บทที่ 149 ความเปลี่ยนแปลงของดินแดนมนต์ดํา
เมอร์ลินได้เลือกคาถาระดับหนึ่งแล้วดังนี้มีคาถารูปปั้นผู้พิทักษ์ สายลมแห่งอิสระและน้ําค้างเยือกแข็ง หากรวมกับเพลิงพิโรธที่เขาได้รับจากภารกิจที่เมืองดอนกลิน ทําให้ตอนนี้เขามีคาถาระดับถึงสี่คาถาแล้ว
คาถาต่อไปที่เขาจะเลือกเป็นคาถาธาตุสายฟ้ากับความมืด ในระหว่างที่เขากําลังจะเลือก เขามองไปที่ด้านนอกของหอสมุด เขาพบว่าตอนนี้มืดมากแล้ว เขาใช้เวลาเลือกคาถาธาตุน้ําแข็งนานเกินไป
“งั้นพอแค่นี้ก่อนล่ะกัน ไว้ค่อยกลับมาเลือกใหม่ในวันหลัง”
จากนั้นเมอร์ลินก็ออกจากหอสมุด เขามาที่นี่เพื่อมาหาค้นหาคาถาที่ถูกใจเพื่อนําขอแลกกับพ่อมดลีโอ ทางด้านพ่อมดชุดเทาเห็นเมอร์ลินเดินผ่านไปเลยโดยที่ไม่แลกเปลี่ยนอะไร นั่นทําให้เขารู้สึกประหลาดใจเนื่องจากเมอร์ลินใช้บนชั้นสองนานมาก
เมื่อกลับมาถึงมาถึงหอคอยพ่อมดลีโอ เมอร์ลินเดินตรงขึ้นไปชั้นบนสุดและพบกับพ่อมดลีโออีกครั้ง
“เป็นอย่างไงบ้าง เจ้าเลือกคาถาได้แล้วรึยัง” พ่อมดลีโอดูเหมือนจะอารมณ์ดี ในขณะที่เขาถามอย่างเย็นชา
เมอร์ลินได้บอกคาถาที่เขาเลือกไว้ก่อนหน้านี้ “พ่อมดลีโอ ผมยังเลือกคาถายังไม่เสร็จ ผมได้ตัดสินเลือก รูปปั้นผู้พิทักษ์ สายลมแห่งอิสระและน้ําค้างเยือกแข็ง” เมอร์ลินจ้องมองท่าทีของพ่อมดลีโอหลังจากที่พูดชื่อคาถาออกไป
พ่อมดลีโอยักคิ้วช้าๆ และพูดว่า คาถารูปปั้นผู้พิทักษ์กับสายลมแห่งอิสระ โครงสร้างของสองคาถานี้ไม่ง่ายเท่าไหร่ สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างง่าย ๆ แต่คาถาน้ําค้างเยือกแข็ง มันเป็นหนึ่งในคาถาที่มีโครงสร้างซับซ้อนที่สุดในหมู่ของคาถาระดับหนึ่งและอีกอย่างเจ้ามีเวลาเหลืออยู่ในดินแดนมนต์ดําอีก 2ปี เจ้าคิดว่ามีเวลาพอที่จะสร้างโครงเวทมนต์จะคาถาที่มีความซับซ้อนขนาดนี้”
พ่อมดลีโอรู้ว่าโครงสร้างเวทมนต์คาถานี้นั้นซับซ้อนเพียงใด แม้ว่ามันจะเป็นคาถาที่แข็งแกร่ง และทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อแต่ด้วยความยากมันก็ใช่ว่าเป็นตัวเลือกที่ฉลาด
แต่ทว่าพ่อมดลีโอไม่รู้ว่า เมอร์ลินมีเดอะเมทริกซ์ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการสร้างโครงสร้างเวทมนต์แต่เขาจะอธิบายเรื่องให้พ่อมดลีโอยังไง มันเป็นที่เขาคิดไม่ตกจริง ๆ
ในขณะที่เมอริ้ลนกําลังลังเลที่จะพูดเรื่องนี้ พ่อมดลีโอได้หมดความอดทน เขาโบกมือและพูดว่า
“เข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีเหตุผลบางอย่างในการตัดสินใจ ถ้าไม่อยากบอกข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร ข้าจะทําตามสัญญาที่ให้กับเลือก อืม..จากคาถาที่เจ้าเลือกมาคาถารูปปั้นผู้พิทักษ์กับคาถาสายลมแห่งอิสระ ข้ามีมันอยู่กับตัว ส่วนคาถาน้ําค้างเยือกแข็งนั้นข้าต้องบอกให้พ่อมดชุดเทาส่งตําราคาถาน้ําค้างเยือกแข็งมาให้ข้า”
หลังจากพูดจบตําราคาถาสองอันก็ปรากฏขึ้นมามือของพ่อมดลีโอทัน มันเป็นคาถารูปปั้นผู้พิทักษ์กับสายลมแห่งอิสระที่เมอร์ลินต้องการ ส่วนคาถาน้ําค้างเยือกแข็ง เขาต้องแลกมันมาด้วยแต้มสนับสนุนของเขา
