ขณะที่หัวใจของนางเต้นผิดจังหวะ มือเปล่าของนางยกขึ้นและกำลังจะปล่อยลงอย่างดุร้าย แต่นางก็หยุดเมื่อกำลังจะสัมผัส…ในตอนท้าย มือเรียวยาวบอบบางของนางก็เลื่อนไปถึงจุดที่ท่านอาจารย์ได้ตีศิษย์พี่ของนางหลายครั้ง ครั้นเมื่อนางคิดว่าเขาถูกท่านอาจารย์ตีหลายครั้งจนบวมปูดเช่นนี้ได้อย่างไร นางก็อดที่จะ…ลูบมันเบาๆ อย่างอ่อนโยนไม่ได้
“เอ่อ หลิงเอ๋อร์โตแล้วจริงๆ”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกโล่งใจแต่ก็ทำอันใดไม่ถูก เขาจึงสั่งสอนนางอย่างจริงจังว่า “สตรีต้องพึงยับยั้งตนเอง ความปรารถนาตามใจตนเองและนิสัยนั้น เป็นเรื่องที่แตกต่างกัน ไม่ใช่ว่าข้าไม่เข้าใจเจ้า แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าก็ยังเยาว์ ทว่าในฐานะผู้บำเพ็ญ เจ้าก็ยังต้องยับยั้งแรงกระตุ้นในหัวใจ แล้วจะทำอย่างไร หากเจ้าเกิดจิตมาร ข้าพูดถูกหรือไม่”
“ไม่! ข้าแค่…!”
ใบหน้างามสะคราญของหลันหลิงเอ๋อร์แดงปลั่งขึ้นทันที แล้วมองไปที่ท่านอาจารย์ของนางด้วยท่าทางตื่นตระหนกก่อนจะพบว่าท่านอาจารย์ขมวดคิ้วมองนางพร้อมด้วยท่าทีราวกับปรารถนาจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมา ทว่ากลับดูลังเลและกระดาก
“เมื่อครู่นี้ ข้าเพียงแค่…ศิษย์พี่หน้าเหม็น! ท่านรังแกข้า! อ๊า!”
“สุภาพบุรุษย่อมไม่ขยับปาก แต่ลงมือทำแทน แล้วเหตุใดท่านถึงใจร้ายได้ถึงเพียงนี้เจ้าคะ”
“ฮึ่ม! ข้าย่อมขยับปากกัดท่านได้!”
“ท่านอาจารย์ หากท่านไม่ดูแลศิษย์น้องหญิงเป็นอย่างดีแล้ว ในอนาคตนางจะแต่งงานได้อย่างไรขอรับ”
“ไม่ใช่ธุระของท่าน! ข้าจะแก่ตายอยู่ในยอดเขาหยกน้อย!”
ในป่า…ฉีหยวนก็ได้หันหลังกลับออกไป พร้อมด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยที่เปี่ยมล้นอยู่บนใบหน้าของเขา ค่อยๆ ลอยกลับไปที่กระท่อมมุงจากของเขา
และไม่นานหลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เดินออกจากป่ามาพร้อมกับใบไม้และเสื้อผ้าที่ไม่เป็นระเบียบ และในขณะที่เขามองดูรอยฟันกัดเล็กๆ บนแขนของเขา เขาก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ
ศิษย์น้องหญิงของเขาเกิดปีเถาะ และสิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วจริงๆ
เวลานี้ หลันหลิงเอ๋อร์ซึ่งอยู่ข้างหลังเขาหน้าแดงปลั่ง แต่ก็แสร้งทำเป็นมองดูดวงดาวบนท้องฟ้าราวกับว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้น
เมื่อไปถึงกระท่อมมุงจาก ฉีหยวนก็ส่งข้อความเสียงเข้าไปในหูของพวกเขาทั้งสอง
“เริ่มจากวันนี้ อาจารย์จะปิดด่านบำเพ็ญเพียรเพื่อให้รู้แจ้งในการฝึกฝนเต๋าเซียนจั๋ว
ฉางโซ่ว เจ้ามีหน้าที่ดูแลทุกอย่างบนยอดเขาหยกน้อยของเรา หากมีเรื่องใดสำคัญเจ้าสามารถมาพบข้าเพื่อพูดคุยได้ตลอดเวลา…
หลิงเอ๋อร์ เจ้ายังต้องระวังใส่ใจคำพูดและการกระทำของเจ้า และเคารพศิษย์พี่ของเจ้า”
หลันหลิงเอ๋อร์พลันตอบกลับเบาๆ ราวกับเสียงยุงบินว่า “เจ้าค่ะ…เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์…”
หลังจากนั้น บรรดาชั้นของค่ายกลที่อยู่โดยรอบกระท่อมมุงจากของฉีหยวนก็มีแสงสว่างวาบขึ้นก่อนจะแยกตัวออกจากภายนอก
หลี่ฉางโซ่วหันกลับมามองนางด้วยดวงตาที่มีความหมายพร้อมกับกล่าวถามว่า “เจ้าบอกอาจารย์แล้วหรือไม่”
หลันหลิงเอ๋อร์รีบพินิจพิเคราะห์ทันที ลังเลชั่วครู่ก็กล่าวตะกุกตะกักออกมาว่า “นี่…อืม…นี่…นิดหน่อย…”
“นิดหน่อยหรือมากหน่อยกันแน่?”
