ตอนที่ 35 ใครเด็ดดาราได้ (rewrite)
ในเมืองหลวง มีโรงเตี๊ยมหลายแห่ง มีชื่อเสียงเลื่องลือ หอเด็ดดาราก็เป็นหนึ่งในนั้น
วันนี้หอเด็ดดาราถูกเหมาทั้งหอ
คนที่จ่ายได้หนักเช่นนี้ ใต้เท้าบุตรสวรรค์ นอกจากราชวงศ์แล้วก็มีเพียงคนใหญ่คนโตระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักศึกษา
วันนี้คุณชายครามเหมาหอเด็ดดารา เชิญท่านเจ้าลัทธิที่เพิ่งรับตำแหน่งแห่งเทือกเขาประจิม รวมถึงผู้บำเพ็ญอัจฉริยะหนุ่มสาวอีกสามสำนักศึกษามาร่วมวงสนทนา
กู้ชางกับจงหลีตอบรับคำเชิญครั้งนี้ ท่านเจ้าลัทธิไม่ปฏิเสธ เจียดเวลามาในช่วงที่ยุ่งมาก
ศิษย์สี่สำนักศึกษามาถึงหอเด็ดดารากันนานแล้ว
กู้ชางกับจงหลีมาสายหน่อย ตอนที่มาถึงชั้นสูงสุดของหอเด็ดดาราก็เห็นหญิงชุดคลุมดำสวมงอบ กล่องพิณยักษ์ตั้งอยู่ข้างกาย ผ้าคลุมหน้าตกลงมาใต้งอบ มองเห็นใบหน้าจริงไม่ชัดเจน
ท่านหญิงพิณ
“อ้อยอิ่ง…แขกที่ไม่ได้มาบ่อยๆ แขกผู้มีเกียรติ” กู้ชางหาที่นั่งข้างอ้อยอิ่ง ห่างกันไม่ไกล เขาพูดเสียงเบาๆ “ช่วงนี้แม่นางฉินเป็นอย่างไรบ้าง”
อ้อยอิ่งใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำและมองเห็นใบหน้าจริงไม่ชัดยกถ้วยชาขึ้นอย่างเรียบร้อย เปิดผ้าคลุมหน้าตรงมุมขึ้น จิบเบาๆ ไม่ได้สนใจกู้ชางที่ดูมีฐานะสูงยิ่งและจัดเป็นสี่คุณชายเมืองหลวงนภาเลย
กู้ชางยิ้มเล็กน้อย ถูกเมินก็ไม่โกรธอะไร แต่พูดต่อ “มีแต่คนบอกว่าสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวไม่แก่งแย่งชิงกับใคร เชิญแม่นางฉินมาได้…คุณชายครามหน้าใหญ่จริงๆ”
อ้อยอิ่งวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างเชื่องช้า ไม่เอ่ยสักคำ
กู้ชางซ่อนความคับแค้นใจไว้ในดวงตา เขาพูดเย้ยเยาะตัวเอง “ดูท่าคุณชายครามคงหน้าใหญ่กว่าข้าอีก”
ก่อนหน้านี้ไม่นาน สำนักศึกษาตะวันสูงเชิญสี่สำนักศึกษามาที่หอเด็ดดาราเช่นกัน
แต่สำนักศึกษาถ้ำกวางขาวได้รับคำเชิญแล้วไม่ตอบกลับ
ไม่เห็นเงาแม้แต่คนเดียว
จงหลีเลิกคิ้วขึ้น เขารู้ว่ากู้ชางมีท่าทีบางอย่างที่พูดได้ไม่ชัดกับแม่นางฉินแห่งสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวคนนี้มาตลอด น่าเสียดายที่อีกฝ่ายมีใจแสวงหามรรคอย่างเดียว ไม่สนใจกับคำเชิญของเขามาตลอด
ไม่ชอบคุณชายสมุทรคนนี้เลย
อ้อยอิ่งสวมงอบ ใบหน้าใต้ผ้าคลุมหน้าลึกลับยิ่ง เล่าลือว่างดงามมาก…จุดนี้ไม่ต้องสงสัย ศิษย์หญิงของสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวงดงามมากกันทุกคน
ก่อนที่จะเป็นคุณชายใหญ่สำนักศึกษาตะวันสูง กู้ชางเคยประมือกับอ้อยอิ่ง โชคดีได้เห็นใบหน้างาม นับจากนั้นมาก็เริ่มเกาะแกะ รุ่นอาจารย์อาของสองสำนักศึกษาเคยประมือกันเพราะเหตุนี้ เรื่องนี้โด่งดังไปทั้งเมืองหลวงนภาอยู่ช่วงหนึ่ง
สุดท้ายอ้อยอิ่งปิดประตูไม่ออกมา
กู้ชางก็ยิ่งจนปัญญา
พลังบำเพ็ญของกู้ชางไม่ธรรมดา แบกชื่อเสียงคุณชายใหญ่เมืองหลวงนภา แต่อ้อยอิ่งก็ยังไม่สนใจ
วันนี้ได้พบหน้า เขาจึงอดพูดอะไรบ้างไม่ได้
“สหายกู้ขอให้ระวังคำพูดด้วย”
ใบหน้านั้นใต้ผ้าคลุมหน้าใต้งอบไร้คลื่นอารมณ์ อ้อยอิ่งเอ่ยนิ่งๆ สายตาเหมือนชำเลืองมองกู้ชาง “วันนี้ข้ามาเพราะท่านเจ้าลัทธิ ไม่ได้มีเจตนาอื่น”
จงหลีหรี่ตาลง กอดอกอย่างมีความสุข รอดูละครสนุก
“อีกไม่กี่วันสำนักศึกษาตะวันสูงก็จะเชิญท่านเจ้าลัทธิเหมือนกัน และยังเป็นที่หอเด็ดดาราแห่งนี้” กู้ชางสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูดอย่างจริงจัง “แม่นางฉินยินดีมาด้วยหรือไม่”
อ้อยอิ่งเอ่ยราบเรียบโดยไม่เงยหน้าขึ้น “ครั้งนี้พบท่านเจ้าลัทธิแล้ว ข้าจะปิดด่านบำเพ็ญ…ขอให้สหายกู้โชคดี ผูกมิตรกับท่านเจ้าลัทธิได้”
“เจ้า…” กู้ชางหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แววตามัวหมองนิดๆ สุดท้ายก็ถอนหายใจ
แม้เจ้าจะพยายามทำทุกอย่าง ถวายให้ทุกอย่าง เขาไม่ชอบก็คือไม่ชอบ
เขากู้ชางเป็นดั่งเดือนล้อมด้วยดาว เคยขายหน้าต่อหน้าทุกคนเพื่ออ้อยอิ่ง เคยเสียใจ ไฉนจะสนใจเรื่องพวกนี้
กู้ชางส่ายหน้าเบาๆ นึกถึงคำพูดพวกนั้นที่อาจารย์ตนบอก
‘ไม่สู้มีใจแสวงหามรรคดีกว่า’
แม่นางฉินมีใจแสวงหาแค่มหามรรค เขาเองก็ทำได้เหมือนกัน
ก่อนงานราชวงศ์ใหญ่เมืองหลวงนภาจะมาถึง กู้ชางจะเอาชนะศัตรูทุกคนที่ขวางหน้า เดินไปอยู่หน้าสุดของมหามรรค
เมื่อนึกได้ดังนั้น ใจมรรคก็ไม่ลังเลอีก
กู้ชางพ่นลมหายใจขุ่น
“ผ่านไปนานขนาดนี้ เหตุใดคุณชายครามยังไม่มาอีก”
จงหลีขมวดคิ้ว เชิญแขกผู้มีเกียรติมาแล้ว สี่สำนักศึกษามากันครบ ตนเป็นเจ้าภาพก็ควรจะมาถึงหอเด็ดดาราเร็วกว่าหน่อย เหตุใดตอนนี้ถึงยังไม่มา
ท่านเจ้าลัทธิมีงานรัดตัว นักพรตชุดคลุมหยาบด้านข้างแสดงการขอโทษกับคุณชายใหญ่ทั้งสามท่าน ว่าอาจจะมาสายหน่อย
งานเลี้ยงในวันนี้ เจ้าลัทธิเฉินอี้ต่างหากที่เป็นตัวเอก