อย่างไรก็ตามพ่อมดลีโอไม่จําเป็นต้องไปที่หอสมุดด้วยตัวเอง เขาทําการดึงอักษรรูนลึกลับออกมา มันเริ่มส่องแสงจาง ๆ และหายไปพริบตา
เมอร์ลินไม่รู้เรื่องศาสตร์ของอักษรุนมากนัก แต่เขาเข้าใจว่ามันสามารถใช้ส่งข้อความได้ พ่อมดลีโอที่เชี่ยวชาญในศาสตร์อักษรรูนดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายสําหรับเขา
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกประตู จากนั้นพ่อมดชุดเทาได้เดินเข้ามาให้ห้องเขาส่งตําราเวทมนต์ให้พ่อมดลีโอและพูดด้วยความเคารพว่า “พ่อมดลีโอ นี่คือคาถาน้ําค้างเยือกแข็งที่ท่านขอ”
“อืม…เจ้าออกไปได้แล้ว” พ่อมดลีโอกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อพ่อมดชุดเทาเงยหน้าขึ้นมาก็ตกใจ เขาจําเมอร์ลินที่มาหอสมุดเมื่อก่อนหน้านี้ได้
หลังจากที่พ่อมดชุดเทาไปแล้ว พ่อมดลีโอก็ชี้ไปที่คาถาน้ําค้างเยือกแข็งและพูดอย่างเยือกเย็นว่า “เจ้าแน่ใจจริง ๆ ใช่มั้ยว่าต้องการเลือกคาถาบทนี้ถ้าหากเจ้าไม่สามารถทําได้สําเร็จ เจ้าจะต้องแลกคาถาบทอื่นด้วยแต้มของตัวเอง”
ลีโอได้ทําตามสัญญาที่ให้ไว้กับเมอร์ลินด้วยเหตุนี้เขาจึงมอบคาถาระดับหนึ่งให้ฟรี ถ้าหากคาถาไม่มีความเข้ากันกับตัวเมอร์ลิน เขาต้องแลกมันด้วยแต้มของเมอร์ลินที่หอสมุด
เมอร์ลินคิดไม่นานนักและตอบโดยไม่ลังเล “อาจารย์ลีโอ ผมจะไม่เสียใจในการเลือกครั้ง ถ้าผมไม่สามารถสร้างคาถาน้ําค้างเยือกแข็งได้ ผมจะไปแลกคาถาบทอันที่หอสมุดเอง”
พ่อมดลีโอพยักหน้าและโบกมือ เขาส่งตําราคาถาน้ําค้างเยือกแข็งให้ตกไปที่มือของเมอร์ลิน
“เอาล่ะ เจ้าออกไปได้แล้ว ส่วนคาถาที่เหลือไม่ค่อยมาบอกกับข้าเมื่อเจ้าสามารถตัดสินใจได้”
เมอร์ลินขอตัวออกจากห้องของพ่อมดลีโอและเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง
ตอนนี้เขาขาดแค่คาถาธาตุไฟฟ้ากับความมืดก็จะครบทั้งหกคาถาแล้ว หากได้มาครบสิ่งต่อไปที่เขาต้องทําก็คือการเพิ่มพลังจิตด้วยเทคนิคการทําสมาธิขั้นสูงซึ่งผลลัพธ์ของมันยอดเยี่ยมมาก เมอร์ลินวางแผนที่จะทําให้พลังจิตของเขาบรรลุไปที่นักเวทย์ระดับสองให้โดยเร็วที่สุด
เมื่อพลังจิตของเขาถึงระดับนั้นแล้ว เขาก็สามารถจําลองคาถาระดับหนึ่งได้ เมื่อถึงเวลาที่พลังจิตของเขาสามารถรองรับคาถาทั้งหก เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะประสบความสําเร็จในการจําลองคาถาลงในจิตใต้สํานึก
ด้วยเหตุนี้เขาเก็บคาถาเห่านี้ไว้ในแหวนเก้บของของเขาแล้เริ่มทําการนั่งสมาธิ
ครึ่งเดือนต่อมา เมอร์ลินลืมตาขึ้นและเปยรอมยิ้มออกมา
“ในที่สุด พลังจิตของฉันก็มาถึงระดับสองแล้ว”
เมอร์ลินดีใจมาก พลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าในเวลาเพียงครึ่งเดือน หากเขาใช้เทคนิคการทําสมาธิขั้นเหมือนเมื่อก่อน เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีถึงจะทําสําเร็จ