“แน่นอนว่า ต้องนิดหน่อยสิเจ้าคะ!”
หลี่ฉางโซ่วหน้าตึงขณะกล่าวว่า “เข้าไปในบ้านก่อน”
หลันหลิงเอ๋อร์ตัวสั่นเล็กน้อย ใบหน้าเล็กๆ ของนางหมองลงทันทีก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้วิธีร้องไห้อย่างกะทันหัน หลังจากเข้าไปในกระท่อมมุงจากแล้ว นางก็หยิบเบาะขึ้นมาแล้วนั่งท่าคุกเข่าพร้อมกับก้มศีรษะลงและแสร้งทำเป็นร้องไห้
ขณะที่เขาเปิดใช้ค่ายกลรอบๆ หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวอย่างนิ่งสงบว่า “บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ เจ้าบอกอาจารย์ว่าอย่างไรบ้าง”
“ศิษย์พี่ ข้าถูกท่านอาจารย์บังคับจริงๆ เจ้าค่ะ…”
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วพลันหน้าผากมืดทะมึน หากมีคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขาอาจคิดว่ามีโศกนาฏกรรมความสัมพันธ์ของมนุษย์ขึ้นในยอดเขาหยกน้อยของพวกเขา
เอ…ในแผนการถอนตัวออกจากการดูแลยอดเขาหยกน้อยของท่านอาจารย์นั้น เขาควรจะให้ท่านมีภรรยาด้วยดีหรือไม่
เขาสามารถพิจารณาเรื่องนี้ได้
ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่วไม่ได้สนใจเรื่องที่ศิษย์น้องหญิงของเขาพูดจาอ้อมไปมาและชักแม่น้ำทั้งห้ามากนัก ในขณะที่นางเล่าเรื่องที่นางบอกกับอาจารย์ให้เขาฟัง
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ศิษย์น้องหญิงก็รู้ไม่มากนัก
ทว่าจากความเข้าใจในตัวตนของหลันหลิงเอ๋อร์ เขาก็มีลางสังหรณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ในวันนี้แล้ว
……
ในช่วงกลางดึก ค่ายกลที่อยู่รอบๆ หอโอสถได้ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วได้ใช้เตาหลอมเพื่อหลอมโอสถอย่างสบายๆ โดยปล่อยให้ร่างตุ๊กตากระดาษจำลองคอยปกป้องโอสถเอาไว้ ในขณะที่ตัวจริงของเขาไปปรากฏตัวในห้องลับใต้ดิน
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างมั่นคง
ในเวลานั้นหลี่ฉางโซ่วก็หยิบม้วนตำราหยกสามม้วนออกมาเพื่อฝึกฝนก่อนจะเก็บเวทสายฟ้าและพระสูตรนิรกรรม จากนั้นเขาก็นำสูตรเพลิงสมาธิแท้ออกมาและลงสลักวิธีฝึกฝนของมันเอาไว้ในหัวของเขาก่อนที่เขาจะจมอยู่ในภวังค์แห่งความคิด
มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ…
แม้จะเป็นสภาวะที่เหมาะสมที่สุดในการลอบบรรลุขึ้นเป็นเซียนต้าหลัวจิน แต่ก็ยังต้องใช้เวลายาวนานในการสั่งสมพลัง
ในฐานะที่เป็นสำนักเซียนสามสำนักบำเพ็ญเต๋า สำนักตู้เซียนก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ
มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพไม่ได้เป็นเพียงแผนการดั่งเช่น พระเจ้าโจวอู่แห่งราชวงศ์โจวโค่นล้มพระเจ้าโจ้วแห่งราชวงศ์ซางผู้เป็นราชาทรราชในดินแดนทักษิณของโลกมนุษย์ ซึ่งทั้งสามอาณาจักรน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันในเรื่องนี้ และทำให้บรรดาศิษย์จากสามสำนักมุ่งเป้าไปที่มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ
ในเวลานี้ดินแดนเทวะมัชฌิมามีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อถึงเวลา พวกเขาย่อมจะถูกมหาทัณฑ์สวรรค์ทำลายอย่างน่าอนาถ และดินแดนเทวะก็คงไม่อาจหนีพ้นจากหายนะได้เช่นกัน
