บทที่ 95 – หอสมุด

 

หลังจากมิวถูกเรย์น่าพาไปนั่น พาไปนี่แล้ว.. ก็มาถึงร้านเบเกอรี่ได้ในที่สุด แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นการตะลุยเมืองเท่านั้น

เจ้าตัวพามิวไปซ้ายที ไปขวาที.. ถ้าเธอไม่ใช่มังกรก็คงเหนื่อยไปนานแล้ว แม้จะถูกผนึกพลังไว้ส่วนหนึ่งก็จริง

แต่ทว่าร่างกายของเธอก็ไม่ได้ถูกนึกไปด้วยนั่นแหละนะ มิวและเรย์น่าใช้เวลาทั้งวันไปกับการเที่ยวกิน ชมเมืองไปตลอดครึ่งวัน

ในระหว่างนี้มิวได้รู้จักกับเรย์น่ามากขึ้น.. เจ้าตัวเป็นคนที่ค่อนข้างสดใสและร่าเริง ต่างจากเรนะอยู่พอสมควรเลย

เพราะเรนะนั้นมีนิสัยที่ไม่ค่อยพูดเยอะ แต่ก็ไม่ได้เงียบแต่อย่างใด จะว่าไงดีถ้าจะไปเธอก็บอกไม่ไป และบอกเหตุผลว่าทำไม

แต่สำหรับเรย์น่าถ้าเธอปฏิเสธเธอก็คงพูดสาเหตุที่ปฏิเสธไม่หยุดจนกว่าจะมีคนพูดขัดนั่นแหละนะ

ซึ่งเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความต่างของสองคนได้ดี ถึงมิวจะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองชอบยกแฟนตัวเองมาเปรียบกับเรย์น่า

แต่ก็คงเป็นเพราะหน้าและชื่อ รวมถึงลักษณะนิสัยที่คล้ายกันละมั้งนะ.. และก็เพราะได้เที่ยวด้วยกันตลอดครึ่งวันมิวถึงรู้ว่า

ที่ว่ามาทั้งหมดมิวก็แค่คิดไปเอง คงเพราะคิดถึงแฟนตัวเองหรืออะไรทำนองนั้น แต่เรย์น่าก็คือเรย์น่า เรนะก็คือเรนะ

“หือ.. ที่นี่คือ?”

จู่ๆ มิวและเรย์น่าก็เดินผ่านสถานที่แห่งหนึ่ง โครงสร้างของที่แห่งนี้คือเหมือนกับตึกสูง แต่ไม่ใช่ตึกเพราะโครงสร้างของมันเหมือนหอคอยมากกว่า

อีกอย่างตั้งแต่เดินมา มิวไม่เคยเจอตึกมาก่อน.. ดังนั้นที่นี่จึงไม่ใช่ตึกแต่เหมือนหอคอยสูงมากกว่า มันสูงประมาณ 7 ถึง 8 เมตรเห็นจะได้

ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสูงเกินหน้าเกินตาบ้านหลังอื่นไปพอสมควร แถมที่แห่งนี้ยังไม่ค่อยมีคนเข้า มีคนออก ต่างจากที่อื่นที่มีคนเข้าคนออกตลอดเวลา

จึงเป็นเรื่องธรรมดำที่จะดึงดูดความสนใจของมิวที่เดินผ่านอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นมิวหยุดชะงักและมองหอคอย

เรย์น่าก็เลยพูดขึ้น

“ที่นี่คือหอสมุดน่ะค่ะ”

“หอสมุด?”

“ใช่ค่ะ ประเทศอื่นคงไม่มีเหมือนที่นี่ แต่หอสมุดก็คือสถานที่ไว้สำหรับศึกษาของคนที่ไม่มีการศึกษาน่ะค่ะ”

เธออธิบายด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยเล็กน้อย เธอเริ่มอธิบายว่า.. หอสมุดก็คือหอที่รวบรวมหนังสือหลายอย่าง หลายประเภทเอาไว้ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้ทุกอย่างได้โดยไม่ปกปิด

ในอดีตก่อนหน้านี้.. การล่มสลายของหลายประเทศเกิดจากการไม่รู้ และไม่พยายามเข้าใจถึงต้นตอของปัญหา

ดังนั้นทางฝั่งโบสถ์จึงมองลึกลงไปว่าทำไม.. นั่นเพราะหนังสือในโลกนี้มีราคาที่แพง และคนจนๆ ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาที่ดีได้

ในโลกที่ไม่มีแม้แต่โรงเรียนหรือขนาดหนังสือเล่มหนึ่งยังแพง ทางโบสถ์เลยเอาหนังสือให้กลายเป็นที่ที่ใครก็สามารถเข้าได้