ในช่วงครึ่งเดือนนี้ เขาแทบจะไม่ออกจากห้องของเขาเลย ตอนนี้พลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นแล้ว เขาสามารถสรเงคาถาระดับหนึ่งได้แล้ว เขายังไม่ได้ลงเตรียมสร้างทันทีแต่เขาไปที่หอสมุดก่อนที่จะไปเลือกคาถาธาตุมืดกับไฟฟ้าที่เหลืออยู่
หลังจากจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาจึงจะพิจารณาสรเงคาถาระดับหนึ่ง เมอร์ลินได้ประสบพบเจอความล้มเหลวมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาจึงไม่อย่างล้มเหลวอีก ดังนั้นเขาต้องทําทุกอย่างให้พร้อมก่อนที่จะลงมือสร้างคาถา
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เมอร์ลินได้ลุกขึ้นและออกจากหอคอยไป
เมื่อเขาไปถึงหอสมุด เมอร์ลินเห็นเอเนน่าที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นและกระโปรง เธอกําลังสนทนากับแม่มดอย่างสนุกสนานกับแม่มดสองสาวคน ในระหว่างที่พวกเธอคุยกันก็ส่งเสียงหัวเราะเป็นครั้งคราว ทําให้ดึงดูดสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา
แม้ว่าทั้งชายและหญิงจะสามารถเป็นนักเวทย์ได้แต่จํานวนแม่มดในดินแดนมนต์ดําถือว่าน้อยมาก
“ พ่อมดเมอร์ลิน!” เอเลน่ามองเมอร์ลินอย่างประหลาดใจ เสียงของได้ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย
เมอร์ลินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เอเลน่านั้นร่าเริงเกินไป เธอดูไม่เหลือนักเวทย์ทั่วไปเลย ปกตินักเวทย์จะปล่อยออร่าที่ลึกลับออกมาซึ่งเธอไม่มีในส่วนนั้นเลยแม้แต่น้อย
“พ่อมดเมอร์ลิน ในที่สุดคุณก็ออกจาห้องแล้ว เรากําลังพูดถึงคุณอยู่พอดีเลย”
“พูดถึงฉันเหรอ?” เมอร์ลินจ้งอมองเอเลน่าอย่างสงสัย
เอเลน่าพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “พวกเรากําลังพูดกันว่า ถ้าหากคุณสามารถเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง ทุกคนในดินแดนมนต์ดําจะต้องตกใจจนตาแทบจะถลนออกมาแน่นอน” หลังจากพูดจบเธอก็ดึงเมอน์ลินมาทางเธอและพูดว่า “พ่อมดเมอร์ลิน คุณมักจะอยู่แต่ในหอคอยแทบจะไม่ออกมาเลย คุณไม่รู้จักนักเวทย์นักเวทย์ที่อยู่หอคอยใกล้ ๆ ใช้มั้ย เดี๋ยวฉันจะแนะนําให้รู้จักกับนักเวทย์ที่อาศัยอยู่ใกล้กับหอคอยของเรามากที่สุดเอง”
เอเลน่าได้ลากเมอร์ลินไปรอบ ๆ และแนะนําให้เขารู้จักกับพวกแม่มด เมอร์ลินรู้สึกหมดหนทางและปล่อยให้เธอทําตามที่เธอต้องการ
เขาได้ยิ้มทักทายเหล่าแม่มดที่เอเลน่าแนะนํา ในระหว่างนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสาแสงสีขาวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
นักเวทย์เกือบทั้งหมดค่อย ๆ สังเกตเห็นเสาแสงนั่น ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายกว่า ๆ แต่เสา แสงต้นนั้นกลับสว่างกว่าแสงแดดยามบ่าย แสงนี้มาจากหอคอยที่สูงที่สุดให้ดินแดนมนต์กํา จากนั้นแสงได้แตกกระจายปกคลุมไปทั่วอาณาเขตของดินแดนมนต์ดํา
“มันเกิดอะไรขึ้น”
“มันมาจากหอคอยของนักเวทย์ระดับเจ็ด มีอะไรเกิขึ้นรึเปล่า?”