แต่หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงมหาทัณฑ์สวรรค์ครั้งใหญ่นี้
มันเรียบง่ายมาก เขาต้องการบรรลุไปให้ถึงก่อนล่วงหน้า
ความจริงแล้ว มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพเป็นกระบวนการที่เง็กเซียนฮ่องเต้แห่งสวรรค์สร้างขึ้นเพื่อครองสวรรค์และปฐพี โดยมีสาเหตุเล็กน้อยคือ เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงบ่นกับบรรพาจารย์เต๋าว่าเหล่าศิษย์สามสำนักบำเพ็ญเต๋านั้นหยาบคายและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลสวรรค์ ตำแหน่งของเขาในฐานะผู้ปกครองของสามสำนักบำเพ็ญเต๋ามีเพียงในนามเท่านั้น เขาจึงไม่มีศักดิ์ศรีแห่งมนุษย์ ไม่อาจแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นต่อหน้าเจ้าแม่ซีหวังหมู่และน้องสาวของเขาได้ และทำให้ศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ของบุรุษอย่างเขาต้องพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง…
แค่กๆ นั่นมันออกนอกเรื่องแล้ว
เมื่อพิจารณาจากผลแห่งการขึ้นเป็นเทพ เมื่อศิษย์ของทั้งสามสำนักได้กลายเป็นเซียนและเข้าสู่สวรรค์ เหล่าบรรพเทพาจารย์ก็ไม่ได้ปรากฏตัวในโลกอีกต่อไป ในขณะที่พวกเขาได้วางรากฐานสำหรับศาลสวรรค์เพื่อจัดการทั้งสามอาณาจักร
ในกรณีนั้น ตราบใดที่หลี่ฉางโซ่วได้เข้าไปในศาลสวรรค์ล่วงหน้าและกลายเป็นผู้อาวุโสในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง เขาแค่ต้องปกปิดขอบเขตพลังของเขาและกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างเพื่อให้ชื่อของเขาได้อยู่ในทะเบียนเซียนของศาลสวรรค์
หลังจากผ่านมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ ชื่อของเขาก็จะอยู่ในทะเบียนเซียนแห่งสวรรค์แล้ว และจะไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับทัณฑ์สวรรค์ แล้วหลังจากนั้นเขาจะเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์อีกได้อย่างไร
แต่งตั้งเหล่าเทพเข้าสู่ศาลสวรรค์อีกครั้งหรือ ย่อมไม่สมเหตุสมผล
เมื่อเหล่าเทพที่ได้รับการแต่งตั้งเข้าสู่สวรรค์ สวรรค์ก็จะเต็มไปด้วยอัจฉริยะมากมาย จากนั้นเขาก็สามารถประสบความสำเร็จและฉวยโอกาสถอนตัวได้อย่างง่ายดาย เขาสามารถรับตำแหน่งผู้อาวุโสของศาลสวรรค์และกลับไปยังภูเขาเพื่อฝึกฝนต่อไปได้อย่างมั่นคง
เขาจะมีอะไรไปต่อต้านสิ่งนั้นได้
หลี่ฉางโซ่วเคาะนิ้วลงบนโต๊ะขณะครุ่นคิดเกี่ยวกับแผนการเฉพาะอย่างรอบคอบ
นามของเขาต้องอยู่ในทะเบียนเซียนแห่งศาลสวรรค์ก่อนที่เง็กเซียนฮ่องเต้จะบ่นกับบรรพาจารย์เต๋า ซึ่งเขายังมีเวลาเหลือเฟือ ดังนั้นการปล่อยให้อาจารย์ของเขากลายเป็นเทพแห่งแผ่นดิน ก็เป็นขั้นตอนสำคัญเช่นกันซึ่งจะสามารถช่วยเขาในการวางแผนได้มาก
หลี่ฉางโซ่วจะต้องดูก่อนว่าท่านอาจารย์ของเขาจะต้องการหรือไม่
แม้แผ่นดินจะเล็ก แต่มีจำนวนมากมาย และมีอำนาจน้อย ทว่าก็ยังเป็นเทพเจ้าแห่งความโชคดี…
และบางทีเทพแห่งแผ่นดินก็อาจจะหา…ภรรยาได้
………………………………………………………………………………