ตอนที่ 36 อ้อย อิ่ง (rewrite)
เจ้าลัทธิออกจากหอเด็ดดารา
จงหลีกับกู้ชางสองคุณชายใหญ่มีสีหน้าซับซ้อน มองหน้ากัน ต่างเห็นความตกตะลึงในใจกันและกัน
สามารถทำลายค่ายกลจวนขานฟ้าอย่างเงียบเชียบได้ ทั้งยังทำให้คุณชายครามบาดเจ็บสาหัส…ผู้บำเพ็ญเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเหนือกว่าตนขั้นหนึ่ง
“เป็นการลอบโจมตีหรือไม่” คุณชายพลัดพรากขมวดคิ้วขึ้น “ทำลายค่ายกลจวนขานฟ้าได้ เงามืดพวกนั้นแห่งจวนปฐพีชอบใช้ลูกไม้ลอบโจมตีเช่นนี้ แต่ไม่มีเหตุผลเลย…เลือกวันนี้ได้อย่างแม่นยำ”
วันนี้คุณชายครามบาดเจ็บ ทำให้งานเลี้ยงหอเด็ดดาราจบลงอย่างไม่สวยงาม
เจ้าสำนักไม่ยินดีแม้แต่เจรจาต่อ
อย่าว่าแต่คนใหญ่คนโตที่มีฐานะสูงส่งอย่างเฉินอี้เลย ต่อให้เป็นพระโพธิสัตว์โคลน โดนเบี้ยวนัดหลายครั้งก็โกรธอยู่สองส่วน สุดท้ายเจ้าลัทธิออกจากหอเด็ดดารา คำพูดนั้นที่เอ่ยแทบจะแสดงจุดยืนของตนชัดเจน
คุณชายครามทำให้ตนผิดหวังมาก
เจ้าลัทธิไม่พูดด้อยค่าคุณชายคราม แต่คุณชายครามเป็นผู้นำสายเลือดรุ่นเยาว์ของจวนขานฟ้า อยู่ในจวนเขาครามสำนักตนยังถูกคนถล่มได้ง่ายดาย ศักยภาพเช่นนี้ จากนี้จะไปชิงความเป็นหนึ่งกับอัจฉริยะงานราชวงศ์ใหญ่อย่างไร จะเป็นตัวแทนจวนขานฟ้าได้จริงๆ หรือ
กู้ชางเม้มริมฝีปาก เขานึกถึงคนหนึ่ง
หลังจากกระบี่นั้นบนถนนนิมิตชาด คนนั้นปิดด่านบำเพ็ญไม่ออกมา ไม่มีข่าวคราวในจวนเจ้าลัทธิตลอด กลับมาเงียบสงบเหมือนตอนเพิ่งมาถึงเมืองหลวง
“จะเป็น…หนิงอี้หรือไม่”
กู้ชางหรี่ตาลง พูด “คนนี้ลึกลับมาก เพิ่งมาถึงเมืองหลวง ก็ไม่มีใครรู้ตื้นลึกหนาบางของเขา”
“เป็นไปไม่ได้” จงหลีส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ครั้งนี้คุณชายครามพ่ายแพ้ย่อยยับ กระทั่งอาจจะรักษาตำแหน่งคุณชายใหญ่จวนขานฟ้าไว้ไม่ได้ หากหนิงอี้มีศักยภาพเช่นนี้…ไฉนต้องเสี่ยงไปจวนเขาครามจวนขานฟ้ามากขนาดนี้ แค่โจมตีด้วยกระบี่เต็มที่บนถนนนิมิตชาด คุณชายครามต้องต้านไว้ไม่ไหวแน่
“เรื่องในคืนนี้ ไม่มีทางที่ยอดผู้บำเพ็ญดาราชะตาจะเป็นผู้ลงมือ ยิ่งมีพลังบำเพ็ญสูงเท่าไรก็ยิ่งรู้รากฐานของจวนขานฟ้าเท่านั้น การตัดสินในรุ่นเดียวกัน คนอื่นไม่อาจสอดมือได้…
“หรือก็คือ เมืองหลวงมีคนรุ่นเยาว์ที่เหนือกว่าคุณชายครามและพวกเราอย่างน้อยหนึ่งขั้นรึ”
หลังเอ่ยจบ กู้ชางคิดว่าความคิดนี้บ้าไปแล้ว
เขากินสมบัติฟ้าดินมาเท่าไรในเส้นทางนี้ ทรัพยากรทั้งสำนักศึกษาทุ่มมาให้หมด
“ลั่วฉางเซิงคนที่สองรึ”
จงหลียิ้มเยาะ “ทำเรื่องนี้ยากนักรึ เฉาหลันก็พอแล้ว ไม่ต้องเป็นลั่วฉางเซิงหรอก”
กู้ชางมีสีหน้าปั้นยาก “นี่จะเป็นไปได้อย่างไร”
“บางทีก่อนที่คุณชายครามจะล้มลงก็คงคิดเช่นนี้เหมือนกัน” จงหลีพูดเสียงต่ำ “แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้แล้ว”
…….
ยอดหอเด็ดดารา จงหลีกับกู้ชางยังพูดคุยอะไรกันอีกเล็กน้อย
สตรีไม่มีใจฟังแล้ว
เรื่องเกี่ยวกับคุณชายคราม…นางก็มีความคิดของตนเหมือนกัน
นางหิ้วกล่องพิณยักษ์ขึ้น ชุดคลุมดำและงอบถีบโต๊ะกลมเบาๆ ตัวลอยไปข้างหลัง เอนตัวเล็กน้อย ‘โดด’ ออกจากยอดหอ เหวี่ยงกล่องพิณขึ้นไว้ข้างหลังเช่นนี้
นางลงมาจากยอดหอเด็ดดารา ชายขอบชุดคลุมใหญ่ตัดค่ำคืนมืดมิด นางเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายตอนที่จะตกลงพื้น สิบนิ้วมือกดลงไปข้างล่างเบาๆ แสงดาราไหลผ่านสิบนิ้วมือและลุกโชน ตกลงบนพื้นที่กว้างใต้หอเด็ดดาราเหมือนจมลงสมุทรลึก ไม่ปนเปื้อนธุลีดินใดๆ
ศิษย์สำนักศึกษาถ้ำกวางขาว หลังเจ้าลัทธิกลับก็รวมกลุ่มกันกลับ สำนักศึกษานี้ไม่สนโลกจริงๆ ไม่แก่งแย่งชิงก็จริง แทบจะออกมาน้อยมาก ไม่เคยล่วงเกินใคร
หญิงชุดคลุมดำที่แบกกล่องพิณยักษ์ดูเด่นตายิ่งในคืนมืด ต่อให้สวมชุดคลุมดำทั้งตัวก็ยังเห็นรูปร่างอรชรของนาง การเดินพลิ้วไหวเกิดลม มีกลิ่นอายสังหารในความเงียบงัน
อ้อยอิ่งเลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็กแห่งหนึ่ง
กระบี่นั้นบนถนนนิมิตชาดเป็นของอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซาน
อาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานคนนั้น…ชื่อหนิงอี้ ก่อนหน้านี้นางก็เคยได้ยินนามมา อาจารย์อาสุ่ยเยวี่ยเคยรักและเคารพอาจารย์อาน้อยรุ่นก่อนสวีจั้ง เมื่อสิบปีก่อนสวีจั้งทำการสังหารครั้งใหญ่ ล่วงเกินเขาศักดิ์สิทธิ์มากกว่าครึ่งใต้ฟ้าต้าสุย หลังจากหนีตายสิบปีก็กลับเขาสู่ซาน พาเด็กหนุ่มที่ชื่อหนิงอี้คนนี้กลับมา
เล่าลือว่าสวีจั้งเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์วิถีกระบี่สูงยิ่งคนหนึ่ง
เช่นนั้นหนิงอี้รับตำแหน่งอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานต่อ…ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
หากคุณชายครามถูกคนสั่งสอนในช่วงเวลานี้ ทั้งยังสั่งสอนได้โหดขนาดนี้ ยากมากที่จะไม่ให้คนคิดโยงไปถึงเด็กหนุ่มคนนั้นที่ออกกระบี่บนถนนนิมิตชาดก่อนหน้านี้
อ้อยอิ่งเม้มริมฝีปาก นางรู้ว่าอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานอยู่ที่ใด ทุกคนในเมืองหลวงรู้ว่าหนิงอี้อยู่ที่ใด
เดินไปตามตรอกเล็ก มุ่งหน้าตรงไป เลี้ยวโค้ง
จากนั้นมาถึงบนถนน นักพรตชุดคลุมหยาบสองคนเฝ้าอยู่หน้าจวน
ถึงแล้ว
เมื่อเห็นแม่นางแบกกล่องพิณยักษ์คนนี้ นักพรตชุดคลุมหยาบสองคนมองมาด้วยแววตาสงสัย
อ้อยอิ่งไม่ได้เปิดผ้าคลุมหน้าขึ้น แค่เอ่ยนิ่งๆ “ข้ามาจากสำนักศึกษาถ้ำกวางขาว”
นัยน์ตานักพรตชุดคลุมหยาบสองคนมีความตกใจเสี้ยวหนึ่ง
กล่องพิณดำสนิทใหญ่ขนาดนี้ รวมถึงสวมงอบปิดผ้าคลุมหน้า…
ฐานะไม่ต้องบอกก็รู้
นักพรตชุดคลุมหยาบก้มศีรษะลงอีกครั้ง ไม่ขวางอีก
พวกเขาจะขวางคนหรือขุมอำนาจที่มาอย่างไม่เป็นมิตร แต่สำนักศึกษาถ้ำกวางขาวเป็นมิตรกับเขาสู่ซาน…หนิงอี้เคยพูดหยอกล้อไว้ว่าหากท่านหญิงพิณแห่งถ้ำกวางขาวยินดีมาหาถึงหน้าจวน เขาก็จะยินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง
อ้อยอิ่งยืนอยู่หน้าประตูจวน
นางไม่รีบร้อนเคาะประตู แต่ถามคำถามกับนักพรตชุดคลุมหยาบสองคน
“ช่วงนี้เขาเคยออกไปหรือไม่”
นักพรตชุดคลุมหยาบสองคนส่ายหน้า
“เช่นนั้น…วันนี้ล่ะ”
ส่ายหน้าอีก
ท่านหญิงพิณหน้าไม่เกิดคลื่นอารมณ์ใดๆ ลึกๆ ในใจนางมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง ลางสังหรณ์นั้นบอกตนว่า…มีความเป็นไปได้สูงมากที่ตนจะคาดเดาถูกต้อง
คนที่บุกจวนเขาครามเป็นปรมาจารย์ค่ายกล
หากหนิงอี้เป็นปรมาจารย์ค่ายกลก็จะเดินทางในเมืองหลวงได้อย่างเงียบเชียบ ไปกลับจวนเขาครามของจวนขานฟ้าได้
นางยื่นมือมาข้างหนึ่งด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง กำเป็นหมัด ยกอยู่หน้าประตูใหญ่ทองสัมฤทธิ์
นางพลันนึกถึงเรื่องหนึ่ง
…..
เผยฝานบีบยันต์ อากาศรอบกายลุกไหม้ขึ้น
นางกลับมาในห้องของจวนเจ้าลัทธิอีกครั้ง มั่นใจว่ากลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว เด็กสาวไม่ได้ผ่อนคลายในทันที แต่เปิดค่ายกลกำบังขึ้นในจวน ปกคลุมกลิ่นอายพลังและลมหายใจทั้งหมด ไม่ให้กระจายไปข้างนอก
ทำพวกนี้เรียบร้อย นางหน้าซีดขาวไปสามส่วน ตราพุทราแดงตรงระหว่างคิ้วแดงยิ่งกว่าเดิม ปราณกระบี่เป็นเส้นสายปั่นป่วนไม่อาจควบคุมได้ในห้อง ทำลายเครื่องเรือนไม้หลายชิ้น ตู้ยังถูกชนพลิกคว่ำ
การลงมือครั้งนี้ไม่ฉลาดนิดๆ 艾琳小說
เด็กสาวประเมินอานุภาพของกระบี่ซ่อนต่ำไป และประเมินความสามารถของตัวเองสูงไป
เพื่อกำราบคุณชายคราม นางใช้คลังสมบัติปราณกระบี่มากกว่าที่ตนคาดการณ์ไว้ อีกทั้งจวนขานฟ้ายังรู้ตัวเร็วกว่าที่นางคิดไว้มาก
หลังปราณกระบี่กลับมา เผยฝานบีบยันต์ค่ายกลมารดาบุตร กลับมาจวนเจ้าลัทธิ
นางพ่นลมหายใจยาว
เก็บกระบี่รีบร้อนเกินไป ภายในปอดจึงยังมีปราณกระบี่เหลืออยู่เล็กน้อย
พลังบำเพ็ญของคุณชายครามไม่ธรรมดา แต่เขาไม่เคยเจอกับการโจมตีของกระบี่ซ่อนมาก่อน มันไม่เน้นการโจมตีปลิดชีพในทีเดียว แต่เน้นสู้ระยะยาว การต่อสู้ระหว่างสองคน คือดูว่าใครพลาดก่อนกัน หากตอนนั้นเด็กสาวแพ้ เช่นนั้นก็เกรงว่าคงจะต้องอยู่ในจวนเขาครามของจวนขานฟ้า
แต่นางไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นเลย
นางหายใจยาวหนึ่งลมหายใจเทียบเท่ากับคุณชายครามหายใจสามสี่ครั้ง มีกระบี่ซ่อนของบิดาเผยหมินซ่อนในกาย เด็กสาวจึงมีความอึดสูงมาก
วิธีการต่อสู้เช่นนี้เหมาะกับนางมาก
คุณชายครามแพ้ได้อย่างไม่ต้องละอายใจ
คุณชายครามแห่งจวนขานฟ้าถูกทุบตีอยู่ในสภาพนั้น ต้องปิดข่าวไม่ได้แน่นอน
เผยฝานรู้ว่าหลังจากคืนนี้ เมืองหลวงจะเกิดคลื่นลมลูกใหม่ที่รุนแรงกว่าบนถนนนิมิตชาด
นางรู้ว่าคืนนี้คุณชายครามเชิญแขกผู้มีเกียรติไปงานเลี้ยวหอเด็ดดารา ดังนั้นจึงเลือกโอกาสนี้ เมื่อสู้จบ ก็คงจะไม่มีความคิดอันแรงกล้าที่จะดำเนินแผนการลับที่วางไว้ในเมืองหลวงอีก
อย่างน้อยการทูตกับสำนักเต๋าก็ต้องล้มไม่เป็นท่า
เด็กสาวปรับลมหายใจช้าๆ รอสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยถึงมาในห้องหนิงอี้ นั่งข้างเตียง มองใบหน้าซีดขาวนั้น
ตนจากไปจนกลับมา ไม่ได้ใช้เวลานานนัก
หนิงอี้ยังหลับอยู่
นิ้วมือหนิงอี้ขยับเล็กน้อยในความฝัน
เด็กสาวมองหนิงอี้ที่หลับใหลบนเตียง ยิ้มด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า
ภารกิจครั้งนี้
นางยินดีที่จะทำ
……
อ้อยอิ่งยืนอยู่นอกประตูจวน
นางไม่รู้สึกถึงพลังใดๆ ในนั้นเลย
ยืนอยู่ที่นี่เหมือนยืนอยู่นอกบ้านธรรมดา เหมือนทุกประการ กระทั่งเหนือกว่านั้น
ต่อให้นางนำหกสัมผัสของตนแผ่ไปตามแสงดารา ปกคลุมบนฟ้าจวนแห่งนี้ก็ยังสัมผัสไม่ได้ถึงการเคลื่อนไหวใดๆ ในนั้น
วิชาของสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวมีความสามารถในด้านสัมผัสแกร่งมาก
นางแบกพิณเลื่องชื่อของสำนักศึกษา ‘เสียงก้องบุพกาล’ ไม่มีเหตุผลใดที่จะสัมผัสไม่ได้ถึงลมหายใจในนั้น
นี่ได้แต่อธิบายว่า…ภายในจวนแห่งนี้มีคนวางค่ายกลที่เหนือชั้นมากไว้
ความสงสัยของนางคลี่คลายลงตรงหน้าจวนแห่งนี้
ท่านหญิงใหญ่สำนักศึกษาถ้ำกวางขาวคนนี้ ดึงมือนั้นที่ยกค้างอยู่หน้าประตูจวนกลับมาช้าๆ
นางหัวเราะไม่ส่งเสียง พูดกับประตูใหญ่จวนอย่างจริง
“อันดับหนึ่งรายนามดารา สมคำร่ำลือจริงๆ”
ภายในลานบ้าน
เผยฝานเลิกปลายคิ้วขึ้น
นางรู้สึกว่ามีร่างเงาหนึ่งยืนอยู่นอกประตู
และได้ยินคำพูดนั้นเช่นกัน
จากนั้นเป็นคำพูดที่เชื่องช้ามาก
“อ้อยอิ่ง ตัวแทนสำนักศึกษาถ้ำกวางขาว ฝากคำทักทายไปถึงเขาสู่ซาน”
เมื่อเอ่ยจบ หญิงคนนั้นเลิกคิดจะเคาะประตู แต่ไปจากหน้าประตูจวน
อ้อยอิ่ง คนเหมือนกับนาม
แม้เสียงจะเชื่องช้า แต่การเคลื่อนไหวไม่ช้าเลย
………………………