บทที่ 153 เหรียญย่อมมีสองด้าน

เมอร์ลินร่ายคาถาแช่แข็งอย่างต่อเนื่องแล้วเขายังร่ายธารน้ําแข็งไปสมทบด้วย ก่อนหน้านี้เขาได้สะสมพลังเวทย์มาพอสมควรทําให้เขาสามารถร่ายคาถาแช่แข็งออกมาเป็นจํานวนมาก

ทางด้านชายชุดคลุมดําเขาได้ร่ายคาถาลมประแสงออกมาโจมตี พลังของมันก็ไม่ก็รุนแรงเช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่เขาโจมตี เมอร์ลินต้องใช้พลังจิตควบคุมไม่ให้คาถาโล่ปฐพีแตก หากไม่ทําเช่นนั้นคาถาโล่ปฐพี่คงไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

“หมอกรัตติกาล”

คราวเมอร์ลินใช้หมอกรัตติกาลแบบเสริมพลัง แม้ว่าจะมีพลังจิตอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสองมันก็ยังสามารถได้รับผลกระทบของมันได้

ด้วยคาถาทําให้เมอร์ลินคิดว่า เขาต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

แต่อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เขาร่ายหมอกรัตติกาลแบบเริ่มพลังไป เขาก็ได้สัมผัสถึงพลังจิตอันเข้มข้นกําลังพุ่งมาทางเมอร์ลิน นั่นทําให้สีหน้าของเมอร์ลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลังจิตของชายคนนั้นแข็งแกร่งมาก มันน่ากลัวยิ่งกว่าชายชราผมเงิน มันเกือบจะเทียนเท่านักเวทย์ระดับสาม

โดยคาถาหมอกรัตติกาลแบบเสริมพลังของเขานั้นได้ผลถึงแค่นักเวทย์ที่มีพลังจิตถึงระดับสอง ดังนั้นคาถาหมอกรัตติกาลที่เขาเพิ่งร่ายไป มันไม่ได้ผลอะไรกับเขาเลย

“ข่ายสายฟ้า!!”

เนื่องจากคาถาหมอกรัตติกายแบบเสริมพลังไม่สามารถทําอะไรเขาได้ เมอร์ลินจึงเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้และร่ายคาถาข่ายสายฟ้าแบบเสริมพลังทันที

ทันใดนั้นท้องฟ้าเต็มไปด้วยฟ้าร้องและฟ้าผ่าและพื้นดินเต็มไปด้วยลมหนาวที่พัดเข้ามาในอากาศ ทั้งหมดนี้ได้มุ่งตรงไปหาชายชุดคลุมดํา

“กําแพงดิน!!”

พลังธาตุดินก่อตัวขึ้นรอบตัวของชายชุดคลุมดําอย่างรวดเร็ว คาถาธาตุดินของเขามีพลังทนทานยิ่งกว่าคาถาโล่ปฐพีของเมอร์ลินจึงทําให้ข่ายสายฟ้าโจมตีได้เพียงผิวเผินเท่านั้น

ส่วนธารน้ําแข็ง มันสามารถแช่แข็งได้ทั้งหมดแต่ในขณะที่เมอร์ลินกําลังจะร่ายคาลูกฟใส่ชายชุดคลุมดําได้ร่ายคาถากําแพงดินกันไว้เพื่อไม่ให้เมอร์ลินทําลายกําแพงดินที่ถูกผลึกน้ําแข็งเกาะ

ด้วยเหตุนี้ทําให้เขารู้สึกหมดหนทาง เขาไม่มีมางเอาชนะชายตรงหน้าได้เลย เนื่องจากเขาเพิ่งร่ายคาถาธาตุลมกกับธาตุดินไปเท่านั้น ยังมีคาถาอย่างน้อยหนึ่งคาถาที่เขายังไม่ได้ร่าย

แต่ทันใดนั้นเอง เมอร์ลินได้สัมผัสถึงอะไรบางอย่าง

“ฝนอัคคี!!”

