WS บทที่ 151 เขตแดนแสงดํา

ตอนนี้เมอร์ลิมนมาถึงหอสมุด เขารู้สึกทําอะไรไม่ถูก เดิมทีเขาคิดว่าดินแดนมนต์ดําจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสําหรับการฝึกฝนในการเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งและเขาสามารถอาศัยที่นี่ได้อย่างปลอดภัยในช่วงเวลาสามปีนี้

แต่ดูเหมือนแผนการของเขาจะพังไม่เป็นท่า เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและไม่รู้ว่าสถานการณ์มันร้ายแรงเพียงใด ดังนั้นเขาต้องเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในตอนที่ออกไปภายนอก

เมอร์ลินมีขึ้นมาที่ชั้นสองของหอสมุดอย่างรวดเร็ว เขาพบกับฝูงชนจํานวนมาก มีตั้งแต่นักเวทย์ระดับเริ่มต้นไปจนถึงนักเวทย์ระดับหนึ่ง บางคนมาที่นี่บ้างก็มาแลกคาถา บ้างก็มาแลกเปลี่ยนอุกรณ์เวทมนต์หรือไม่ก็มาแลกเปลี่ยนน้ํายา พวกเขาก็ต้องการของที่จําเป็นในการเดินทางออกจากดินแดนมนต์ดําเช่นกัน

เพื่อไม่ให้เสียเวลา เขาตรงไปที่ชั้นหนังสือของคาถาระดับหนึ่งธาตุไฟฟ้ากับมืดทันที

เมอร์ลินในตอนนี้มีคาถาข่ายสายฟ้า ดังนั้นเขาต้องหาคาถาที่มีความใกล้กับข่ายสายฟ้าและสามารถโจมตีระยะไกลได้

หลังจากที่เขากวาดตามองดูคาถาต่าง ๆ เขาก็สะดุดกับคาถาบทหนึ่ง นั่นก็คือลูกสายฟ้า

“ลูกสายฟ้า เป็นคาถาระดับหนึ่งสําหรับโจมตีระยะไกล มันถูกสร้างโดยนักเวทย์ระดับเจ็ดโดยอาศัยพื้นฐานของคาถาข่ายสายฟ้า โดยมันจะสร้างบอลสายฟ้าจํานวนนับไม่ถ้วนเพื่อกําจัดเป้าหมาย อย่างไรก็ตามจําเป็นต้องสร้างคาถาข่ายสายฟ้าเสียก่อนถึงจะสามารถสร้างคาถาลูกสายฟ้าได้ใช้แต้มสนับสนุน 80แต้ม”

หลังจากที่เขาได้อ่านข้อมูลของคาถาลูกสายฟ้า เขาก็เลือกคาถาบทนี้ทันทีโดยไม่มองหาคาถาบทอื่น

และอีกอย่าง มันถูกสร้างขึ้นใหม่โดยใช้ข่ายสายฟ้าเป็นตัวอย่าง ดังนั้นมันจึงมีพลังที่ยอดเยี่ยม และเข้ากันได้ดี ไม่มีอะไรเหมาะสมเท่ากับคาถาบทนี้อีกแล้ว

เมื่อเขาได้คาถาธาตุไฟฟ้าแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาสําหรับคาถาธาตุมืดที่เป็นธาตุที่สําคัญ

นับตั้งที่เขาสร้างคาถาหมอกรัตติกาลมา มันได้กลายเป็นคาถาที่ทรงพลังที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย มันช่วยให้เขาเอาชนะนักเวทย์ได้อย่าง่ายดาย

มันช่างเป็นคาถาที่แปลกและไม่เหมือนใครจริง ๆ หากฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่ผู้ที่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งก็ไม่มีทางรอดออกจากคาถานี้ได้เลย ส่วนพ่อมดอาบริล เขาเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ แม้เขาจะไม่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งแต่สามารถเอาชนะคาถาหมอกรัตติกลด้วยม้วนคัมภีร์คาถาวายุหมุน

แม้ว่าจะถูกจัดการโดยคาถาวายุหมุนอย่างง่ายดายแต่อย่างไรคาถาหมอกรัตติกาลก็ยังเป็นระดับศูนย์ที่ทรงพลังอยู่ดี ดังนั้นเขาจะต้องมองหาคาถาที่คล้ายกับหมอกรัตติกาลแต่สามารถสร้างภาพหลอนที่ระดับที่สูงกว่า

