WS บทที่ 150 ออสมู
ดวงตาสีเลือดแนวตั้งบนหน้าผากของพ่อมดลีโอจ้องมองไปที่เหล่านักเวทย์ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็พูดว่า
“ข้ามีเรื่องสําคัญจะพูกับพวกเขา ในสามวันหลังจากนี้ นักเวทย์ที่อยู่ต่ํากว่าระดับสี่ลงไป พวกเจ้าทั้งหมดต้องเก็บข้าวของทั้งหมดและออกจากดินแดนมนต์ดํา”
เหล่านักเวทย์ต้องพากันตกใจและแลกเปลี่ยนสายตา พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันร้ายแรงถึงขนาดที่ทําให้นักเวทย์ที่ต่ํากว่าระดับสี่ทุกคนต้องออกจากดินแดนมนต์ดํา
นักเวทย์หลายคนที่อยู่ในดินแดนมนต์ดํามากว่าสองทศวรรษ ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
“อาจารย์ลีโอ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เราทุกคนล้วนเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการที่ลงนามในสัญญากับดินแดนมนต์ดํา เราต้องช่วยองค์กรของเราหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
คนที่พูดคือพ่อมดฮาวล์ เขาเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดนมนต์ดํา การจะเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการนั้น นอกจากจะเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแล้ว ยังจะต้องลงนามในสัญญากับทางดินแดนมนต์ดําด้วย
แม้พ่อมดลีโอจะไม่ใส่ใจกับลูกศิษย์ในหอคอยมากนักแต่ก็ยังมีนักเวทย์ที่สามารถก้าวขึ้นเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งได้จํานวนหนึ่ง
พวกนักเวทย์เหล่านี้ได้ลงนามสัญญากับดินแดนมนต์ดําเพื่ออยู่ที่นี่ หากดินแดนมนต์ดําเกิดปัญหา พวกเขาจําเป็นต้องรวมตัวและทํางานร่วมกันกับนักเวทย์หอคอยอื่น ๆ เพื่อขจัดปัญญา
นี่เป็นอํานาจของสัญญาทําให้พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงหน้าที่นี้ได้
พ่อมดลีโอพยักหน้าเล็กน้อยและสีหน้าของเขาได้อ่อนลง แม้ว่าจะยังมืดอยู่ก็ตาม เขาได้อธิบายด้วยน้ําอันหนักแน่น
“เรื่องนี้เป็นสิ่งที่นักเวทย์ที่ต่ํากว่าระดับสี่ไม่สามารถรับมือได้ ถึงข้าจะไม่บอกพวกเจ้าในตอนนี้ แต่อีกไม่ช้าก็เร็วพวกเจ้าก็รู้อยู่ดี”
พ่อมดลีโอเงียบไปครู่หนึ่งและพูดออกมาอย่างช้า ๆ “ไคลส์ได้ทรยศติอดินแดนมนต์ดําและไปเข้าร่วมกับออสมู!!”
“ไม่จริง!! ไคลส์ทรยศต่อดินแดนมนต์ดํา”
“เขาเป็นนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในดินแดนมนต์ในรอบร้อยปี เขาได้สร้างคาถาห้าธาตุได้ในเวลาอันสั้นละตอนนี้อยู่จุดสูงสุดของนักเวทย์ระดับสามแล้ว อีกไม่นานเขาก็จะกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่ เมื่อเขาทําสําเร็จ เขาก็จะสามารถสร้างหอคอยของตัวเองในดินแดนมนต์ดําได้
ไม่เพียงเท่านั้น หากเขากลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่ เขาก็จะมีพลังที่แข็งแกร่งเทียบเท่านักเวทย์ระดับหก ทางดินแดนมนต์ดําดูแลเขาอย่างดีเสมอมา เหตุใดเขาถึงกล้าที่จะทรยศต่อดินแดนมนต์ดํา”
เหล่านักเวทย์ต่างรู้จักหรือไม้ยินชื่อของไคลส์ แต่สําหรับเมอร์ลินเพิ่งจะมาได้ยินเมื่อไม่นานมานี้ ตัวเขามักจะถูกเปรียบเทียบกับเขาอยู่บ่อยครั้ง
ไคลส์นั้นถือว่าเป็นบุคคลในตํานานของดินแดนมนต์ดํา ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขาได้รับเลือกให้เป็นลูกศิษย์ของนักเวทย์ระดับเจ็ดในฐานะที่เขาเป็นนักเวทย์ห้าธาตุ นอกจากนี้เขาได้ใช้เวลา 12ปี จากนักเวทย์ระดับเริ่มต้นขึ้นสู่นักเวทย์ระดับสาม ด้วยความเร็วระดับนี้มีเพียงอัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้นที่ทําได้
หากเขาสามารถหายเป็นนักเวทย์ระดับสีได้ ตัวเขาจะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่านักเวทย์ระดับหก ดังนั้นเหล่านักเวทย์ดินแดนมนต์ดําต่างคาดหวังว่าไคลส์จะกลายเป็นนักเวทย์ระดับได้เร็ว
แต่ทว่าไคลส์กลับทรยศต่อความความหวังของดินแดนมนต์ดําและหันหน้าไปหาออสมู
สําหรับเรื่องของออสมูนั้น มีเพียงนักเวทย์ไม่กี่คนเท่านั้นจะรู้จักชื่อนี้
“เอาล่ะ พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม พวกเจ้าต้องออกจากดินแดนมนต์ดําอีกสามวัน สงครามกําลังจะปะทุในอีกไม่ช้า มันเป็นสงครามระหว่างนักเวทย์!”
แม้พ่อมดลีโอจะดูสงบแต่รู้สึกของเขาฟังดูกดดันมาก ดวงตาสีเลือดของเขา ช่างดูน่าขนลุกจนทําให้สันหลังของใครกลายคนสั่นสะท้าน
สงครามระหว่างนักเวทย์ ไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว นักเวทย์หลายคนได้ทราบเรื่องนี้จะหนังสือโบราณบางเล่มเท่านั้น
“อาจารย์ลีโอ พวกเราจะกลับมาได้เมื่อไหร่ขอรับ”
มีนักเวทย์คนหนึ่งรวบรวมคามกล้าถามออกมาอย่างระมัดระวัง กว่าพวกเขาจะเข้ามาในดินแดนมนต์ดํานั้นต้องผ่านอุปสรรคมากมาย มันจึงเป็นเรื่องยากที่จําทําใจออกไปจากสถานที่แห่งนี้
พ่อมดลีโอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบว่า “น่าจะอีกนานมาก พวกเจ้าเก็บแหวนมนต์ดําให้ดี ข้าจะแจ้งให้พวกเขากลับทันที่ที่สถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว”
ฝูงชนพยักหน้า นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาทําได้ตอนนี้ จากนั้นพวกเขาได้แยกย้ายไปเก็บข้าวของ