ชายชุดคลุมดําร่ายเวทย์บทใหม่อย่างรวดเร็ว โชคดีที่เมอร์ลินเตรียมพร้อมเอาไว้ ทันทีที่ชายคนนั้นร่ายเวทย์ออกมา เขาได้ใช้คาถาธาตุลมทันที

“ลมพายุ”

ร่างของเมอร์ลิน หายไปในพรบตา เขาหนีออกจากพื้นที่ที่ถูกโจมตีโดยฝนอัคคี

“หืม? เจ้านักเวทย์หกธาตุคิดจะหนีงั้นรึ อย่าคิดจะหนีไปง่าย ๆ กับดับน้ําแข็ง!!”

ชายชุดคลุมดําได้หัวเราะเยาะออกมาและร่ายคาถาควบคุมธาตุน้ําแข็ง ตอนนี้เมอร์ลินรู้แล้วว่าชายตรงหน้าเป็นนักเวทย์สี่ธาตุระดับหนึ่งที่ทรงพลัง

ทางด้านเมอร์ลิน เขาตกใจเล็กน้อย ถ้าหากชายชุดคลุมดําไม่ร่ายคาถากับดักน้ําแข็ง เขาก็จะเคลื่อนที่ไปซ่อนตัวและหาจังหวะในการสังหารเขา

ในเมื่อเป็นแบบนี้ทําให้เขาเสียเปรียบแล้วมาก คู่ต่อสู้ของเขาเป็นนักเวทย์สี่ธาตุระดับหนึ่งแถมหมอกรัตติกาลก็ไม่กับเขาไม่ได้ผล ดังนั้นเมอร์ลินจึงเหลีทางเลือกเดียวนั่นก็คือตั้งรับและหาจังหวะสวนกับไป

“โล่ปฐพี!”

เมอร์ลินร่ายคาถาโล่ปฐพีอย่างรวดเร็วแต่ด้วยคาถากับดักน้ําแข็งและลมประกายแสง ทําให้เมอร์ลินร่ายโล่ปฐพี่ถึงสามครั้งเพื่อที่จะทําให้ได้โล่ปฐพีแบบเสริมพลัง หากทําอย่างนี้ต่อไปพลังเวทย์ของเขาจะหมดงอย่างรวดเร็ว

โชคดีที่เมอร์ลินใช้หินธาตุสะสมพลังเวทย์มาก่อน จึงทําให้คาถาระดับศูนย์ทําหมดของเขาสามารถร่ายได้ 60ถึง70ครั้ง

ถ้าหากเขาไม่ได้เดอะเมทริกซ์สร้างโครงสร้างเวทมนต์ให้เขา มันไม่มีทางเลยที่จะสะสมพลังเวทย์ได้มากขนาดนี้

ตอนนี้แผนของเขาก็คือรับมือชายชุดคลุมดําไปเรื่อย ๆ จนกว่าพลังเวทย์ของเขาจะหมด

ในระหว่างที่เขาทําการตั้งรับ เขาก็ยิงสวนการโจมตีด้วยลูกไฟ แช่แข็งและข่ายสายฟ้าอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้ทั้งคู่ต่างตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด พวกเขาได้ใช้พลังเวทย์ไปเป็นจํานวนมากแล้ว

สําหรับเมอร์ลินหากต้องสู้กับนักเวทย์ระดับเดียวกันนั้นเขาสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามฝ่ายตรงข้ามเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งที่ทรงพลังและมีพลังจิตที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ ด้วยเหตุนี้จึงทําให้หมอกรัตติกาลของเขามันไร้ประโยชน์ แม้เขาจะรู้สึกเสียเปรียบแต่เขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้

ส่วนชายชุดคลุมดํากําลังหัวเสีย ตอนนั้นเขาได้ข่าวจากนีล เขาก็รีบมาทันทีแต่นิลดันคิดว่าเมอร์ลินนั้นอ่อนแอเนื่องจากเมอร์ลินเป็นพ่อมดพเนจร นั่นทําให้เขาหลงเชื่อไปด้วย