คาถาธาตุในดินแดนมนต์ดํานั้นหานยากมาก มีเพียงไม่กี่ตําราเท่านั้น นั่นทําให้เมอร์ลินแอบกังวลเล็กน้อย เขาจะเลือกคาถาระดับสองหรือสามอย่างไร หากคาถาในดินแดนมนต์มันไม่เข้ากับคาถาที่เขามี

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาได้อ่านข้อมูลของคาถาระดับหนึ่งธาตุมืดที่เขาเลือก ความกังวลที่เขามีก่อนหน้านี้ก็ได้จางหายไป

“เขตแดนแสงดํา คาถาธาตุมืดระดับหนึ่ง มันสามารถหักเหแสงให้การเป็นความมืดได้ในพื้นที่ที่กําหนดไว้ มันสามารถสร้างภาพหลอนที่รุนแรงกับผู้ที่ถูกโจมตี ความซับซ้อนของคาถาบทนี้ เทียบเท่าคาถาระดับสอง หากนักเวทย์คนนั้นจะเลือกคาถาบทนี้ต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน ใช้แต้มสนับสนุน 200แต้ม”

หลังจากที่เมอร์ลินอ่านจบ เขาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นได้ พลังของมันยอดเยี่ยมกว่าคาถาหมอกรัตติกาลแถมยังไม่สามารถลบล้างด้วยคาถาวายุหมุน มันแทบจะไร้ที่ติ

แม้ว่ามันจะมีราคาที่สูงจนน่าตกใจซึ่งสูงกว่าคาถาระดับสองบางคาถา สําหรับคําเตือนเรื่องความซับซ้อน เขารู้สึกประหลาดที่มีคําเตือนนี้ขึ้นมา แม้แต่คาถาระดับหนึ่งน้ําค้างเยือกแข็งยังไม่มีคําเตือนนี้เลย

แต่ถึงอย่างนั้นเมอร์ลินก็ไม่ลังเลที่เลือกคาถาบทนี้ แม้ว่ามันจะมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมากเพียงใดก็ตาม ตัวเขามีเดอะเมทริกซ์ แม้ว่าโครงสร้างจะซับซ้อนเพียงใด มันก็ทําให้เป็นเรื่องง่ายด้วยเดอะเมทริกซ์

หลังจากตัดสินใจเลือกคาถาทั้งสองได้แล้ว เขาก็ยังมีเวลาอยู่นิดหน่อย เขาเริ่มสนใจในศาสตร์แห่งความืดมากขึ้นแต่เนื่องจากที่ดินแดนมนต์ดํามีคาถาธาตุมืดน้อยมาก เขาเลยออกค้นหาเพิ่มเติมโดยหวังว่าจะพบกับคาถาธาตุมืดอะไรดับสูง

อย่างไรก็ตาม เขาไม่พบคาถาธาตุมืดระดับอื่นเลย นอกจากคาถาระดับศูนย์กับระดับหนึ่ง

ส่วนธาตุอื่น ๆ พวกมันมีถึงระดับหก

เรื่องนี้ทําให้เมอร์ลินเริ่มกังวลขึ้นมา นอกจากตัวเขาจะเลื่อนขั้นเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งยาก แล้วเขายังต้องเจอสถานกาณ์เช่นนี้ในตอนที่จะเลื่อนเป็นระดับสองด้วย บางทีเขาอาจต้องค้นหาคาถาเหล่านั้นด้วยตัวเอง

เขาไม่ทราบสาเหตุที่ทําให้คาถาธาตุนั้นหาได้ยากแต่บางมันอาจเป็นเรื่องยากที่จะสร้างคาถาธาตุนี้ เนื่องจากทุก ๆ คาถาในหอสมุด พวกมันได้รับการบริจาคโดยนักเวทย์ภายในดินแดนมนต์ดําที่ต้องการแลกเปลี่ยนมันเป็นแต้มสนับสนุน

หากนักเวทย์ผู้เชี่ยวชาญธาตุมืดจะไม่เต็มมอบมัน ไม่ก็คาถาธาตุนี้มันหายากโดยธรรมชาติ

หลังจากสํารวจรอบ ๆ มาสักพัก เมอร์ลินก็สังเกตเห็นว่านอกจากคาถาธาตุมืดที่หายากแล้ว เขายังไม่เจอคาถาธาตุแสงเลย

นอกจากพ่อเจสันที่เขาได้สู้ในเมืองแบล็ควอเตอร์ เขาก็ยังไม่เห็นนักเวทย์คนไหนที่ใช้คาถาธาตุแสงในการโจมตีเลย

คาถาธาตุมืดยังพอมีอยู่บ้างแต่ธาตุแสงกลับไม่มีเลย

“แม้แต่ในหอสมุดก็ยังไม่มีคาถาธาตุแสงเลย บางทีมันอาจเกี่ยวข้องกับศาสนจักร..ฉันควรถามพ่อมดลีโอในตอนที่มีโอกาส” เมอร์ลินพึมพําออกมา

จากนั้น เขาออกจากชั้นสองและขึ้นไปยังชั้นสามที่ชั้นสามเป็นแลกเปลี่ยนน้ํายาและสูตรยา ส่วนชั้นที่สี่เป็นที่แลกเปลี่ยนอุปกรณ์เวทมนต์

ด้วยสถานการณ์ฉุกเฉิน เมอร์ลินจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมสําหรับการเดินทางออกจากที่นี่ และเขาได้นึกถึงสัญญาที่ให้กับพ่อมดฮิลล์ว่าเขาจะหาน้ํายาที่ทําให้โครงสร้างเวทมนต์เสถียร

น้ํายาพวกนั้นสามารถหาได้ทั่วไปในดินแดนมนต์ดําแต่ส่วนใหญ่ใช้รักษาเพียงชั่วคราวเท่านั้น หากสามารถได้น้ํายาที่สามารถรักษาได้อย่างถาวร มันจะมีประโยชน์ต่อพ่อมดฮิลล์มากกว่า

เมอร์ลินซื้อผงหินม่วงและสูตรยาของมันอย่างละสูตรผงม่วงมีราคา 20แต้มสนับสนุน ส่วนสูตรยาใช้ 80แต้มสนับสนุน

แม้เมอร์ลนจะรู้สึกเจ็บปวดใจแต่เขาก็กัดฟันซื้อมัน หลังจากใช้จ่ายไปทั้งหมด ตอนนี้เขาเหลือแต้มสนับสนุนเพียง 45แต้มเท่านั้น

โชคดีที่วัสดุปรุงยาสําหรับพ่อมดฮิลล์มีส่วนผสมของผงหินม่วง ทําให้เขาไม่จําเป็นต้องใช้แต้มแลกเพิ่ม

หลังจากทําธุระชั้นนี้เสร็จ เขาก็ขึ้นไปชั้นสี่เพื่อเลือกอุปกรณ์เวทมนต์ เขาตั้งใจจะแลกแต้มเพื่อเอาเครื่องมือป้องกันมาตัว

แต่เมื่อเมอร์ลินมาเห็นแต้มที่ต้องใช้ เขาได้แต่ส่ายหน้า เนื่องจากเขาได้ใช้แต้มสนับสนุนไปเมื่อกี้ ทําให้มันไม่พอที่จะแลกพวกมัน

ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแผนเดิมของเขา เขาลงที่ชั้นสามและแลกแต้มกับน้ํายารักษาบาดแผล เนื่องจกยาเหล่านี้มีราไม่แพง เขาจึงสามารถเอากักตุนเพื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉินได้

หลังจากเลือกเสร็จแล้ว เขาเหลือแต้มสนับสนุนเพียง 5แต้ม

“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว” เมอร์ลินพึมพํากับตัวเอง เขาน่าจะเตรียมการได้เพียงพอแล้วและเขากําลังจะออกไป แต่มันใดนั้นเองเขาได้สะดุดตากับน้ํายาแปลก ๆ ที่อยู่ตรงหางตาของเขา

“น้ํายาฟื้นฟู”

เมอร์ลินนึกถึงแม่มดในดินแดนมนต์ดํา พวกเธอต่างยินดีที่จะแลกแต้มจํานวนมากไปกับน้ํายาฟื้นฟูเพื่อรักษาความอ่อนเยาว์และความงามของพวกเขา

ต้องขอบคุณน้ํายาฟื้นฟูที่ทําให้แม่มดบางคนที่อายุประมาณห้าสิบถึงหกสิบดูเป็นสาววัยยี่สิบ เขาคิดว่ามันเป็นอะไรที่สิ้นเปลืองมากที่จะแลกแต้มบริจาคกับของพวกนี้

แต่ในตอนนี้ที่เขากําลังจะก้าวจาออกมาไป เขาได้นึกถึงแอวริลกับเชอรีสขึ้นมาทันที เขาได้หยุดนิ่งไปชั่วเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจแลกแต้มสนับสนุน 5แต้มที่เหลือไปกับ น้ํายาฟื้นฟู

น้ํายาเพียงหนึ่งขวด มันน่าจะเพียงพอที่จะรักษาความเยาว์วัยได้ถึงสามคน

“พวกเขาคงจะพอใจกับสิ่งนี้” มุมปากของเมอร์ลินยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ได้ออกจากหอสมุดอย่างรวดเร็ว

“อาจารย์ลีโอ ผมเลือกคาถาสองอันสุดท้ายได้แล้ว มันคาถาลูกสายฟ้ากับเขตแดนแสงดํา” เมอร์ลินกล่าวอย่างลังเล ตอนนี้เขาอยู่ในห้องของพ่อมดลีโอ

“เขตแดนแสงดําอย่างงั้นเหรอ? ข้าพอจะเดาได้ว่าเจ้าจะเลือกคาถาบทนี้” ลีโอพูดอย่างไม่แปลกใจ จากนั้นเขาพูดต่อว่า “สําหรับคาถาขอบแดนแสงดํานั้น ความซับซ้อนของมันแม้แต่โครงสร้างเวทมนต์ระดับสองบางคาถายังเทียบไม่ติด เจ้าแน่ใจจริง ๆ ใช่มั้ยว่าต้องการคาถาบทนี้”

ลีโอส่ายหัวกับสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ เมอลินกล้าที่จะเลือกคาถาน้ําค้างเยือกแข็ง ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เขาจะกล้าเลือกคาถาเขตแดนแสงดํา

เขาลุกขึ้นไปหยิบตําราคาถาทั้งสองเล่มออกมาและส่งให้เมอร์ลินอย่างวดเร็ว

หลังจากที่เขาเก็บตําราคาถาทั้งสองลงไปในแหวนมิติเสร็จ เขายังไม่ออกจากห้องไป เขาได้เงยหน้าถามด้วยความลังเลว่า

“อาจารย์ลีโฮ หลังจากที่ผมออกจาดินแดนมน์ดําไปแล้ว ผมยังมีโอกาสที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้งหรือไม่”

พ่อมดลีโอชักสีหน้าแปลก ๆ ขึ้นมา ดวงตาสีแดงบนหน้าผากของเขากระตุกไม่หยุด เขาตอบไปอย่างจริงจังว่า

“สถานการณ์ที่เกิดนขึ้น มันไม่ได้เลวร่ายอย่างที่เจ้าคิด ดินแนดมนต์ดํานั้นอยู่มานานกว่าพันปี มันไม่มีทางจะถูกทําลายง่าย ๆ อย่างแน่นอน สําหรับเรื่องนี้ข้าให้เวลามากสุดหนึ่งปี หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย ข้าจะแจ้งพวกเจ้าให้กลับมาเอง”

เมอร์ลินพยักหน้า เขาเชื่อในคําพูดของพ่อมดลีโฮ บางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไป ไม่มีทางที่ดินแดนมนต์ดําที่คงอยู่มาเป็นเวลายาวนานจะพังทลายลงได้ง่าย ๆ

“เอาล่ะ เจ้ารีบออกไปได้แล้ว จําไว้ว่าอย่าทําตัวเกียจคร้านอย่างเด็ดขาด เจ้ามีเวลาเหลือเพียงสองปีเท่านั้น นอกจากนี้ที่โลกภายนอก เจ้าจะไม่มีทรัพยากรเท่ากับที่นี่ ข้าหวังว่าเมื่อเจ้าจะกลับมา อย่างน้อยเจ้าจะสามารถร่ายคาถาระดับหนึ่งได้”

หลังจากพูดจดีโอก็โบกมือไล่มเอร์ลินออกไป จากคําพูดสุดท้ายของลีโอ มันบ่งบอกว่าเขาเห็นคุณของเมอร์ลินมากเพียงใด หากเทียบกับนักเรียนคนอื่น ๆ ของเขา

เมอร์ลินได้โค้งคํานด้วยความเคารพ จากนั้นเขาได้หันหลังและออกจาห้องของลีโอ