แน่นอนว่านี่ก็เป็นความคิดของเรย์น่าเหมือนกับเรื่องการเลือกตั้งผู้นำ.. เพียงแต่ว่าหนังสือนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องการ

พูดให้ถูกคือ ในโลกแบบนี้ที่ทุกคนไม่ได้เห็นคุณค่าที่แท้จริงของการเรียนรู้ ต่อให้เปิดกว้างแค่ไหนมันก็ไม่ได้ช่วยให้ผู้คนต้องการฉลาดขึ้นได้

ยังไงซะโลกนี้ก็ไม่ได้เอื้ออำนวยให้ผู้คนศึกษาขนาดนั้นนั่นแหละนะ.. ในความเห็นของมิวที่ไม่ใช่ทั้งผู้เชี่ยวชาญหรือผู้รู้

เธอก็ยังเข้าใจถึงต้นตอปัญหาได้ทันทีว่า.. ความรู้ในโลกนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอะไร สำหรับการมีชีวิตอยู่ในแต่ละวัน

หรือก็คือ.. มันมาเร็วเกินไปนั่นแหละนะ

“แต่.. ไอ้ความคิดแบบนี้ จะเรื่องประชาธิปไตยก็ดี จะเรื่องเปิดหลายเรื่องการศึกษาก็ดี.. ไอ้แนวคิดพวกนี้มันเหมือนคัดลอกมาจากโลกด้านนอกเลยแฮะ”

มิวพึมพำกับตัวเอง แน่นอนว่าเรย์น่าไม่ได้ยินด้วยหรอก และมิวก็ไม่รู้ด้วยว่าคนที่คิดเรื่องพวกนี้ก็คือตัวของเรย์น่าเอง

“แต่ว่าก็ว่าเถอะ ไอ้พวกโบสถ์ที่ตอนแรกดูชั่วๆ แต่ทุกอย่างที่ทำก็เหมือนจะเพื่อการอยู่รอดของมนุษยชาติจริงๆ แฮะ”

มิวไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไงดีเหมือนกัน หลังจากมิวคิดกับตัวเองอยู่พักใหญ่จึงหันไปหาเรย์น่าแล้วพูด

“ฉันขอตัวเข้าไปอ่านหนังสือในหอสมุดก่อนนะ เพราะรู้สึกว่าข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับฉันในตอนนี้มากเลย”

“เอ้ะ.. นั่นสินะคะ ท่านมิวในตอนนี้เสียความทรงจำ อื้มมมม เข้าใจแล้วค่ะ ข้าก็จะไปด้วย”

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้.. ฉันน่าจะใช้เวลาพอสมควรเธอ..”

“……”

ในขณะที่มิวจะปฏิเสธสายตาที่เรย์น่ามองมาที่มิวก็เหมือนจะจ้องเขม็งราวกับจะบอกว่า ‘ไล่ข้าทำไม’ ยังไงยังงั้น

มิวที่เห็นแบบนั้นก็

“อ่าๆ .. เข้าใจแล้วๆ”

มิวถอนหายใจ นี่มันหมายความว่าไงเนี่ย ทำไมเด็กคนนี้ถึงพยายามตัวติดกับเธอตลอดเลยเนี่ย ตอนทำเควสในชั้นสามกว่าจะพยายามตีสนิทกับเทรต้าจนเธอยอมบอกความลับมาได้มันยากจนไม่รู้จะยากยังไง

จนสุดท้ายก็ต้องใช้การปล่อยชีวิตของเพื่อนๆ เธอมาเป็นข้ออ้างให้บอกความลับ.. ถึงสุดท้ายเจ้าตัวจะไม่ใช่เป้าหมายก็เถอะ

แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายเป็นเป้าหมายที่มิวต้องสนิทด้วย และต้องสอนบางอย่างให้ด้วย ไม่พออีกฝ่ายดันมาทำตัวติดเหมือนชอบใจในตัวมิวไม่พอ

ยังช่วยมิวจากคนในโบสถ์อีก.. หลายๆ อย่างมันจะดูง่ายจนผิดปกติเกินไปไหมเนี่ย มิวได้แต่คิดแล้วก็สงสัย

ซึ่งอันที่จริงมิวคงไม่รู้ว่า สิ่งที่ตัวเองกำลังทำคือเรื่องยุ่งยากที่คนอื่นไม่เคยพบเจอมาก่อนในการไต่หอคอยแต่ละชั้น

คนอื่นก็แค่ฆ่าสัตว์ประหลาดไปเรื่อยๆ ก็สามารถผ่านไปได้.. สรุปก็คือเพราะชั้นก่อนๆ ที่มิวเจอมามันโหมดฮาร์ดคอร์เกินไปจนความยากในชั้นนี้ดูง่ายเฉยๆ