“ใครจะไปคิดว่านักเวทย์หกธาตุมันจะน่ากลัวขนาดนี้” เขาสังดเหตุเห็นพลังที่น่ากลัวที่สุดของเมอร์ลินนั่นก็คือ หมอกรัตติกาล หากพลังจิตของเขาไม่ได้เทียบเท่านักเวทย์ระดับสาม ป่านนี้เขาคงตกอยู่ในภาพลวงตาไปแล้ว

เนื่องจากเขาไม่สามารถหนีไปได้ เขาทําได้เพียงยืนหยัดต่อสู้ไปเท่านั้นโดยหวังว่าพลังเวทย์ของเมอร์ลินจะหมดไปในที่สุด

อย่างก็ตามเวลาได้ผ่านไปครึ่งชั่วโมง มันไม่มีที่น่าว่าพลังเวทย์ของเมอร์ลินจะหมด เขาไม่สามารถฝืนต่อสู้ได้นานกว่านี้แล้ว

เขาจึงตัดสินใจหยุดร่ายคาถาฝนอัคคี ในเวลาเดียวกันเมอร์ลินได้ร่ายลูกไฟกัแช่แข็งอย่างต่อเนื่อง พวกมันใช้พลังเวทย์น้อย เมอร์ลินจึงยิงออไปได้หลายสิบครั้ง เขาต้องการจะทําลายกําแพงดินของชายชุดคลุมดํา

จากนั้นเขาก็หยุดร่ายลูกไฟและแช่แข็ง เขาได้เปลี่ยนไปรายข่ายสายฟ้าและคงสภาพโล่ปฐพีไว้

อีกครึ่งชั่วโมงานไป ทั้งสองหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด ชายชุดคลุมดําถอดสู้ดของขาออกเผยให้เห็นใบหน้าของเขา

เขาเป็นผู้ชายอายุประมาณ 30ปีมีผิวขาวที่ด้านซ้ายของใบหน้ามีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ดูน่ากลัว ไม่แปกลใจเลยที่เขาถึงสวมฮูดปกปิดใบหน้าตลอดเวลา

เมอร์ลินที่คุ้นชินกับรูปลักษณ์ที่น่ากลังของพ่อมดลีโอ เมื่อเทียบระหว่างเขากับพ่อมดลีโอแล้ว เขาดูปกติกว่ามาก

เมอร์ลินมองเขาอย่างสงสัย ตอนนี้เขาคิดจะทําอะไร

ชายชุดคลมดํามองเมอร์ลินจากด้านหลังของกําแพงดินอย่างระมัดระวังและพูดกับเมอร์ลินว่า

“พ่อมดเมอร์ลิน ฉันมีชื่อว่าวิกซ่า ฉันถูกพ่อมดนีลจ้างมาเพื่อฆ่าคุณ อย่างไรก็ตามตอนนี้นีลได้ตายไปแล้วและอีกอย่างทั้งฉันและเธอไม่สามารถเอาชนะกันและกันได้ ทําไมเราไม่หยุดและต่างคนต่างไปตามเส้นทางของตัวเอง แบบนี้มันดีกว่ามั้ย?”

เมอร์ลินได้หยุดร่ายคาถา เขาจ้องมองชายตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ และไม่ได้ตอบอะไรเขาไป เขารู้สึกว่าชายตรงหน้าไม่สามารถไว้วางใจได้ เขาได้ชําเลืองไปมงอร่างของพ่อมดนีลที่ไหม้เกรียม และหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดออกมาว่า

“พ่อมดวิกซ่า ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักกับพ่อมดนีลเป็นอย่างดีและดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ทําอะไรบางนี้เป็นครั้งแรกด้วย ใช่มั้ย?”

