาหมด!

นอกจากนี้ เขาสะท้านใจอย่างมาก

หลี่จิ่วเต้าต้องแข็งแกร่งปานใด ถึงลบล้างผนึกในตัวตงฟางเวิ่นได้!

จุดที่น่ากลัวที่สุดของผนึกก็คือสามารถสะท้อนพลังอันแกร่งกล้า เริ่มระเบิดจากเนื้อกายจนถึงวิญญาณ อีกฝ่ายปกป้องตงฟางเวิ่นไว้ได้อย่างไร!?

“ดูเรื่องโง่เขลาแต่ละเรื่องที่เจ้าทำ! หากมิใช่ว่าสงครามแย่งชิงในยุคนี้ใกล้เริ่มขึ้นแล้ว เจ้าไม่มีทางมีชีวิตต่อไปได้ ต้องถูกประหารอย่างแน่นอน!”

สิ่งมีชีวิตในชุดคลุมยาวสีทองตะคอกเสียงเย็น “จากนี้ไปหัดอยู่เฉย ๆ เสียบ้าง ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ศึกช่วงชิงในยุคนี้ใกล้ปะทุ กองกำลังฮวงเฉวียนของเราแบกรับความเสียหายปานนี้ไม่ไหว!”

จากนั้น ภาพของเขาหายไป ม่านแสงนั้นก็หายไปด้วย

“เวร…เอ๊ย น่ารำคาญชะมัด เด็ก ๆ พาจักรพรรดิหานมาที่นี่!”

นายตำหนักย่อยสบถก่นด่า ส่งคนไปเรียกจักรพรรดิหานมา