ตอนที่ 151 เคลื่อนย้ายแคลร์

ซู่เจินก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทําไมมันถึงเป็นแบบนี้ เพราะดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย

“ระบบ นี่มันเสร็จแล้วอย่างงั้นหรอ ?”

“ใช่ โฮสต์สามารถพาเธอออกไปจากสนามประลองได้ตลอดเวลา และตราบใดที่โฮสต์ต้องการ โฮสต์ก็สามารถส่งเธอกลับมายังสนามประลองได้ตลอดเวลา” ระบบตอบกลับมา

“โอเค”

ซึ่งความหมายของประโยคหลังจากระบบมันก็คือเขาสามารถควบคุมคนที่เขาพามายังโลกของเขาได้อย่างสิ้นเชิง โดยการสามารถส่งพวกเขากลับไปยังสนามประลองได้ตลอดเวลา และในอีกแง่มุมหนึ่งถ้าเกิดว่าคนที่เขาพามาเกิดตกอยู่ในอันตรายหรือถูกคุมขังเอาไว้ เขาก็สามารถส่งตัวของพวกเขากลับไปยังสนามประลองได้ ในทันที ซึ่งดูยังไงมันก็เหมือนกับสูตรโกงดี ๆ นี่เอง

“นอกจากนี้ เมื่อโฮสต์ส่งคนจากโลกใบอื่นไปยังโลกหลัก ระบบจะทําการสุ่มภารกิจในโลกหลักขึ้นมาให้กับโฮสต์อีกด้วย”

ในขณะที่ซู่เจินกําลังจะอธิบายสถานการณ์คร่าว ๆ ให้กับแคลร์ฟัง ทันใดนั้นระบบก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“สุ่มภารกิจในโลกหลัก ?” ซู่เจินถึงกับตกใจขึ้นมาในทันที “ช่วยอธิบายคร่าว ๆ ให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมว่า ทําไมจู่ ๆ มันถึงได้มีภารกิจขึ้นมาในโลกหลัก และยังเป็นภารกิจแบบสุ่มอีกด้วย”

“ระบบได้ถูกตั้งค่าเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ถ้าเกิดว่ามีผู้คนจากดันเจี้ยนถูกย้ายไปยังโลกหลัก ระบบภารกิจของโลกหลักจะถูกเปิดใช้งานขึ้นมาในทันที เพื่อกระตุ้นให้โฮสต์พยายามที่จะอัพเกรดระบบให้สูงมากขึ้นไปอีก”

“ดังนั้นแล้ว … “

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่มันก็ยังมีข้อดีอยู่เช่นกัน เพราะเมื่อมีภารกิจ มันก็จะต้องมีรางวัลด้วยเช่นกัน และรางวัลมันก็คือ พลังงาน ที่ใช้สําหรับการอัพเกรดระบบ และถ้าเกิดว่าเขาสามารถอัพเกรดระบบได้มากเท่าไหร่ เขาก็จะมีฟังก์ชั่นมากขึ้นด้วยเช่นกัน

และตราบใดที่ภารกิจมันไม่โหดร้ายมากเกิน เขาก็มั่นใจว่ามันจะต้องสําเร็จอย่างแน่นอน

“ฉันเข้าใจแล้ว”

หลังจากนั้นซู่เจินก็หันไปพูดกับแคลร์ว่า “หลังจากนี้ผมจะส่งตัวของคุณไปยังโลกของผม แต่ก่อนที่คุณจะออกจากที่นี่ ผมจะอธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์คร่าว ๆ ให้คุณฟังก่อน”

ยี่สิบนาทีต่อมา

“มันก็เป็นอย่างที่ผมอธิบายให้คุณฟังนั่นแหละ ซึ่งคุณสามารถไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในภายหลังเมื่อคุณมีเวลา ส่วนเรื่องสนามประลองแห่งนี้คุณควรที่จะเก็บมันเอาไว้เป็นความลับ ถึงแม้ว่ามันจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ และถึงแม้ว่าคุณจะมาจากโลกใบอื่น มันก็ไม่ได้สําคัญอะไรมากมายขนาดนั้น เพราะถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้วมันคงจะดีกว่าถ้าเกิดว่าคุณรักษาความเป็นตัวเองของคุณเอาไว้”