พ่อมดวิกซ่ามองดูศพของพ่อมดนีลและส่ายหัวอย่างไม่เต็มใจ “คุณพูดถูก ฉันเคยทําอย่างนี้กับพ่อมดนีลมาก่อน ฉันเคยเป็นนพ่อมดพเนจรมาก่อนแล้สฉันก็ไม่มาพบกับนีล เขาบอกฉันว่ามีวิธีที่จะทําให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณไม่แปลกใจเหรอว่าทําไมพ่อมดพเนจรฉันถึงได้มีโครงสร้างเวทมนต์และวัสดุดิบปรุงยามากมาย ใช่แล้ว ฉันได้ทําตามคําสั่งของพ่อมดนีลในการสังหารนักเวทย์ที่มาจากดินแดนมนต์ดํา”

เมอร์ลินรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันใด อย่างที่เขาคิดไว้พ่อมดนีลได้ร่วมมือกับพ่อมดพเนจรเพื่อลอบสังหารนักเวทย์ของดินแดนมนต์ดํา

คราวนี้นีลกําลังจะใช้แผนการเดิมกับเขาเพื่อฆ่าเมอร์ลิน ถ้าแม่มดรีลลิสไม่มาเตือนเขาก่อน สถานการณ์คงจะเลวร้ายไปมากกว่านี้

ในระหว่างที่เมอร์ลินไม่ได้พูดอะไร วิกซ่าได้พูดขึ้นมา “พ่อมดเมอร์ลิน พวกเราไม่จําเป็นต้องสู้กันให้ตายไปข้าง คุณคือนักเวทย์หกธตุที่มีอนาคตสดใสและฉันเป็นนักเวทย์สี่ธาตุที่เพิ่งจะกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง หากพวกเราต้องตายที่นี่ มันไม่คุ้มเลย คุณคิดอย่างนั้นมั้ย?”

ด้วยเหตุนี้วิกซ่าได้ยกเลิกคาถากับดักน้ําแข็งทิ้งไป ตอนนี้เขาไม่มีพลังเวทย์มากพอที่จะร่ายคาถากับดักน้ําแข็งนี่อีก ส่วนทางด้วยเมอร์ลินตอนนี้เขาแทบไม่เหลือพลังเวทย์ในการร่ายคาถาเลย และเขายังมีคาถาโล่ปฐพี่อยู่ซึ่งดูเหมือนจะไม่สามารถอยู่ได้นานนัก

“ได้ ให้เราหยุดใช้คาถาและถอยหลังไปคนละสาวก้าว”

เมอร์ลินเห็นด้วยกับข้อเสนอของวิกซ่า เขาได้คลายคาถาโล่ปฐพีออก ส่วนวิกซ่าก็ได้คลายคาถากําแพงดินเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามในขณะที่ทั้งคู่กําลังถอยหลัง เขาได้หยิบหินธาตุออกมาอย่างลับ ๆ เพื่อที่จะมาฟื้นฟูพลังเวทย์ของเขา

“พ่อมดเมอร์ลิน ฉันหวังว่าคุณจะรักษาสัญญา เอาหินธาตุออกจากมือของคุณซะ” วิกซ่ากล่าวด้วยเสียงเข้ม

เมอร์ลินได้หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “พ่อมดวิกซ่า ฉันเองก็ควรจะพูดเรื่องนั้นกับคุณด้วยเช่นกัน อย่ามาเล่นเกมโง่ ๆ กับฉัน คุณก็เอาหินธาตุออกจากมือด้วย”

ทั้งคู่ต่างหยิบหินธาตุออกมาอย่างลับ ๆ เพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์ของพวกเขา

พ่อมดทั้งสองต่างหัวเราะเบา ๆ พวกเขาได้วางหินธาตุลงกับพื้นและถอยหลังออกไป

“หนึ่ง สอง สาว เอาล่ะ คราวนี้หันหลัง!” วิกซ่ากล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจัง จากนั้นพ่อมดทั้งสองค่อย ๆ หันหลังให้กับ

*พรึ่บ!!*

ทันใดนั้นเอง พ่อมดทั้งสองได้หันมาเผชิญหน้ากันอย่างรวดเร็ว บรรยากาศแห่งความตึงเครียดได้กลับมาอีกครั้ง