บทที่ 79 นี่ไม่ต่างอันใดกับการฆ่าเขาเลย!

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 79 นี่ไม่ต่างอันใดกับการฆ่าเขาเลย!

บทที่ 79 นี่ไม่ต่างอันใดกับการฆ่าเขาเลย!

ฝูไห่กงกงและเหล่านางกำนัลโดยรอบต่างพากันหดตัวห่อไหล่ พยายามลบการดำรงอยู่ของตัวเอง

  

หนานกงฉีโม่และเหล่าน้องชายต่างหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ

  

เสี่ยวเป่าถีบขาสั้น ๆ ของตนเองไปมาพร้อมส่งเสียงดัง “ปล่อยเสี่ยวเป่าลงไปนะ ให้เสี่ยวเป่าไปดูหน่อย”

  

มุมปากของหนานกงฉีโม่กระตุก เขาปิดตาลงด้วยความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

  

เสียใจที่พวกเขาไม่ได้ฟังคำของหนานกงเหิงให้จับท่านอาเจ็ดยัดใส่กระสอบ

  

สีหน้าของหนานกงสือเยวียนเรียบเฉย ทำให้คนอื่นไม่อาจอ่านอารมณ์ของเขาได้

  

“ปล่อยนางลง”

  

ทันทีที่เท้าของเสี่ยวเป่าแตะพื้น นางก็วิ่งเตาะแตะไปหาหนานกงสือเยวียน ก่อนจะออกแรงปีนขึ้นไปบนตักของฮ่องเต้อย่างไม่กลัวตายท่ามกลางสายตาของทุกคน

  

หลังจากก้นน้อย ๆ ทิ้งลงบนตักของผู้เป็นบิดาแล้ว นางก็มุ่ยหน้าแล้วบ่นงอแงออกมาว่า “เหนื่อยจัง”

  

ยกเว้นหนานกงฉีโม่ที่เคยเห็นมาก่อนแล้ว คนอื่น ๆ ต่างพากันอ้าปากค้าง ขณะมองฉากดังกล่าวด้วยความโง่งม

  

เสี่ยวเป่าใช้มือเล็ก ๆ อันนุ่มนิ่มประคองใบหน้าของหนานกงสือเยวียน ใบหน้าขาวผ่องของเด็กน้อยเอียงคอมองสำรวจ

  

“ว้าว…เหมือนกับท่านพ่อของเสี่ยวเป่าเลย เสี่ยวเป่าขอบอกท่านเลยว่า พ่อของเสี่ยวเป่านั้นรูปงามเหนือชั้นอย่างถึงที่สุด….”

เจ้าก้อนแป้งยามเมานั้นปากหวานยิ่งกว่าเดิม พวกเขาได้แต่มองเด็กเล็กด้วยความเลื่อมใสอย่างมาก

  

กล่าวประจบเช่นนี้กลับให้ความรู้สึกจริงใจ หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาล้วนต้องรู้สึกเบิกบานใจยิ่งเป็นแน่!

  

เสี่ยวเป่ายังคงเอ่ยพึมพำอยู่ในอ้อมแขนของหนานกงสือเยวียน

  

“แต่ท่านพ่อต้องเหนื่อยมากเลย ทุกวันท่านพ่อล้วนทำงานหนักต่อเนื่องยาวนาน ท่านพี่ยังบอกอีกว่า อึก~ ท่านพ่อครั้งยังเด็กเคยถูกพวกคนเลวขับไล่ให้ไปสู้รบในที่ห่างไกล!”

  

เสี่ยวเป่าชูกำปั้นตัวเองขึ้นมา แล้วพูดเสียงดังออกมาด้วยความดุดัน “การปกป้องท่านพ่อเป็นหน้าที่ของเสี่ยวเป่า ไม่มีผู้ใดสามารถรังแกท่านพ่อได้!”

  

หนานกงสือเยวียน “…”

  

แม้จะรู้สึกตื้นตันใจ แต่เขาก็มิอาจเผยความงุ่มง่ามด้วยความเก้อเขินออกมาได้ โดยเฉพาะภายใต้สายตาที่ลอบมองมาของเหล่าพระโอรส

  

“ฝูไห่”

  

“กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

  

“พาองค์หญิงไปนอน”

  

“พ่ะย่ะค่ะ”

  

ฝูไห่กงกงก้าวออกไปด้านหน้าเพื่อรับเสี่ยวเป่าเข้ามาในอ้อมแขน แต่ทันใดนั้น ดวงตาของเจ้าก้อนแป้งก็จับจ้องมาด้วยความระแวดระวัง

  

“เจ้าคิดจะทำสิ่งใด ไม่ใช่ว่าต้องการจะแย่งท่านพ่อของเสี่ยวเป่าหรอกนะ!”

  

นางกอดแขนของหนานกงสือเยวียนไว้แน่นด้วยความตื่นตัว ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบ ๆ

  

ชายชราแย้มยิ้มด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “องค์หญิงน้อย พวกเราไปนอนกันเถิด”

  

เสี่ยวเป่าที่เมาจนสูญเสียสตินึกคิด หันไปมองแล้วเอ่ยด้วยเสียงฮึดฮัด

  

“ไม่ใช่องค์หญิงน้อย เสี่ยวเป่า…เสี่ยวเป่าเป็นภูตน้อยต่างหาก ทั้งยังเป็นภูตน้อยที่เก่งมากด้วย!”

  

คำพูดของนาง คนอื่นล้วนไม่ได้ใส่ใจ ทว่าหนานกงสือเยวียนกลับมองไปที่บุตรีของตนเองด้วยสายตาครุ่นคิด

  

“เด็กดี ไปนอนได้แล้ว”

  

เมื่อได้ยินเสียงของท่านพ่อ เสี่ยวเป่าก็เงียบลงทันที ก่อนจะแหงนใบหน้าละเอียดอ่อนที่มุ่ยลงขึ้นมองเขา

  

“ท่านพ่อ~”

  

นางกอดท่านพ่อแล้วถูไถไปมาราวกับลูกแมวน้อยตัวหนึ่ง

  

“เสี่ยวเป่าอยากอยู่กับท่านพ่อ”

  

หนานกงสือเยวียนลูบผมสีดำนุ่มของนาง

  

“พวกเจ้ากลับไปก่อน”

  

“พ่ะย่ะค่ะ”

  

พวกเขารีบออกไปอย่างรวดเร็ว

  

“องค์ชายรองอยู่ก่อน”

  

หนานกงฉีโม่เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในใจทันที ไม่ดีถึงขนาดที่ต้องการวิ่งหนีออกไปทันที

  

แต่เขาก็พยายามรั้งตัวเองไว้ หันกลับมาถามว่า “เสด็จพ่อยังมีเรื่องอันใดอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

  

หนานกงสือเยวียนที่กอดธิดาตัวนุ่มนิ่มและมีกลิ่นสุราอยู่เล็กน้อย ชี้ไปยังกองฎีกาบนโต๊ะ

  

“เอาพวกนี้กลับไปด้วย”

  

หนานกงฉีโม่ “…”

  

เขาปฏิเสธได้หรือไม่?

  

ดวงตาจิ้งจอกหลุบต่ำลงด้วยความหงอยเหงาเศร้าซึม ในมือของเขาถือฎีกาหลายฉบับจากไปด้วยความอ่อนล้า

เมื่อคนอื่น ๆ เห็นฎีกาในมือของหนานฉีโม่แล้วก็เร่งฝีเท้าเดินจากไปให้ไวยิ่งกว่าเดิม

  

โดยเฉพาะเจ้าสี่และเจ้าห้า สองคนนี้ยามเข้าเรียนยังเบื่อหน่ายยืดยาด ไม่ต้องพูดถึงฎีกาเหล่านี้เลย

  

หนานกงสือเยวียนขมวดคิ้ว

  

“เหตุใดพระโอรสของฮ่องเต้องค์อื่นถึงได้กระตือรือร้นเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารบ้านเมือง แต่พวกโอรสของข้ากลับไม่มีใจต้องการ?”

  

ไม่ใช่เพียงไม่อยากมีส่วนร่วมในการบริหารบ้านเมือง แต่ทุกครั้งที่เห็นฎีกาก็ทำหน้าประหนึ่งเห็นผี

  

ฝูไห่กงกง “…ฝ่าบาท เหล่าองค์ชายดูสนิทสนมรักใคร่ปรองดองกันมากยิ่งขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ”

  

นอกเหนือจากนี้แล้ว เขาจะพูดสิ่งใดได้อีก?

  

ภายในใจของหนานกงสือเยวียนไม่พึงพอใจเป็นอย่างมาก “พวกเขาเป็นเสียเช่นนี้ แล้วเมื่อใดข้าจะสามารถส่งมอบอำนาจให้ได้!”

  

หลังจากพูดจบ เขาก็สะบัดชายอาภรณ์ตวัดเด็กเล็กจอมขี้เมาเอาไว้ในอ้อมแขน

  

ฝูไห่กงกง “…”

  

ท่านยังต้องถามข้าอีกหรือ ผู้ที่ท่านควรถามคือตนเองไม่ใช่รึ?

  

ฮ่องเต้ที่ไม่อยากเป็นฮ่องเต้ เอาความหวังไปตั้งกับเหล่าบุตรชาย ทว่าเหล่าบุตรชายกลับได้รับการสืบทอดลักษณะนิสัยของท่านไปอย่างเต็มที่…

  

“ท่านพ่อ ท่านพ่อ…”

  

ขี้เมาตัวน้อยนี่ไม่อาจอยู่เงียบ ๆ ได้เสียจริง ร้องเรียกหาท่านพ่ออยู่ตลอดเวลา เมื่อถูกวางลงบนเตียงแล้วก็เริ่มกลิ้งตัวไปมา

  

“ท่านพ่อ~”

  

สุดท้ายนางก็กลายเป็นหนอนไหมตัวน้อยสีขาวราวหิมะ ก่อนจะกลิ้งขึ้นไปเกยบนตักของหนานกงสือเยวียนครึ่งตัวแล้วหาวออกมา

  

“ท่านพ่อ ข้าง่วงแล้ว~”

  

หนานกงสือเยวียนหยิกใบหน้าเล็กอ้วนของนาง

  

แม้เจ้าตัวเล็กจะเมามาย ใบหน้าขาวกลายเป็นสีแดงก่ำดั่งลูกท้อ ทว่าบนร่างก็ไม่ได้มีกลิ่นสุราแรงมากนัก

  

ยังคงมีกลิ่นหอมสะอาดและนุ่มนิ่มราวกับก้อนแป้งน้อย ๆ

  

“นอนซะ”

  

ยามนี้ ท่านพ่อผู้นี้ชำนาญในการกล่อมลูกสาวให้นอนหลับเป็นอย่างยิ่ง เขาโอบนางเข้ามาในอ้อมแขนก่อนจะตบหลัง เจ้าตัวน้อยหลับสนิทไปในอ้อมกอดของเขา ขาสั้น ๆ ไขว่หากันเล็กน้อย

  

วันต่อมา หลังจากได้รู้สาเหตุที่เสี่ยวเป่าเมามาย หนานกงสือเยวียนก็ยกยิ้มน่ากลัวทันที

  

เมื่อถึงยามว่าราชการตอนเช้า หนานกงสือเยวียนไม่เห็นหนานกงหลีตัวโง่งมนั่น ดังนั้นหลังจากว่าราชการเสร็จ เขาจึงสั่งให้คนนำพระราชโองการไปยังจวนของเซียวเหยาอ๋อง

  

ผู้ที่ไปประกาศราชโองการเป็นขันทีอาวุโสผู้หนึ่ง ทว่าไปถึงก็ไม่พบผู้ใด หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง พระชายาของเซียวเหยาอ๋องก็ออกมาพร้อมกับบุตรชาย

  

สีหน้าของพระชายาเซียวเหยาอ๋องมีความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่เล็กน้อย

  

“อวี่กงกงโปรดรอสักครู่ ท่านอ๋องกำลังจะออกมาในอีกไม่ช้า”

  

ด้านหลังพระชายาเซียวเหยาอ๋อง บุตรชายฝาแฝดสองคนกำลังส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเงียบลงเมื่อถูกผู้เป็นมารดาถลึงตามอง

  

อวี่กงกงพยักหน้า “เซียวเหยาอ๋องไม่ว่าง เช่นนั้นกระหม่อมก็จะรอ”

แม้เขาจะเป็นผู้ถือพระราชโองการ แต่เซียวเหยาอ๋องถึงจะลอยชายเพียงใดก็ยังเป็นอ๋องผู้หนึ่ง

เซียวเหยาอ๋องเร่งรีบเดินมา ระหว่างทางเดินออกมาก็จัดการผมตัวเองด้วยสีหน้าคล้ำเครียด

  

ผู้ใดจะสามารถเข้าใจความรู้สึกแตกสลาย เมื่อตื่นมาพบว่าเส้นผมอันเป็นสมบัติล้ำค่าของตนเอง ถูกถักจนกลายเป็นเปียน่าเกลียดหลากหลายแบบกัน?

  

ยิ่งตอนที่เขาได้รู้ว่าผู้ทำผลงานชิ้นเอกนี้เป็นหลานสาวของเขา ทว่าความผิดทั้งหมดนั้น…เป็นของตัวเขาเอง!

  

ยามนั้น เขาเมามายเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเสี่ยวเป่าต้องการจะดื่มนม เขาจึงส่งถ้วยในมือออกไปให้ ไม่ได้คิดมาก่อนว่ามันจะเป็นสุรา!

  

อวี่กงกงมองเปียที่ยังคลายออกไม่หมดของเซียวเหยาอ๋อง “…”

  

อย่าหัวเราะ อดทนไว้ เราคือขันทีมืออาชีพ!

  

“แค่ก…ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง….”

  

เดิมทีหนานกงหลีฟังด้วยความไม่ใส่ใจนัก แต่เมื่อยิ่งได้ฟังเนื้อหามาเท่าใด ใบหน้าก็ยิ่งไม่น่าดู สุดท้ายเขาก็ต้องฝืนยิ้มมุมปากเพื่อตอบรับพระราชโองการ

  

จากนั้นเขาก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนออกมา “เหตุใดกัน ก่อนหน้านี้เสด็จพี่ก็ไม่เคยเอาสิ่งใดกับข้าไม่ใช่หรือ!”

  

ใจความของพระราชโองการมีอยู่ว่า เซียวเหยาอ๋องอย่าได้ทำตัวเกียจคร้าน นับตั้งแต่นี้ทุกวันล้วนต้องไปประชุมขุนนางตอนเช้า!

  

นี่ไม่ต่างอันใดกับการฆ่าเขาเลย!