เซียวลิ่วหลังหมดคำจะพูด
ความจริงแล้วเขาก็ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน ไม่รู้ว่าเด็กบ้านอื่นก็แปลกประหลาดเช่นนี้หรือไม่
บ้านเซวียหนิงเซียงไม่เป็นเช่นนั้นเลยสักนิด เสี่ยวโต้วติงนั้นเอาแต่กินอย่างเดียว ไม่เหมือนเณรน้อยที่กู้เจียวพากลับมา ในสมองแปลกพิกลไปหมดไม่รู้ว่าใส่อะไรลงไปบ้าง
เสี่ยวจิ้งคงที่รอคอยให้หอมๆ มีรากงอกออกมาอย่างสบายใจ กอดผ้าห่มหลับปุ๋ยไปแล้ว
ห้องตะวันตกยามนี้ภายใต้การจัดการดูแลและซ่อมแซมจากกู้เจียว จึงหายอับชื้นไปตั้งนานแล้ว ผ้าปูเพิ่งจะเอาไปตากแดดเมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งอ่อนนุ่มทั้งอบอุ่น
เสี่ยวจิ้งคงนอนหลับสบายมาก ใบหน้าน้อยๆ ราวกับเปี่ยมล้นไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
เซียวลิ่วหลังมองเสี่ยวจิ้งคงแวบหนึ่ง ไม่ได้สนใจอะไร ยังคงคัดตำราต่อไป
เซียวลิ่วหลังคัดอักษรไปได้หนึ่งบรรทัด คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย เขาวางพู่กันลง หยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน
เพียงไม่นานก็พบว่าอ่านตำราไม่ค่อยจะเข้าหัวแล้ว เขาขมวดคิ้วมุ่น
ครู่ต่อมาจึงหันหน้าไป สายตาตกลงบนร่างเณรน้อยที่นอนหลับแขนขาชี้ฟ้า
เขาลุกขึ้นยืน ยังไม่ถึงหน้าเตียงก็โน้มตัวลงเล็กน้อย ยื่นนิ้วเรียวยาวราวกับหยกออกไปแกะผ้าผืนบางที่พันรอบศีรษะของเสี่ยวจิ้งคงออก
เสี่ยวจิ้งคงหลับสนิทกระทั่งฟ้าผ่าก็ไม่ตื่น ไม่รู้ว่าพี่เขยนิสัยเสียทำเรื่องชั่วร้ายกับตนอีกแล้ว
เซียวลิ่วหลังมองใบหน้ารูปไข่แดงระเรื่อดวงน้อยของเขา ยื่นมือปีศาจออกไปอย่างชั่วร้าย ก่อนจะดึงออกจากใบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว!
กู้เจียวทำงานเสร็จสิ้น เดินมาห้องตะวันตกเพื่อเรียกเซียวลิ่วหลังไปทำกายภาพ
ประตูเปิดอ้าอยู่ นางจึงเดินเข้ามาอย่างโจ่งแจ้ง ผลสุดท้ายมาเห็นเซียวลิ่วหลังคร่อมอยู่บนเตียง มือเรียวประณีตดุจหยกสลักยุ่มย่ามอยู่บนใบหน้ารูปไข่ของเสี่ยวจิ้งคง ราวกับกำลังถอนหญ้าบางอย่างที่มองไม่เห็นออก!
มิหนำซ้ำเขายังตั้งอกตั้งใจถอนไม่น้อย ตั้งใจเสียยิ่งกว่าอ่านหนังสืออีก!
กู้เจียวมึนงงไปหมด
นี่กำลังทำอะไรน่ะ
ผีเข้าหรือไร
เห็นบัณฑิตผู้เฉื่อยชา เวลาเล่นกับเด็กนั้นอ่อนโยนเพียงนี้เลยหรือ
วันรุ่งขึ้น เสี่ยวจิ้งคงถูกกู้เจียวปลุกให้ตื่น
เสี่ยวจิ้งคงตื่นมาแล้วเรื่องแรกก็คือลูบผ้าผืนบางบนหน้าตัวเอง เห็นว่าผ้าผืนบางยังพันอยู่รอบหัวตัวเองอย่างไร้รอยขีดข่วน ก็ลอบถอนหายใจออกมา
หนึ่งค่ำคืนผ่านพ้นไปแล้ว รากน้อยๆ ต้องงอกออกมาแล้วแน่ๆ ต่อไปหอมๆ ของเจียวเจียวก็จะอยู่บนหน้าเขาตลอดไปแล้ว!
กู้เจียวทนไม่ไหวบอกเขาว่า รากเล็กๆ ของเมล็ดพันธุ์น้อยๆ ของเจ้าเจอเข้ากับมือมารเมื่อคืนนี้ โดนพี่เขยเจ้าถอนออกเกลี้ยงแล้ว!
เมื่อกินข้าวเสร็จ กู้เจียวก็ส่งเซียวลิ่วหลังไปหน้าหมู่บ้าน เมื่อก่อนนางล้วนไปส่งเอง ยามนี้มีเสี่ยวจิ้งคงแล้ว แม่จะ…เฮ้ยไม่สิ พี่จะไปส่งด้วยกันหมดเลย
สามคนในครอบครัวครบถ้วนอย่างประหลาด!
