บทที่ 34 หมู่บ้านตระกูลหลิน
เจ้าของแผงขายกระดาษอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “โอ้ ข้าจะบอกอะไรให้หญิงชราอย่างเจ้าฟัง ลูกสะใภ้ของเจ้าทั้งหน้าตาดีมีการศึกษา แถมยังทำการค้าได้อีก เหตุใดเจ้าถึงยังไม่พอใจ!”
แม่หวังถ่มน้ำลายดัง “ถุย” ตามมาด้วยคำสบถด่าทอหยาบคายนับไม่ถ้วน
เมื่อทุกคนได้ยินว่าเหยาซูสามารถอ่านออกเขียนได้ พวกเขาจึงคิดว่าสองพี่น้องนี้เป็นเพียงบัณฑิตเท่านั้น และเมื่อเห็นท่าทางหยาบคายของแม่หวังในใจของพวกเขาก็ลำเอียงไปทางสองพี่น้อง
แม้แต่คนที่เดินผ่านก็อดที่จะพูดไม่ได้ว่า “ทุกคนบอกว่าหากแม่สามีใจดี ลูกสะใภ้จะกตัญญู แต่นี่แม่สามีไม่มีความเมตตา ไม่ว่านางจะทำอะไร ในสายตาของแม่สามีก็คืออกตัญญูเสมอ”
คนรอบข้างได้ยินแล้วก็พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่ามีเพียงแม่หวังที่ยังไม่เข้าใจในคำที่ว่า ‘มารดาเมตตา ลูกก็จะกตัญญู’ นางคิดเพียงแต่จะด่าคนเท่านั้น แม้แต่คำพูดตรรกะอะไรก็ไม่เข้าใจทั้งสิ้นจึงตอบไปว่า “ไร้สาระ! ทั้งครอบครัวของพวกแกก็มีแต่พวกสารเลว!”
มีชายคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีกิริยาคล้ายผู้หญิง เมื่อได้ยินคำพูดของแม่หวังก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาเลือกที่จะส่ายหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก
นอกจากเรื่องนี้จะขบขันแล้ว ผู้คนเริ่มมุงดูมากยิ่งขึ้นบางคนที่เคยทะเลาะกับแม่หวังก็เริ่มส่งเสียงประณามนาง
“พูดก็พูดเถอะ ด่าคนอย่างไร้เหตุผลด้วยเหตุใด? ยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะ!”
“ใช่แล้ว หากมีแม่สามีเช่นบ้านนี้ ข้าเป็นลูกสะใภ้ไม่ว่าจะดีเพียงใดก็คงไม่กลับไปบ้านแม่สามีตลอดชีวิต จะให้กลับไปทำอะไรล่ะ? กลับไปทำงานทุกวันงั้นหรือ?”
“โธ่ แม่นางคนนี้ก็หน้าตางดงาม บ้านใดกันที่ใช้นางลงไปทำสวนทำไร่? หากข้าเป็นแม่สามีของนางเกรงว่าจะชื่นชมนางทุกวัน ไม่ได้ยินหรือว่านางสามารถอ่านออกเขียนได้และทำการค้าขาย คนที่มีความสามารถเช่นนี้จะให้ไปทำไร่ทำสวนได้อย่างไร!”
“หญิงชราคนนี้พูดอะไรของเจ้า ความจริงเป็นเช่นไร ไยถึงพูดไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้…”
เมื่อเหยาเฟิงได้ยินสิ่งที่ทุกคนพูด เขาประสานมือและกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณทุกคนที่พูดด้วยความสัตย์จริง ข้าและน้องสาวซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก! แท้จริงแล้วครอบครัวนี้ช่างไร้เหตุผล น้องสาวกับลูกของนางไม่มีหนทางอื่น หลานชายและหลานสาวของข้าผอมแห้งยามอยู่ในตระกูลหลิน! หลานสาวตัวน้อยของข้าอายุเพียงสามขวบเท่านั้นต้องตัดหญ้าให้หมูทุกวัน มิเช่นนั้นจะไม่ให้ข้าวกิน คนแบบนี้จะอยู่ด้วยได้อย่างไร?”
“ว่าอย่างไรนะ” เพียงได้ยินว่าหญิงชราคนนี้ใช้งานหลานสาวที่อายุสามขวบผู้คนต่างส่งเสียงดังอื้ออึง
“เด็กอายุเพียงสามขวบเท่านั้น… เดินยังไม่มั่นคงเลย? เจ้าใช้ให้นางไปตัดหญ้าให้หมูอย่างงั้นหรือ? เด็กน้อยคนนั้นเป็นหลานแท้ ๆ ของเจ้าหรือเปล่า?”
“ลองฟังดูสินี่มันเรื่องอะไรกัน!”
“ดูชุดที่พวกเขาใส่สิก็ไม่เหมือนกับคนที่ไม่มีข้าวจะกิน แถมคนที่อยู่ข้าง ๆ น่าจะเป็นลูกสะใภ้อีกคน? ไม่ใช่ว่าถือเนื้ออยู่ในมืออย่างนั้นหรือ? ในขณะที่บ้านก็ไม่ได้ยากจน เหตุใดถึงไม่ให้เด็กอายุสามขวบกินข้าว”
คำพูดของแต่ละคนทำให้แม่หวังและแม่โจวผู้เป็นสะใภ้รองอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
แม่โจวไม่กล้าเงยหน้าอีกต่อไป ทว่าแม่หวังยังคงด่าทอไม่หยุดไม่หย่อน ฟังไปฟังมานอกจากคำด่าทอว่าลูกสะใภ้อกตัญญูแล้ว ยังฆ่าลูกชายของนาง
ในที่สุดเหยาซูก็มีขอบตาแดงก่ำ กล่าวด้วยเสียงแผ่วต่ำ “ข้าขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจ สิ่งที่แม่สามีพูดนั้น ข้าไม่อาจเอ่ยแก้ตัว เพียงแต่มีจุดเดียว… เดิมทีสามีของข้าได้ไปรบที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สุดท้ายก็ได้สละชีวิตเพื่อประเทศชาติตายในสนามรบ มิใช่ความผิดของข้าแต่อย่างใด”
คำพูดนี้เหมือนจะทำให้ฝูงชนอดทนต่อไปไม่ได้จึงระเบิดเสียงออกมาทันที
“นางคือแม่ม่ายของทหาร เจ้าเป็นแม่สามีไม่เพียงแต่ไม่ดูแลนาง อีกทั้งยังซ้ำเติมนาง อีกทั้งยังด่าทอนางให้ผู้อื่นฟังอย่างไร้เหตุผล!”
“ใช่แล้ว หญิงชราที่ไร้เหตุผลผู้นี้มาจากที่ใดกัน? ข้าได้ยินมาว่านางแซ่หลิน หรือว่านางมาจากหมู่บ้านตระกูลหลิน?”
“ข้ารู้จักตระกูลหลิน! น้องสาวของข้าก็แต่งงานกับหมู่บ้านตระกูลหลินเช่นกัน! วันหน้าข้าจะไปสืบดูสักหน่อยว่าหญิงชรานี้อยู่บ้านใดกัน เหตุใดถึงเกิดเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ ท่านผู้ตรวจการมีน้ำใจต่อทหารมากที่สุด แม่นางคนนี้ก็เป็นแม่ม่ายของผู้เสียสละ เจ้าไม่ต้องกลัว วันหน้าจวนผู้ตรวจการแผ่นดินจะต้องให้ความยุติธรรมแก่เจ้าแน่นอน!”
“ข้าคิดว่าเราควรไปแจ้งทางการและให้ผู้ตรวจการจับหญิงชรานี้ไปเสีย อยู่ในคุกสักวันสองวัน ดูว่านางจะยังป่าเถื่อนเช่นนี้ได้อีกหรือไม่!”
เมื่อได้ยินดังนั้น แม่โจวก็หน้าซีดเผือด พลางดึงแขนเสื้อแม่สามีเป็นสัญญาณให้นางรีบกลับไป
แม่หวังเป็นสตรีชาวบ้านชนบท ย่อมรู้ว่าผู้ตรวจการนั้นเป็นเช่นไร เพียงได้ยินคำว่า ‘ผู้ตรวจการ’ และ ‘คุก’ นางเองก็หวาดกลัวเช่นกัน
นางลากแม่โจวออกไปพร้อมกับด่าว่าคนรอบข้างที่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น่าจะจับหญิงสองคนนี้เข้าคุกยาว ๆ ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านสักทีนะคะ ดูซิว่าเจอของจริงในคุกยังจะบ้าบิ่นแบบนี้อีกหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)