ผ่านไปอีกครู่หนึ่งก็มีรถม้าไม้ขาวมาจอดใต้หอเด็ดดารา ท่านเจ้าลัทธิลงจากรถม้า ขึ้นหอเด็ดดารา
ตัวเอกมาแล้ว
คุณชายใหญ่สองสำนักศึกษาตะวันสูงกับขุนเขาตาเป็นประกาย เชิญเจ้าลัทธิมานั่ง
ระหว่างสำนักศึกษากับสำนักเต๋า แม้จะห่างไกลกัน หนึ่งอยู่ในเมืองหลวงนภาใต้เท้าบุตรสวรรค์ อีกหนึ่งอยู่นอกเขตเทือกเขาประจิม แต่ระหว่างทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจแยกจากกันได้ สี่สำนักศึกษามีอยู่นอกเมืองหลวงนภา แตกกิ่งก้านใบเต็มไปหมด ใต้ฟ้าต้าสุยมีสำนักศึกษาเล็กที่เกี่ยวข้องเป็นสาขารองมากมาย
สำนักเต๋าปกคลุมทั้งใต้ฟ้าต้าสุย
ฝ่ายพุทธแห่งแดนบูรพาไม่พอใจก็ย่างเท้าออกมาไม่ได้ อำนาจไม่ถึงในสี่เขตแดน ปกครองแค่เขตหนึ่งในแดนบูรพา แต่ลัทธิของสำนักเต๋าปกคลุมอาณาเขตกว้างใหญ่
หากสำนักศึกษาจะพัฒนาไปอีกขั้นก็ต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีงามกับสำนักเต๋าไว้
เรื่องการดึงตัว คลุกคลีรวมถึงตกเป็นเมืองขึ้นของสำนักศึกษากับสำนักเต๋า เรื่องราวซับซ้อนที่ต้องจัดการจริงจังพวกนี้ จะต้องคุยกันในงานเลี้ยงวันนี้
รวมถึงอ้อยอิ่ง ผู้นำรุ่นเยาว์สามสำนักศึกษา หลังจากนั่งกันไม่นานแล้วก็สนทนากับเฉินอี้
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
“เช่นนั้นรวมสิบแปดเมืองในนครสุสานนิรันดร์ ประชากรแร้นแค้นที่อายุยังไม่ครบสิบสี่ปีเต็ม ขอแค่ครบตามเงื่อนไขก็จะไปขอร่ำเรียนที่สำนักศึกษาได้” เฉินอี้พูดเสียงเบาและจริงจัง “ตำลึงเงินพวกนี้ ข้าจะเบิกจากหอสามวิสุทธิ์เป็นค่าตอบแทนให้ หวังว่าสำนักศึกษาจะถอยให้หนึ่งก้าว เก็บตำลึงเงินของสำนักเต๋าน้อยลงหน่อย”
กู้ชางกับจงหลีมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างยังลังเล
สิบแปดเมืองในนครสุสานนิรันดร์ในเขตต้าสุย ตรงนั้นกันดาร ใกล้กับแดนทักษิณ เป็นถิ่นยากจน นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
“สำนักศึกษาถ้ำกวางขาวจะช่วยท่านเจ้าลัทธิ” อ้อยอิ่งพูดด้วยความแน่วแน่เช่นกัน “ในเขตต้าสุยยังมีเด็กอีกมากมายที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ตำลึงเงินส่วนนี้ สำนักศึกษาจะช่วยตัดทิ้งให้”
กู้ชางได้ยินดังนั้นก็ไม่ลังเลอีก แต่พูดอย่างจริงจัง “สำนักศึกษาตะวันสูงเห็นชอบด้วย ทั้งยังยินดีให้เงินอุดหนุนท่านเจ้าลัทธิ เพื่อเป็นกำลังอันน้อยนิดส่วนหนึ่งให้แดนทักษิณ”
จงหลีถอนหายใจ มาถึงตอนที่เขาต้องแสดงความเห็น สองคุณชายหญิงก็แน่วแน่เช่นนี้แล้ว เขาจะไม่คล้อยตามก็ไม่ได้ ได้แต่พยักหน้าตอบตกลง
เจ้าลัทธิได้โล่งอกแล้ว
เรื่องนี้กำหนดไว้เรียบร้อย
เขาคลึงระหว่างคิ้ว พลันพูดด้วยความสงสัยเล็กน้อย “คุณชายครามล่ะ”
ตนมาถึงหอเด็ดดาราได้หนึ่งชั่วยามแล้ว
เรื่องการร่วมมือกันของสำนักเต๋ากับสำนักศึกษาเจรจากันไปเกือบครึ่งแล้ว
คุณชายครามยังไม่มาอีกหรือ ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
กู้ชางกับจงหลีมีสีหน้าไม่ดีเช่นกัน
นี่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ
เชิญเจ้าลัทธิมา เชิญสามคุณชายหญิงใหญ่อีกสามสำนักศึกษามาด้วย
ตนกลับชักช้ามาสายรึ
นี่หมายความว่าอย่างไรกัน
อ้อยอิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา ปนเสียดสีเล็กๆ “บางทีคุณชายครามอาจจะเจอปัญหาระหว่างการบำเพ็ญ ลืมเวลาอยู่ในจวนเขาคราม…นี่เป็นเรื่องปกติ”
เมื่อสิ้นเสียงก็มีคนเคาะประตูนอกชั้นบนสุดหอเด็ดดารา
เจ้าลัทธิขมวดคิ้ว มองศิษย์รุ่นเยาว์จวนขานฟ้าสองคนที่เคาะประตูแล้วโค้งตัวแสดงความเคารพสามคุณชายหญิงใหญ่ ก่อนพูดเสียงสั่นๆ “ทุกท่าน…วันนี้คุณชายครามอาจจะมาไม่ได้แล้ว”
กู้ชางยิ้มเยาะ “มาไม่ได้รึ เขาคิดว่าตัวเองไร้พ่ายในเมืองหลวงนภาจริงๆ หรือ เชิญพวกข้ามา และยังมีท่านเจ้าลัทธิ ตัวเองกลับวางมาด หนึ่งชั่วยามแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงา ตอนนี้ยังส่งคำพูดเลื่อนลอยมาอีก นี่หมายความว่าอย่างไร”
ศิษย์จวนขานฟ้าคนนั้นเห็นคุณชายสมุทรมีท่าทีเช่นนี้ ในความคิดก็ขาวโพลนไปหมด ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรเลย
จงหลีไม่ใช่คนใจร้อน เขาสื่อความหมายให้อีกฝ่ายใจเย็นๆ ถามด้วยรอยยิ้ม “คุณชายครามเป็นอะไร”
ศิษย์จวนขานฟ้านึก หนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนเขาคราม…ดังแพร่สะพัดไปทั่วข้างนอก แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาในชั้นสูงสุดหอเด็ดดารา หากปล่อยไปเช่นนี้ เกรงว่าเจ้าลัทธิจะโกรธเอาจริงๆ ได้
เขากัดฟันพูด “จวนเขาคราม…เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้น”
“อ้อ เรื่องเหนือความคาดหมายรึ”
กู้ชางยิ้ม หัวเราะขึ้นมา “หากเจ้าบอกว่าคุณชายครามธาตุไฟเข้าแทรกตอนฝึกบำเพ็ญ นี่ก็เป็นเรื่องดี”