สิ่งที่ควรค่าแก่กายเอ่ยถึงก็คือ เซียวลิ่วหลังสอบระดับตำบลได้ที่หนึ่ง ชื่อเสียงในเมืองโด่งดังไม่น้อย คนที่มาหาเขาเพื่อให้คัดลอกตำราก็มีไม่น้อยเช่นกัน แต่เพื่อให้เขาเตรียมตัวสอบอย่างสบายใจ กู้เจียวจึงไม่อนุญาตให้เขารับคัดลอกตำรามาจุนเจือค่าใช้จ่ายในบ้านแล้ว
หลังจากเซียวลิ่วคัดลอกตำราที่ก่อนหน้านี้รับปากไว้เสร็จเรียบร้อย รับเงินมาสิบตำลึง จำนวนคัดตำรานี้ยังไม่ถึงครึ่งของเมื่อก่อนเลย ทว่าเงินกลับเพิ่มขึ้นหลายเท่านัก
เขามอบเงินที่หามาได้ทั้งหมดแก่กู้เจียว ต่อไปไม่รับงานคัดลอกตำราอีกแล้ว
วันที่สอบขุนนางระดับจังหวัดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ บรรดาผู้เข้าสอบเริ่มวุ่นกันขึ้น
การสอบขุนนางระดับตำบลและจังหวัดในรัชสมัยนี้เร็วกว่ารัชสมัยก่อนหน้า ปลายเดือนสอง บรรดาผู้เข้าสอบก็ต้องออกเดินทางไปสำนักจัดสอบของหัวเมืองเพื่อเข้าร่วมสอบ
กู้เจียวจัดสัมภาระห่อเสื้อผ้าให้เซียวลิ่วหลังเรียบร้อย นอกจากเสื้อผ้ากับเงินแล้ว ยังใส่ยาฉุกเฉินหลายขวดที่หยิบออกมาจากกล่องยาเล็กๆ เอาไว้ด้วย เพื่อป้องกันเขาเดินทางไกลแล้วเมารถ และเผื่อว่าเขาไม่ถูกกับน้ำกับดินแล้วปวดท้อง
รถม้าที่ไปในเมืองเจ้าสำนักเป็นคนจัดเตรียมให้ คนขับรถก็เป็นของสำนักบัณฑิต จึงคุ้นทางดีกับเส้นทางหัวเมือง
ฟ้ายังไม่ทันสาง คนขับรถก็ขับรถม้ามาในหมู่บ้านแล้ว เฝิงหลินรออยู่ในเมือง เขาลาเรียนกับสำนักบัณฑิต เดินทางไปหัวเมืองเป็นเพื่อนเซียวลิ่วหลัง
กู้เจียวหยิบห่อผ้าขึ้นรถ ถือโอกาสเอาถุงเงินใบหนึ่งให้คนขับรถด้วย “ลำบากเจ้าแล้ว”
“ไม่เลย ไม่เลย!” คนขับรถรับคำสั่งของเจ้าสำนักให้มาส่งเซียวลิ่วหลังไปสอบขุนนางระดับจังหวัด เขาไม่เคยเห็นเจ้าสำนักห่วงใยเอาใจใส่ลูกศิษย์คนไหนเท่านี้มาก่อน ย่อมไม่กล้าแอบรับผลประโยชน์ส่วนตัวจากกู้เจียว
ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสำนักเป็นคนสัตย์ซื่อ หากให้เจ้าสำนักรู้ว่าเขารับสินบนมา ต้องไล่เขาออกจากสำนักบัณฑิตแน่นอน
กู้เจียวเอ่ยว่า “รับไว้เถิด อั่งเปาที่มอบให้เจ้าสำนักเยอะกว่าที่ให้เจ้าเสียอีก”
คนขับรถ “…”
ในห้องน้ำอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวจิ้งคงกับเซียวลิ่วหลังกำลังแสดงการสนทนาระหว่างบุรุษกันยกหนึ่ง
เสี่ยวจิ้งคงสีหน้าเคร่งขรึม “จะพูดคุยหรือไม่”
“พูดคุยอะไร” เซียวลิ่วหลังอารมณ์แจ่มใส
เสี่ยวจิ้งคงปรายตามองเขาพลางเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องหันหลังให้ข้าแล้วฉี่ๆ หรอก ข้าไม่มีทางแอบดูเจ้า”
เซียวลิ่วหลังสีหน้าไร้อารมณ์ “เข้าประเด็นที”
เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยหน้าเคร่งขรึม “ได้ยินว่าเจ้ากับเจียวเจียวแต่งงานกันมาตั้งนานนมเพียงนี้แล้วยังไม่เคยออกจากบ้านไปไกลเลย”
เซียวลิ่วหลังเลิกคิ้วเอ่ยว่า “แล้วอย่างไรเล่า”
เสี่ยวจิ้งคงมองไปเบื้องหน้า “ที่บ้านค่อนข้างเป็นห่วงเจ้า”
เซียวลิ่วหลังฉีกยิ้มมุมปากเรียบๆ “เหอะ”
เสี่ยวจิ้งคงยกฝ่ามือน้อยๆ ขึ้นอย่างเคร่งขรึม ทำท่าห้ามไม่ต้องพูดแล้ว “เจ้าไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไป สอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียรอให้ข้าโตขึ้นแล้ว ข้าจะสอบให้ผ่านก็ได้แล้ว ที่บ้านไม่ต้องพึ่งพาเจ้า ข้าดูแลไหว!”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นจากกระโถนเล็กๆ ด้วยมาดอันเต็มเปี่ยม สวมกางเกงตัวน้อยเสร็จ ก็ออกไปด้วยความโอหัง!
เซียวลิ่วหลังที่แค่มาปลดทุกข์ก็พบกับสายตาดูถูก “…”
ช่างเป็นเณรน้อยโอหังอวดดีอะไรเช่นนี้!