บทที่ 64 ด้านมืดของนิรุตติ์

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ถ้าเกิดว่าฉันบอกว่าไม่ล่ะ?” นิรุตติ์อุ้มวารุณีถอยไปหนึ่งก้าว

เขามาเพื่อช่วยเธอโดยเฉพาะ เพราะอยากให้เธอติดค้างเขาสักครั้ง เขาถึงจะหาโอกาสในการเข้าใกล้เธอให้ได้ แล้วทลายกำแพงในใจเธอ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองให้ได้

ดังนั้นเขาจะปล่อยให้นัทธีมาแทรกกลางได้อย่างไรกัน

แต่เมื่อนัทธีเห็นว่านิรุตติ์ไม่ยอมส่งมาให้ ก็หรี่ตาลง ก่อนจะตะโกนออกไป “มารุต!”

“ครับ!” มารุตลงมาจากรถ ก่อนจะมาที่ด้านหลังของนิรุตติ์ แล้วก็ล็อกแขนของนิรุตติ์เอาไว้ทั้งสองข้าง

“คุณทำอะไร?” นิรุตติ์มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่ปกปิดความโกรธเอาไว้ไม่อยู่

มารุตยิ้มตาหรี่ลงพลางพูดขึ้น “ผู้อำนวยการนิรุตติ์ ฉันว่าคุณอย่าขยับไปไหนเลย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคุณวารุณีจะตกลงมาได้นะ”

เมื่อได้ยินคำนี้ นิรุตติ์ที่อยากจะยึดยื้ออย่างเต็มกำลัง ตอนนี้จึงทำได้เพียงไม่ขยับ พลางมองนัทธีแย่งวารุณีไปจากมือของตัวเองตาปริบๆ

นัทธีอุ้มวารุณีก่อนจะเดินขึ้นรถไป

จู่ๆ นิรุตติ์ก็พูดขึ้น “นัทธี คุณรู้ไหมว่าท่าทีของคุณมันเหมือนอะไร?เหมือนชายขี้หึงเลยล่ะ!”

นัทธีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมีท่าทีกลับมาเป็นปกติ พลางหันหน้ามามองเขาเล็กน้อย “คุณคิดมากไปแล้วล่ะ ฉันแต่ไม่อยากให้เธออยู่ในมือของคนอย่างคุณเท่านั้นเอง ระหว่างคุณกับเธอมันไม่มีอะไร แต่จู่ๆ กับเข้าใกล้เธอ ไม่ใช่ว่าอยากจะได้อะไรจากตัวเธองั้นเหรอ?”

เมื่อพูดจบ เขาก็ผลุบตาลง ก่อนจะปิดประตูรถ

มารุตเองก็รีบปล่อยนิรุตติ์ก่อนจะขึ้นรถไป

เมื่อเห็นมายบัคขับออกไปไกล นิรุตติ์ขยับๆ ส่วนที่ถูกมารุตจับจนเจ็บ “นัทธีนะนัทธี คุณมีใจให้วารุณีอยู่แล้วแท้ๆ กลับไม่ยอมรับสักที ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็อย่ามาโทษฉันนะ ไม่ว่าจะเป็นคนหรืออะไรก็ตาม ขอแค่คุณสนใจ ฉันก็จะแย่งมาให้ได้!”

วารุณี เขาต้องเอามาให้ได้อย่างแน่นอน!

เชื่อได้เลยว่าจากนี้ นัทธีได้เห็นวารุณีเรียกเขาว่าสามี เด็กทั้งสองคนก็ยังเรียกเขาว่าพ่อ มันต้องน่าสนใจมากแน่ๆ เลย!

เมื่อคิดไป นิรุตติ์ก็หัวเราะอย่างโรคจิต

“ประธาน พวกเราจะไปไหนดี?” บนรถนั้น มารุตขับรถ พลางถามไปด้วย

“ที่นี่ห่างจากคอนโดไม่เท่าไหร่ ไปที่นั่นเลย!” นัทธีมองวารุณีที่อยู่ข้างๆ พลางตอบ

วารุณีพิงอยู่ตรงประตูรถ พลางนั่งขดตัว โดยที่ตัวสั่นไม่หยุด

“หนาวจัง……” เธอพึมพำออกมาอย่างไม่ได้สติ

นัทธีลังเลสักพัก จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมที่ใส่อยู่ออก จากนั้นก็เอามาคลุมให้เธอ

หลังจากที่เขาห่มแล้ว แล้วเตรียมจะดึงมือกลับ วารุณีกลับกอดแขนของเขาเอาไว้ ก่อนจะเอนมาเพื่อซบเขา พลางพยายามจะเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา จนกระทั่งหาจุดที่สบายที่สุดได้ ถึงจะหยุดลง

เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำอะไร เธอรู้เพียงว่า สิ่งที่เธอกอดอยู่นั้น มันทำให้เธอไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป

ท่าทีของวารุณีนั้น ทำให้นัทธีตัวแข็งทื่อไป

เขาผลุบตาลงมามองผู้หญิงเอาหัวมาซุกอยู่ตรงเอวของเขา จากนั้นแววตาก็สั่นไหวไม่หยุด

มารุตที่ขับรถอยู่ ในตอนนั้นในใจก็สั่นไหวเป็นอย่างมาก

ตอนแรกเขาก็ตกใจเพราะประธานอุ้มวารุณีขึ้นมาบนรถ ตอนนี้มาเห็นวารุณีมาอยู่ในอ้อมกอดของประธานอีก ส่วนประธานก็ไม่ได้ผลักเธอออก เลยยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่!

ต้องรู้ก่อนว่า ประธานนั้นยังไม่เคยมีท่าทีสนิทสนมกับคุณนวิยาขนาดนี้มาก่อนเลย!

ในตอนนั้น จู่ๆ มารุตก็นึกถึงคำพูดของนิรุตติ์ขึ้นมาได้ ที่บอกว่าประธานเหมือนชายที่ขี้หึง

เมื่อลองกลั่นกรองดูดีๆ ตอนที่ประธานเห็นนิรุตติ์อุ้มวารุณี ก็จะแย่งวารุณีมาให้ได้ พฤติกรรมแบบนี้ มันคืออาการหึงหวงไม่ใช่เหรอ หรือว่าประธานมีใจให้วารุณี……

ไม่หรอก!

มารุตตกใจจนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พลางไม่กล้าจะคิดต่อไป

ระหว่างทางนั้นไม่มีการพูดคุย เพียงไม่นานก็ไปถึงคอนโดแล้ว

นัทธีวางวารุณีลงบนโซฟา “ไป โทรหาพิชิต บอกให้เขามาที่นี่หน่อย!”

“ได้ครับ!” มารุตตอบรับ ก่อนจะรีบไปทำตาม

เพียงไม่นาน พิชิตก็เอากระเป๋ายามาด้วย ก่อนจะตรวจร่างกายให้วารุณี

“เธอเป็นอย่างไรบ้าง?” นัทธียืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะถามด้วยความตึงเครียด

พิชิตเปิดเข็มฉีดยาออกมา ก่อนจะดีดหัวเข็ม แล้วก็ตอบอย่างไม่รีบร้อน “ไม่มีอะไรหรอก แค่เหนื่อยไปหน่อยเท่านั้นเอง บวกกับการที่เธอหนาวมากเกินไป ดังนั้นร่างกายรับไม่ไหวเลยไข้ขึ้น ฉีดยาแล้วพักสักหน่อยก็อาการดีขึ้นแล้วล่ะ”

นัทธีมีสีหน้าที่ผ่อนคลายลง จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

หลังจากที่ฉีดยาเสร็จ พิชิตก็ทิ้งเข็ม จากนั้นก็มองเขาอย่างยิ้มแย้มเล็กน้อย “ฉันก็ว่าอยู่ว่าทำไมจู่ๆ คุณก็ออกมาจากโรงพยาบาล ที่แท้ก็เป็นเพราะเธอนี่เอง”

นัทธีไม่ได้ปฏิเสธ ก่อนจะรินไวน์แดงสองแก้ว แล้วก็ส่งให้พิชิตแก้วหนึ่ง “เธอถูกจับไปที่สถานีตำรวจ เพราะฉันเป็นต้นเหตุ ฉันจะไม่สนใจไม่ได้ จริงสิ การผ่าตัดของนวิยาเป็นอย่างไรบ้าง?”

“คุณรู้จักถามด้วยเหรอ!” พิชิตกลอกตาใส่เขา ก่อนจะตอบคำถามนั้น “การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี พงศกรเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาเกี่ยวกับสมอง การผ่าตัดที่คาดเอาไว้ว่าต้องใช้เวลาห้าชั่วโมง เขาใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็เสร็จแล้ว”

“พอแล้ว!” นัทธีไม่อยากได้ยินชื่อของพงศกร เลยวางแก้วไวน์ลง ก่อนจะไปส่งแขก “คุณกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวนวิยาฟื้นแล้วบอกฉันด้วยล่ะ”

“เข้าใจแล้วล่ะ” พิชิตดื่มไวน์ในแก้วจนหมด ก่อนจะถือกระเป๋ายาเดินออกไป

เขาไปได้ไม่นาน วารุณีก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว

เธอขยี้หัวก่อนจะลุกขึ้นมา “ที่นี่ที่ไหน?”

“คอนโดของฉัน” นัทธีนั่งบนโซฟาตรงข้ามเธอพลางตอบ

เมื่อวารุณีได้ยินเสียงของเขา ถึงจะรู้ว่าเขาอยู่ “ประธานนัทธี”

นัทธีตอบเล็กน้อย ก่อนจะยกถ้วยน้ำบนโต๊ะน้ำชาส่งให้เธอ “คุณไข้ขึ้นแล้ว ฉันหากุญแจของคอนโดคุณไม่เจอ เลยต้องให้คุณมาอยู่ที่ของฉันก่อน ดื่มน้ำก่อนเถอะ”

“ขอบคุณค่ะ” วารุณีรับแก้วมา

ความอุ่นของน้ำนั้นมันค่อยๆ ไหลลงคอไป ไม่เพียงทำให้อุ่นกาย แต่มันยังอบอุ่นไปถึงหัวใจของเธออีกด้วย

ในตอนแรก ที่เธอเห็นเงาตรงหน้าก่อนจะเป็นลมไป เป็นเขาจริงๆ ด้วย!

“ฉันได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากมารุตหมดแล้ว” จู่ๆ นัทธีก็พูดขึ้นมา “ฉันเองก็รู้ว่าเป็นเรื่องที่พิชญาให้ขยานีไปก่อเรื่อง”

เมื่อได้ยินดังนั้น วารุณีก็ถือแก้วน้ำพลางมองไปที่เขา ในตานั้นมีความตึงเครียดอยู่ไม่น้อย “แล้วประธานนัทธีคิดว่า ฉันได้ผลักขยานีหรือเปล่า?”

นัทธียืนขึ้นพลางเอามือใส่กระเป๋า “ฉันไม่รู้ แต่ว่าฉันจะตรวจสอบให้มั่นใจ ถ้าเกิดว่าไม่ใช่คุณ ฉันจะล้างมลทินให้คุณเอง”

“งั้นก็ต้องขอบคุณประธานนัทธีมาก” วารุณียิ้มเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าจะเศร้าเล็กน้อยที่เขาไม่เชื่อเธอ

แต่ว่ายังดี ที่เขาเองก็ไม่ได้สงสัยว่าเป็นเธอ แค่นี้มันก็พอแล้ว!

“คุณพักผ่อนเถอะ ฉันกลับไปที่บริษัทก่อน” นัทธีก้าวเท้าออกไปจากประตู

เมื่อกลับมาที่รถ มารุตก็มองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ประธาน เมื่อครู่คนที่ฉันให้ไปสืบที่สถานีตำรวจสืบเจอ ว่ามีคนซื้อตัวผู้ช่วยตำรวจไป เพื่อให้สืบสวนคุณวารุณีอย่างจริงจัง เพราะอยากให้คุณวารุณียอมรับว่าเธอเป็นคนผลักขยานี”

“อะไรนะ?” นัทธีมีสีหน้านิ่งไป ก่อนจะรู้สึกสั่นไปทั้งตัว “เธอยอมรับแล้วเหรอ?”

“เปล่า!” มารุตส่ายหัว

นัทธีกำหมัดแน่น พลางพูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก “ออกรถ!”

“ครับ”

เพียงไม่นาน ก็ถึงบริษัทแล้ว

นัทธีเรียกพิชญาเข้ามาที่ห้องทำงานใหญ่ ก่อนจะมองเธอด้วยแววตามืดดำ “พิชญา ฉันจำได้ว่าฉันเคยบอกคุณแล้ว ว่าอย่าพยายามจ้องจะทำอะไรวารุณีอีก ไม่อย่างนั้นคุณจะได้กลับไปที่ห้องทำงานของคุณ แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณแค่ตอบตกลงไปอย่างนั้น โดยที่ในใจกลับไม่เห็นด้วย แต่คุณเองก็ฉลาดไม่น้อย ที่ไม่ออกหน้าเอง แต่กลับให้ขยานีมาก่อเรื่อง!”

พิชญารู้อยู่ก่อนแล้วว่าเขาจะต้องมาถามเรื่องความผิดนี้กับเธอ และก็คิดวิธีในการรับมือเอาไว้แล้วด้วย หลังจากกลอกตา ก็ขบริมฝีปากพลางร้องไห้ “ใครใช้ให้เธอชอบมาตัวติดกับคุณล่ะ ใครให้คุณพาลูกของเธอไปที่สวนสนุก เห็นอยู่ว่าเธออยากจะอ่อยคุณ แล้วแย่งตำแหน่งจากฉันไป ฉันเลยอยากจะกำจัดเธอมันผิดมากเหรอ?”

“คุณคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย?” นัทธีเบะปากด้วยความไม่สบอารมณ์ “ฉันถามคุณนะ ว่าที่ขยานีล้มลงไป มันเป็นฝีมือของวารุณี หรือว่าขยานีล้มลงไปเอง?”