เมื่อเอ่ยจบ ศิษย์จวนขานฟ้าหน้าเขียวหน้าแดง กัดฟันกรอด แต่อีกฝ่ายเป็นคุณชายใหญ่สำนักศึกษาตะวันสูง ตนก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องน่าอายของสำนักตนอย่างไร
นักพรตชุดคลุมหยาบคนหนึ่งขึ้นมาจากล่างหอเด็ดดารา ตอนนี้มาอยู่ข้างหลังศิษย์จวนขานฟ้า นักพรตชุดคลุมหยาบแห่งสำนักเต๋าได้ตรวจสอบเรื่องทั้งหมดแล้ว
เขามองท่านเจ้าลัทธิ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกอย่างสงบนิ่งไร้ความรู้สึก
“จวนเขาครามถูกคนถล่ม คุณชายครามถูกลอบโจมตี หมดสติยังไม่ฟื้น น่าจะมางานเลี้ยงคืนนี้ไม่ได้แล้วขอรับ”
หลังสิ้นคำพูดนี้
ศิษย์จวนขานฟ้าหน้าแดง รู้สึกคับอกคับใจและขายหน้า
กู้ชางกับจงหลีอึ้งงัน ผ่านไปนานก็ยังไม่ได้สติกลับมา
เฉินอี้นิ่งอึ้ง
จวนเขาคราม แดนศักดิ์สิทธิ์ฝึกบำเพ็ญของจวนขานฟ้า สถานที่บำเพ็ญที่ให้เฉพาะคุณชายใหญ่ทุกรุ่น
“มีค่ายกลตั้งเยอะ…” จงหลีเคยไปจวนเขาครามแห่งจวนขานฟ้ามาก่อน ที่นั่นมีค่ายกลเยอะมาก ยากจะเข้าไปได้ พญายมน้อยไม่เคยลงมือเลยก็เพราะเหตุนี้
“อีกฝ่ายน่าจะเป็นปรมาจารย์ค่ายกล” นักพรตชุดคลุมหยาบพูดด้วยความเคารพ “ค่ายกลของจวนเขาครามไม่เกิดคลื่นใดๆ เลย คนนั้นต่อสู้ตัดสินใช้เวลาสั้นมาก คุณชายครามยื้อไว้ได้ไม่นานเท่าไร เล่าลือว่าสภาพน่าอนาถมาก”
“ซี้ด…” กู้ชางสูดลมหายใจเย็นๆ
เป็นคนโหดที่ใดกัน
“และยังมี…” นักพรตชุดคลุมหยาบลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดขึ้น “คนผู้นั้นใช้กระบี่”
สามคุณชายใหญ่มองหน้ากัน
พวกเขานึกไปถึงกระบี่นั้นบนถนนนิมิตชาดเมื่อไม่นานมานี้…และยังมีร่างเงาที่ยืนปักกระบี่นั้น
สถานการณ์เงียบสงบลง
เฉินอี้พูดเสียงเบา “ข้าเคยได้ยินมาว่าคนที่จัดงานเลี้ยงที่บนยอดหอเด็ดดาราได้ ล้วนเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ในยุครุ่นเยาว์ ดาราบนโลกมีแปดพันดวง ไฉนวีรบุรุษถึงมีมากมาย แต่ว่า…ใครบ้างที่เด็ดดาราได้”
เจ้าลัทธิพูดนิ่งๆ “เดิมทีข้าคิดว่าคุณชายครามเป็นหนึ่งในนั้น แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่คิด”
เฉินอี้ที่ถูกเบี้ยวนัดไม่เผยสีหน้าไม่พอใจใดๆ แต่คำพูดของเขาให้ทุกคนได้ยินอย่างไม่เกรงกลัว รวมถึงศิษย์จวนขานฟ้าคนนั้น
ศิษย์จวนขานฟ้าหน้าซีดขาว เจ้าลัทธิเดินผ่านข้างกายเขา นักพรตชุดคลุมหยาบสวมชุดคลุมให้เฉินอี้ด้วยความเคารพ
เฉินอี้พูดราบเรียบ “บอกคุณชายคราม จากนี้ไม่ต้องเชิญสำนักเต๋าอีก”
…………………………