ในระหว่างที่เมอร์ลินที่กําลังคิดวางแผนที่จะออกไป จู่ ๆ พ่อมดลีโอก็มาหาเขาและพูดอย่างเย็นชาว่า
“เมอร์ลิน เจ้ายังเหลือคาถาอีกสองคาถา เจ้ารีบไปเลือกพวกมันมาโดยเร็ว”
เมอร์ลินพยักหน้าอย่างเข้าใจความคิดของลีโอ ก่อนที่เขาจะออกจากดินแดนมนต์ดํา เขาจําเป็นต้องเตรียมคาถาระดับหนึ่งให้พร้อมเสียก่อน
“เมื่อเลือกได้แล้วก็รีบมาหาข้านะ”
หลังจากพ่อมดลีโอกล่าวเสร็จ ความผันผวนธาตุลมได้ปรากฎรอบตัวเขา จากนั้นก็บินตรงไปยังหอคอยสูง
ทางด้านเมอร์ลิน เขาไม่สามารถชักช้าได้อีกต่อไป เขามุ่งตรงไปที่หอสมุดทันที เขาต้องรีบเลือกคาถาระดับธาตุไฟฟ้ากับมีดให้เร็วที่สุด
ในหอคอยของนักเวทย์ระดับเจ็ด เหล่านักเวทย์ระดับสี่ขึ้นไปมารวมตัวกันที่นี่
“ทุกคนอยู่ครบมั้ย?” ชายชราผมขาวและสวมแหวนมรกตขนาดใหญ่ ถามด้วยน้ําเสียงอันแหบแห้ง
นักเวทย์ส่วนใหญ่ของดินแดนมนต์ดําได้มารวมตัวกันที่นี่ละมีประมาณ 40คนในดินแดนมนต์
“พ่อมดฮิวเซียส พวกเรามากันเกือบครบแล้ว คนที่ไม่ได้มาที่นี่ พวกเขาอยู่ห่างไกลจากดินแดนมนต์ดําเลยไม่สามารถมาได้ในตอนนี้ ท่านบอกพวกเราทีว่าคนของออสมู มันอยู่ที่ไหน” พ่อมดลีโอถามด้วยน้ําเสียงเย็นชา สีหล้าของเขาน่ากลัวมาก แม้แต่นักเวทย์ระดับสี่ขึ้นไปยังรู้สึกกลัวเขา
พ่อมดฮิวเซียสเป็นหนึ่งในนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนมน์ดํา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกรธที่ถูกลีโอขัดจังหวะ น้ําเสียงของเขาบ่งบอดว่า เขาปฏิบัติต่อลีโอในสถานะที่เท่าเทียม
“ข้าแน่ใจว่าทุกคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ใช่ นักเวทย์อัจฉริยะของเราไคลส์ได้ทําการทรยศต่อดินแดนมนต์ดําและไปเข้าร่วมกับออสมู นี่เป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดเท่าที่ดินแดนมนต์ดําต้องเผชิญ”
เสียงของพ่อมดฮิวเซียสดังก้องไปทั่วห้องโถงราวกับพายุหายนะ มันสร้างความหวาดกลัวให้กับนักเวทย์หลายคน
“เจ้าโง่ หยุดพูดอะไรไร้สาระสักที บอกพวกเรามาเร็ว ๆ ว่าชาวออสมู พวกมันอยู่ที่ไหน” ดวงตาสีแดงได้กะพริบเล็กน้อย ดูเหมือนว่าลีโอจะไม่กลัวพ่อมดฮิวเซียสเลย
“เอ่อ…”
นักเวทย์หลายคนต่างตกตะลึง พวกเขาพอจะรู้ว่าพ่อมดลีโอเป็นคนหยิ่งทนงแต่ไม่เคยหยาบคาย อย่างไรก็ตามนี้เป็นครั้งแรกที่เขากล้าเรียกพ่อมดิวเซียสว่า “เจ้าโง่” ในที่สาธารณะ
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ พ่อมดฮิวเซียสดูเหมือนจะไม่โกรธเลย เขายิ้มและตอบไป