ซึ่งจริงๆ ก็ยากอยู่ดีนั่นแหละนะ ต้องสอนบางอย่างให้ผู้เชี่ยวชาญโดยที่ตัวเองไม่มีความรู้อะไรเลยเนี่ย

“งั้นก็ไปกันเถอะค่ะ หอสมุดมีข้อมูลเยอะมากๆ แล้วในเมืองก็มีอยู่เยอะ มีทุกเขตด้วยนะคะ”

เรย์น่าเริ่มสาธยายอีกรอบ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับหนังสือน่ะนะ.. มิวก็รับฟังไว้ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร เจ้าตัวแค่ชอบพูดเท่านั้นแหละ

ถ้าจะพูดให้ถูกคือแค่ชอบพูดกับมิวอะนะ

การเข้ามาในนี้ไม่มีผู้คุมอะไร เพราะมูลค่าหนังสือสมัยนี้.. ในเมืองแห่งนี้ตกลงจนไม่มีคนอยากได้ ไม่งั้นก็คงเห็นคนเข้าออกบ่อยแล้วอะนะ

ทางด้านเรย์น่าพอเข้ามาก็เหมือนจะไปหาหนังสือมาอ่านอย่างเชี่ยวชาญ มิวก็เดินหาหนังสือเกี่ยวกับพลังศักดิ์สิทธิ์

สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้มีเพียงแค่รีบศึกษาพลังศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ถึงในเควสจะไม่ได้เวลาว่าสิ้นสุดตอนไหน

แต่มิวสังหรใจว่าอีกไม่นานเจ้าปีศาจจิตมรณะนั่นคงบุกมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างอีกเป็นแน่แท้ ดังนั้นมิวต้องเร่งมือหน่อยแล้ว

เพราะรอบนี้ไม่รู้เส้นตาย.. ส่วนเรื่องของเทรต้าที่น่าจะมาด้วยกันนั้นมิวเก็บมันไว้ในใจแล้ว เพราะเทรต้าก็ไม่น่าจะถูกผูกมัดอะไรมากเพราะเจ้าตัวไม่ได้มีพลัง แต่มีชุดพิเศษ ดังนั้นไม่น่าจะเป็นอะไร..มั้ง

และถ้ามิวทำเควสเสร็จแล้ว เจ้าเทรต้าก็น่าจะถูกพาขึ้นไปยังชั้นต่อไปด้วยแหละนะ

มิวยกหนังสือหลายเล่มไปวางบนโต๊ะนั่งอ่านหนังสือ

“พลังศักดิ์สิทธิ์”

“พลังเวท”

“วิชายุทธ์”

“ปีศาจจิตมรณะ”

หนังสือหลายเล่มถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกับหัวข้อหลักๆ จะมีอยู่แค่สี่แบบนี้เท่านั้น มิวก็ไม่คิดว่าการเข้ามาต่อสู้ในหอคอยตัวเองจะได้มานั่งอ่านหนังสือเหมือนกัน

………

……

“กรี๊ดดด ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย…?!”

ห่างไกลออกไปจากเมือง บนเกาะที่ลอยอยู่กลางฟ้าเล็กๆ มันกว้างแค่ไม่ถึงสิบตารางเมตรด้วยซ้ำ บนนั้นมีเทรต้าที่เกาะต้นไม้เล็กๆ ต้นหนึ่งเพราะกลัวพัดตกจากเกาะเล็กๆ บ้านี่

หน้าต่างตรงเควสก็เขียนต่อหน้าเธอว่า….

[แจ้งเตือนเควส]

ในฐานะที่เป็นสิ่งแปลกปลอมอย่างแท้จริง สิ่งที่ต้องทำคืออยู่เฉยๆ จนกว่าทางนั้นจะทำเควสจบ และอย่าตกลงไปตาย

[รางวัล]

ให้สิทธิ์ขึ้นชั้นต่อไปแบบเกาะบารมีคนอื่น (พูดอีกอย่างคือไม่มี)

…….

“นี่มัน.. อะไรวะเนี่ย ฉันแค่มาหาคนช่วยดาวของฉันเองนะ!!”

“หนาวจะตายอยู่แล้ว เอาชุดฉันคืนมาทีเถอะ ขอร้องล่ะ…”

“หนอย ยัยเทพธิดาอะไรนั่น ฉันแค่บอกว่าฉันไม่เชื่อเรื่องเทพทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยเนี่ย เจออีกรอบแม่จะต่อยสักหมัดเลยคอยดูสิ”

จู่ๆ ลมหนาวก็พัดมาใส่หน้าเทรต้า

“กรี๊ด ฉันขอโทษ.. ฉันขอโทษ”

“อย่าพัดฉันตกนะ”