นักเวทย์หลายคนรู้สึกแปลกใจ พวกเขาไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน พ่อมดชุดเทาหลายคนออกมาจากหอสมุด สีหน้าของพวกเขาดูเคร่งขรึมเมื่อเห็นแสงสว่าง
“นักเวทย์ทั้งหมด กลับไปที่หอคอยของตัวเองเดี๋ยวนี้”
เหล่านักเวทย์ต่างพากันสับสน เสียงของพวกเขาดังก้องไปทั่วบริเวณ
ทางด้านเอเลน่าที่ปกติร่าเริงตลอดเวลากลับแสดงสีหน้าที่จริงจังออกมา เธอได้พึมพําเบา ๆ ว่า “มันต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก พ่อมดเมอร์ลิน เรารีบกลับไปที่หอคอยกันเถอะ”
เมอร์ลินพยักหน้า เขาไม่มีรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมาดินแดนมนต์ดําที่สามารถทําให้นักเวย์ระดับเจ็ดออกมาเคลื่อนไหวได้
ส่วนนักเวทย์คนอื่น ๆ ให้บริเวณนั้น พวกเขาต่างรีบกลับไปที่หอคอยของพวกเขาอย่างเร่งรีบ
เมอร์ลินกับเอเลน่าได้กลับมาถึงหอคอย พวกเขาสังเกตเห็นว่านักเวทย์หลายคนกลัยมาที่นี่แล้วเช่นกัน
พวกเขาส่วนใหญ่เมอร์ลินแทบจะไม่รู้จักหรือคุ้นหน้าเลย พวกเขามักจะไปทําธุระของตนเอง โดยไม่สนใจใคร มันจึงยากมากที่ได้พบเจอพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ นักเวทย์เหล่านั้นได้มารวมตัวที่โถงกว้างของหอคอยแล้ว
เอเลน่ามองไปรอบ ๆ และพูดด้วยน้ําเสียงที่แผ่วเบาว่า “ตอนนี้นักเวทย์ของหอคอยพ่อมดลีโอทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว ยกเว้นนักเวทยออกไปทําภารกิจ”
เมอร์ลินพยักหย้า พวกนักเวทย์ที่อยู่ไกลคงจะได้รับการติดต่อผ่านอักษรรูนแต่พวกเขาอยู่ไกลเกินไปเลยเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาในทันที
*ครืน*
ทันใดนั้นเองวงแหวนเวทย์ได้ปรากฏขึ้นบนพื้นและร่างเงาของอาจารย์ลีโอได้ปรากฏขึ้นมา
“อาจารย์ลีโอ” ทุกคนต่างแสดงความเคารพอย่างสุภาพ ทันที่ที่ได้เขา
สีหน้าของพ่อมดลีโอดูมืดมน ดวงตาแนวตั้งสีเลือดได้เบิกกว้าง มันทําให้เหล่านักเวทย์รู้สึกกดดันอย่างมาก
ตอนนี้ทุกคนรู้สึกกดดันอย่างมาก ไม่มีใครกล้าที่จะสูดหายใจเข้าไป เนื่องจากท่าทางของพ่อมดลีโอดูโกรธอย่างเห็นได้ชัด
มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดทําไมพ่อมดลีโอถึงได้แสดงความโกรธเคืองออกมาแบบนี้?