“อย่าเพิ่งใจร้อนไปพ่อมดลีโอ ออสมูต้องเข้ามาอย่างเต็มกําลังแน่นอนในศึกครั้งนี้แน่นอน นอกจากนี้ไม่ใช่แค่ดินแดนมนต์ดําเท่านั้นที่เจอเหตุการณ์เช่นนี้ ที่เมืองแห่งอัคคีมีอัจฉริยะสองคนได้ทําการทรยศและเข้าร่วมกับออสมูเช่นกัน นอกจากนี้ก็มีหอคยอเวจีด้วย ข้าได้ยินมาว่าอัจฉริยะคนนั้นกําลังพัฒนาดวงใจแห่งความมืดใกล้จะสําเร็จแล้วด้วย ดูเหมือนว่าศึกครั้งนี้พวกเราจะไม่ได้สู้เพียงลําพัง พันธมิตรของเราประกอบด้วยหอคอยอเวจี เมืองแห่งอัคคี แคว้นแห่งธุลีและองค์กรอื่นๆ พวกเราผนึกกําลังเพื่อต่อสู้กับออสมู!” น้ําเสียงของฮิวเซียสฟังดูจริงจังและหนักแนนมาก เขาเองก็โกรธแค้นพวกออสมูเช่นด้วยกัน
นักเวทย์ระดับขึ้นสี่ขึ้นไป ส่วนใหญ่รู้จักออสมูเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังได้ยินข่าวลือมากมายจากพวกเขา
มีข่าวลือเล่าว่ามีเพียงอัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมกับออสมูได้ หากปรากฏอัจฉริยะขึ้นที่ใด ออสมูจะใช่ทุกวิถีทางเพื่อดึงอัจฉริยะเหล่านั้นเข้าร่วมกับออสมู
ออสมนั้นถูกสร้างขึ้นโดยเหล่านักเวทย์ที่มีพรสวรรค์ทั้งหมด โดยชื่อของ “ออสมู” มันเป็นคํามาจากภาษามอลต้า ที่แปลว่า “อัจฉริยะ
ไม่มีใครรู้ว่าออสมูแข็งแกร่งแค่ไหนและไม่มีใครรู้ตําแหน่งที่ตั้งของพวกมันแต่ทุกคนจะรู้เพียงแค่ว่า ในทุกๆ สองสามทศวรรษจะมีนักเวทย์อัจฉริยะบางคนจากองค์กรต่างๆ ได้ทําการทรศต่อองค์กรของพวกเขาและเข้าร่วมกับออสมู
สัญญาที่เหล่านักเวทย์ได้ลงนามกับองค์นักเวทย์ได้ถูกทําลายโดย “น้ํายาธรณีชําระล้าง” ของออสมู แม้แต่องค์กรขนาดใหญ่ก็ยังไม่มี “น้ํายาธรณีชําระล้าง” มากนักแต่ออสมูกลับมีมากพอที่จะทําลายสัญญาของเหล่าอัจฉริยะได้จํานวนหนึ่ง นี่แสดงให้เห็นว่า พวกเขามีความแข็งแกร่งมากเพียงใด
แม้ว่าพ่อมดฮิวเซียสจะโกรธมากแต่เมื่อต้องเผชิญกับภัยคุกคาม เขาต้องรักษาความเยือกเย็น
*วิ้ง*
ทันใดนั้นก็มีอักษรรูนลึกลับปรากฏบนร่างของพ่อมดฮิวเซียส เขาตรวจสอบอย่างรวดเร็ว มันเป็นข้อความที่ถูกส่งมา
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นและยิ้มออกมา
“เมืองแห่งอัคคี หอคอนอเวจีและแคว้นแห่งธุลี พวกเขาตกลงที่จะเป็นพันธมิตรกับพวกเรา คราวนี้แหละพวกเราจะต้องสอนบทเรียนให้กับออสมุที่บังอาจโลภมากมาชิงตัวนักเวทย์ของเราไป!”
หลังจกานั้นพ่อมดฮิวเซียสก็เริ่มเตรียมการบางอย่าง พวกเขาให้นักเวทย์ระดับสี่มารวมตัวกันที่นี่ นี่จะเป็นสงครามที่ดุเดือดและโหดร้ายระหว่างองค์กรนักเวทย์ด้วยกันและพวกเขาไม่ต้องการที่จะพ่ายแพ้สงครามในตรั้งนี้
ทางด้านพ่อมดลีโอ จิตสังหารของเขาเข้มข้นมากแหวนสีดําได้ปรากฏขึ้นบนมือของเขา เขามองไปที่มันและพึมพําเบา ๆ ว่า “เรย์ดอร์ น้องชายสุดที่รักของข้า ในที่สุดข้าก็มีโอกาสล้างแค้นให้น้องแล้ว ข้าจะฆ่านักเวทย์ของออสมูด้วยมือของข้าเอง!”
พ่อมดฮิวเซียสเหลือบไปมองท่าทางที่ดุร้ายของพ่อมดลีโอ เขาได้ส่ายหัวเบา ๆ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาทําได้เพียงแค่แสดงความเห็นอกเห็นใจออกมาเท่านั้น