ถ้าเกิดว่าแคลร์เปิดเผยความสามารถนี้ของเขาออกไป มันก็คงจะมีเรื่องยุ่งยากตามมามากมายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาก็เลยไม่อยากบอกความลับนี้ให้กับคนอื่นรู้สักเท่าไหร่ เพราะเท่าที่เขารู้มาภายในโลกมาเวลแห่งนี้มีเทพเจ้าที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย และระบบอันนี้ก็ถือว่าเป็นไพ่ตายของเขา ดังนั้นมันจึงไม่สามารถเปิดเผยให้คนอื่นรู้ได้โดยง่าย

“อืม” แคลร์พยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ

“เอาล่ะ พวกเราออกไปกันเถอะ”

เมื่อซู่เจินพูดจบเขาและแคลร์ก็ออกมาจากสนามประลองพร้อมกันอย่างรวดเร็ว

ซึ่งแคลร์ก็มองไปรอบ ๆ ห้องอย่างสงสัย และถ้าจําไม่ผิดซ่เงินก็ได้บอกกับเธอเอาไว้ว่าที่นี่คือห้องภายในยานบินของดาร์กเอลฟ์ โดยสําหรับแคลร์แล้วที่นี่มันก็เปรียบเสมือนกับยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวดี ๆ นี่เอง

“ติ้ง!”

“ภารกิจถูกปล่อยออกมาแล้ว!” เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น

“ระบบ ฉันเพิ่งจะพาเธอมาเองนะ มันไม่เร็วเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?” ซู่เจินไม่คิดว่าระบบจะปล่อยภารกิจออกมาเร็วมากขนาดนี้

“ภารกิจช่วยเหลือ : เนื้อหา : ช่วยเหลือนิค ฟิวรี่ จากการตามล่าของ วินเทอร์ โซลเยอร์ ให้สําเร็จ”

“ภารกิจนี้มันควรจะมาหลังจากนี้ไม่ใช่หรอ ? หรือว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ทําให้ภารกิจถูกปล่อยออกมาก่อนเวลา ?” ซู่เจินพิมพำขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย

เดิมทีเขาไม่ได้ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับนิค ฟิวรี่เลยแม้แต่น้อย เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่ตายอยู่ดี แต่เนื่องจากมีภารกิจเข้ามา เขาก็จําเป็นที่จะต้องออกไปช่วยเหลือเขาอย่างช่วยไม่ได้

“คุณพร้อมหรือยัง ?” ซู่เจินหันไปถามกับแคลร์ ทําให้แคลร์สูดหายใจเข้าไปลึก ๆ และพยักหน้าขึ้นมาด้วยความจริงจังพร้อมกับเดินตามหลังซู่เจินออกไป

และเมื่อพวกเขาเดินมาถึงห้องประชุม นาตาชาและแซมในตอนนี้ก็ได้อยู่ในชุดเครื่องแบบเรียบร้อยแล้ว และ เมื่อพวกเขาเห็นว่าซู่เจินพาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมา พวกเขาทุกคนก็มองไปยังซู่เจินด้วยความสงสัยเล็กน้อย

เด็กมาก ? เธอน่าจะอายุไม่เกิน 15 – 16 ปีเลยด้วยซ้ํา แถมในตอนนี้เธอยังสวมใส่ชุดของเชียร์ลีดเดอร์อยู่อีกด้วย ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเพียงแค่นักเรียนมัธยมปลายธรรมดา และถึงแม้ว่าเธอจะสวยและมีรูปร่างที่ดูดี แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความเยาว์วัยของเธอ ซึ่งเธอยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยด้วยซ้ํา

“คุณไม่ได้พามาผิดคนใช่ไหม ?”

นาตาชาหันไปถามกับซู่เจินอย่างสงสัย

ซู่เจินส่ายหัวและพูดว่า “แน่นอนว่าผมไม่ได้พามาผิดคนอย่างแน่นอน เธอมีชื่อว่า แคลร์ ส่วนฉายาของเธอก็คือ อันเดดเกิร์ล และเธอก็จะเป็นสมาชิกของพันธมิตรสงครามต่อจากนี้”

“อันเดดเกิร์ล ? ความสามารถของเธอก็ตามชื่อเลยอย่างงั้นหรอ ?”

ซู่เจินยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับมองไปที่แคลร์ที่ยังคงประหม่าอยู่เล็กน้อย และเมื่อแคลร์เห็นสายตาของซู่เจินเธอก็เข้าใจได้ในทันทีเลยว่าเขาต้องการให้เธอทําอะไร หลังจากนั้นไม่นานแคลร์ก็ค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า พร้อมกับหยิบมีดจากซู่เจินมา

สาวน้อยคนนี้กล้าหาญมาก!

ซู่เจินส่ายหัวขึ้นมาเล็กน้อย แน่นอนว่าแคลร์ก็มองไปยังซู่เจินด้วยความสงสัยเล็กน้อยด้วยเช่นกัน ซึ่งวิธีที่จะแสดงพลังของตัวเองให้คนอื่นรู้ดีที่สุดก็คือการสาธิตนั่นเอง

แคลร์เหยียดแขนของเธอออกมาพร้อมกับมองไปที่ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็เอามีดกรีดไปบนแขนของเธออย่างรวดเร็ว

“ความเร็วในการรักษาตัวเองของเธอมันเร็วมาก และมันก็ดูคล้ายกับความสามารถของวูล์ฟเวอรีนอีกด้วย” นาตาชามองไปที่แคลร์พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“เจ็บไหม ?” ซู่เจินหันไปถามกับแคลร์

แคลร์ส่ายหัวขึ้นมาเบา ๆ

“อืม … เป็นความสามารถที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ” นาตาชาพยักขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาต่อว่า “เธอมีความสามารถอื่นนอกจากนี้ไหม ?”

แคลร์ส่ายหัวขึ้นมา และเมื่อได้นาตาชาเห็นเช่นนั้นเธอก็พูดขึ้นมาต่อว่า “เธอควรที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายให้มากกว่านี้ เพราะว่ามันจะช่วยเธอได้ในยามวิกฤติ และถ้าเกิดว่าเธอต้องการเรียนทักษะการป้องกันตัวเอง ฉันก็สามารถสอนให้กับเธอได้นะ”

แน่นอนว่าทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของนาตาชานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และมันก็คงจะดีถ้าเกิดว่าให้นาตาชาสอนให้กับแคลร์ ซึ่งมันก็ยังมีเรื่องให้ซู่เจินสงสัยอยู่เล็กน้อยว่าทําไมนาตาชาถึงได้สนใจเธอมากขนาดนั้น ?

ซู่เจินส่ายหัวขึ้นมาอย่างลับ ๆ พร้อมกับเดินไปตรงกลางและปรบมือขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจจากคนอื่น ๆ และพูดขึ้นมาอย่างช้า ๆ ว่า “ตอนนี้ฐานบริเวณด้านนอกใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทําให้พวกเราสามารถไปใช้มันได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งฐานของเราในตอนนี้ก็ใกล้จะได้เวลาเปิดตัวแล้วเช่นกัน และภายในไม่กี่วันหลังจากนี้ผมหวังว่า พวกเราทุกคนจะเตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้ เพราะว่าอีกไม่นานพวกเราจะออกไปทําภารกิจแรกด้วยกัน!”

เมื่อได้ยินคําพูดของซู่เจิน สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปในทันที บางคนตื่นเต้น บางคนก็เฉย ๆ ส่วนบางคนก็หมดสติไปเลยก็มี ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทําอะไรกับคน ๆ นี้ดี

“คุณอยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน และผมก็ขอฝากให้คุณช่วยดูแลแคลร์ให้ผมหน่อย” ซู่เจินเดินไปด้านหน้าของนาตาชาพร้อมกับพูดขึ้นมาเบา ๆ

“แล้วคุณล่ะ ?”

“ผม ? ผมมีอะไรบางอย่างที่จะต้องทํามันให้เสร็จโดยเร็วที่สุดในตอนนี้!”

ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับมาร์คตําแหน่งของนิค ฟิวรี่ในทันที

ซึ่งก็ดูเหมือนว่าในตอนนี้นิคฟิวรี่จะอยู่ในลานจอดรถ และกําลังเตรียมตัวที่จะขับรถออกไป และเขาก็จะ … ถูกโจมตีในไม่ช้า

นิคฟิวรี่สตาร์ทรถขึ้นมาและเตรียมที่จะขับรถออกไป แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นใครบางคนจากการมองผ่านกระจกหลัง และเมื่อเขาเห็นว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร เขาก็ถึงกับตกตะลึง

“ไง ผมมานั่งรถเป็นเพื่อนน่ะ” เมื่อเห็นนิค ฟิวรี่ที่มองมาที่เขา ซู่เจินก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม