บทที่ 64 ต่อต้านในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 64 ต่อต้านในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ตอนที่ซูฉางจิ่วบอกจะแจกอาหาร มันสร้างแรงบันดาลใจให้อย่างมาก และทุกคนในชุมชนการผลิตหงซินก็ตื่นเต้น

ตอนนั้นเองที่หัวหน้าหลัวเดินไปหาซูฉางจิ่วอย่างรวดเร็ว สีหน้าประจบสอพลอแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“หัวหน้าซู คุณดูสิ ชุมชนของเรามีธัญพืชน้อยไปหน่อย ไม่ให้เรายืมก่อนสักนิดนึงล่ะ ผมจะได้ให้คนมาเอา คุณจะได้จ่ายปันส่วนสาธารณะไม่ล่าช้าด้วย” หัวหน้าหลัวพูดจาดี

ซูฉางจิ่วพ่นลมหายใจ “หัวหน้าหลัว พวกเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว? จะไม่รู้ไส้รู้พุงได้อย่างไร?”

หัวหน้าหลัวหน้าแดงเมื่อซูฉางจิ่วพูด แต่เขาก็ยังโต้เถียงอย่างหนักแน่น “เรื่องของปีก่อนเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่หรือ แป๊บเดียวก็ลืมแล้ว มีแต่เรื่องไม่ดีจะหยิบยกขึ้นมาทำไม?”

ซูฉางจิ่วคร้านจะสนใจ หัวหน้าหลัววาจาไพเราะ แล้วปันส่วนของเขาจะต้องขาดอยู่นิดหน่อยทุกปี ไม่ยืมชุมชนการผลิตนี้ก็ไปยืมชุมชนการผลิตนั้น

ถึงจะบอกว่าขอยืม แต่ทุกครั้งที่ยืมดันไม่ยอมคืน

ปีที่แล้วขอยืมแปลงของชุมชนการผลิตเจี่ยฟ่างไป หัวหน้าหลัวใช้เวลาสามเดือนถึงจะเอาธัญพืชสองร้อยจินมาหัวหน้าเฉินคืนได้ เกือบจะต้องทำงานไม่ได้พักแล้ว

สองปีก่อนขอยืมอาหารจากชุมชนการผลิตเซี่ยงหยาง หัวหน้าหลัวก็เอาห่อบุหรี่สองซองมาให้หัวหน้าหลี่แทน

ถ้าปีนี้ถ้าเขายังให้ยืมธัญพืช ไม่เป็นคนโง่ก็คนพาลแค่นั้น

“บอกมาเลยว่ายืมได้ไหม? พวกเราคบกันมาตั้งหลายปี ไม่ถึงขนาดสองร้อยจินหรอกกระมัง?”

“ไม่ให้ยืม ธัญพืชสองร้อยจินมันน้อยหรือไง? ที่แบ่งไปปีก่อนให้คนในชุมชนการผลิตยังไม่พอหรือไง?” หัวหน้าซูไม่แม้แต่จะชายตามอง

พอเห็นว่าซูฉางจิ่วไม่ให้ยืม ก็เดินไปยืมคนที่อยู่ด้านหลัง

พนักงานที่สถานีอาหารรอไม่ไหวแล้ว จึงทักให้ชุมชนการผลิตแถวที่สองมาจ่ายค่าปันส่วนก่อน

หัวหน้าหลัวได้ฟังก็ไม่สนใจสิ่งอีกต่อไป เขารีบยื่นบุหรี่ซองหนึ่งให้พนักงาน “สหายหลี่ คุณรอสักครู่นะ ธัญพืชที่ชุมชนการผลิตตงฟางหงขาดไป เราจะรีบส่งให้ทันทีเลยครับ!”

ล้อเล่นกันแล้ว อันดับหนึ่งในปีนี้ได้รถไถเป็นของรางวัล ได้ยินว่ามันเก่าแล้ว มีคนใช้งานไปมากกว่าครึ่ง

แน่นอนว่าซูฉางจิ่วก็ต้องการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งที่หนึ่งเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสเลยช่างมันไป แต่ตอนนี้ชุมชนการผลิตตงฟางหงกำลังอลหม่าน ถ้าตัวเขาไม่แย่งมาก็คงจะโง่เกินไป

เขารีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อเบียดให้หัวหน้าหลัวออกไป แต่ใครจะรู้ว่าผู้ดูแลอู๋ของชุมชนใหญ่จะพาหัวหน้าอู๋แห่งชุมชนการผลิตตงเฟิงเข้ามา

“ผู้เฒ่าหลี่ นี่คนจากชุมชนการผลิตตงเฟิง คุณชั่งธัญพืชของพวกเขาก่อนได้ไหม?” ผู้ดูแลอู๋พูดจาสุภาพมาก และในน้ำเสียงก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย

มุมมองพนักงานของสถานีอาหาร คนส่วนใหญ่มีชื่อเรียกซ้ำ เรียกใครก่อนก็เหมือนกันจึงตอบตกลงไป

ซูฉางจิ่วตะลึงงัน นี่มันหมายความว่าอะไร? แทรกแถว?

“ผู้ดูแลอู๋ ชุมชนการผลิตของเรามาตั้งนานแล้ว สมาชิกมาค้างคืนยังไม่ได้นอนกันเลย พวกเขาตื่นมาค่อนคืนแล้ว” ถึงจะกลัวผู้ดูแลอู๋แต่ซูฉางจิ่วก็ประจันหน้าโต้เถียง

“พวกเขาเป็นสหายปฏิวัติ ชุมชนการผลิตตงเฟิงก็มีเรื่องที่ต้องทำ ให้พวกเราก่อนไม่ได้หรือ? หัวหน้าซูเอ๋ย คุณก็เป็นสมาชิกเก่าแก่ แม้กระทั่งจิตสำนึกในเรื่องก็ยังไม่มี!” ผู้ดูแลอู๋โกรธ

สุดท้ายก็ใช้ศีลธรรมมาบังหน้า แต่ซูฉางจิ่วไม่ใช่คนพูดเก่งจึงพูดไม่ออก

ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงของเด็กดังขึ้น “เหล่าสมาชิกควรยืนกรานในสิ่งที่ถูกต้องและต่อต้านในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การแทรกแถวเป็นเรื่องที่ไม่สมควร!”

คำพูดของเด็กคนนั้นไม่ไว้หน้ากันเลย และทุกคนที่อยู่ตรงล้วนได้ยิน

สีหน้าผู้ดูแลอู๋เย็นชาทันที ก่อนจะเห็นเด็กผู้หญิงอายุหกหรือเจ็ดขวบพูดด้วยรอยยิ้มอยู่ไม่ไกล ใบหน้าเขาจึงน่ารังเกียจมากขึ้น

“เด็กไม่รู้กฎมาจากไหนกัน? อายุยังน้อยแต่ความคิดอันตรายมาก! พ่อแม่สอนมาอย่างไรกัน? ท่องคติพจน์ได้หรือเปล่า?”

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป ไม่มีใครในชุมชนไม่รู้ว่าใครคือผู้ดูแลอู๋

เขาเป็นคนหัวรุนแรง เพื่อให้มีคนเยินยอจึงทำร้ายคนไปไม่น้อย

และยังพูดใส่เด็กที่อยู่ตรงหน้าอีกว่ามีความคิดที่อันตราย ชัดเลยว่าไม่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่

ไม่ใช่แค่เด็กคนนี้ แต่พ่อแม่ของเธอเกรงว่าคงไม่มีชีวิตรอดด้วย

“ผมว่าความคิดของคุณหลุดลอยไปไกลมากเลยนะ แถมยังตกหลุมพรางไปแล้วด้วย คนอย่างคุณจะเป็นรองผู้อำนวยการของชุมชนใหญ่ได้อย่างไร?” คราวนี้มีเสียงผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งดังขึ้น

พอถูกคนสองคนยั่วยุ ใบหน้าของผู้ดูแลอู๋ก็ดำเหมือนหมึกสาดใส่

“แกยังรู้อีกว่าฉันเป็นผู้ดูแลชุมชน? งั้นแกรู้หรือเปล่าว่าฉันสามารถจบชีวิตแกได้!”

ใบหน้าของผู้ดูแลอู๋เต็มไปด้วยรอยย่น คำพูดทั้งดุร้ายและโหดเหี้ยม ด้วยรูปลักษณ์ที่ไร้ความปรานีนั้นทำให้ผู้คนมากมายต่างพากันหวาดกลัว

ซึ่งไม่รวมที่ขัดจังหวะเวลาคนอื่นพูดด้วย

ชายผู้หยิ่งผยองสวมเครื่องแบบทหาร เขาจูงมือเด็กสาวตัวน้อยน่ารักราวกับไม่ได้ดูหรือฟังเลย

หัวหน้าชุมชนการผลิตคนอื่นที่รู้จักซูฉางจิ่วดียังอดไม่ได้ที่จะแอบเข้าใกล้ แล้วกระซิบชักชวนเขาให้ก้าวถอยหลังมา

ผู้อ่อนแอรับมือกับผู้แข็งแกร่งไม่ไหวหรอก ผู้ดูแลอู๋เป็นคนอย่างไร มีใครในชุมชนการผลิตที่เป็นเจ้าหน้าที่ไม่รู้บ้างล่ะ?

นอกจากนี้ ผู้ดูแลอู๋ยังมาจากชุมชนการผลิตตงเฟิง ปีนี้เขาเป็นคนแรกที่จ่ายปันส่วนสาธารณะและได้รับรถไถ ไม่แปลกถ้าจะดูถูกคนอื่น

ซูฉางจิ่วยิ้มขมขื่น “ตอนนี้ถึงผมพูดเรื่องนี้ไปก็คงไม่นับแล้วกระมัง! หากท่านผู้นั้นไม่กลับไปแล้วผมจะไปทำอะไรได้ล่ะครับ?”

เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้โวยวายไปก็ไม่คุ้มค่า ซูฉางจิ่วตั้งใจที่จะยอมแพ้แล้ว แต่พอชายคนนั้นยื่นมือเข้ามาจึงล่าถอยไม่ได้

เขาเห็นว่าชายที่กุมมือของซูเสี่ยวเถียนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้าเฉินที่เคยพบกัน

“หัวหน้าซู ฉันเห็นอะไรอยู่เนี่ย นั่นคือหัวหน้าเฉินแห่งกองกำลังทหารประจำมณฑลหรือ? เขามีปืนเหน็บอยู่ที่เอวด้วย” มีคนเตือนขึ้นมาทันใด

ตอนนั้นเอง ผู้ดูแลอู๋ก็ตั้งเป้าไปที่เฉินจื่ออัน

เขาคิดแค่ว่าคนที่พูดคือพ่อแม่ของเด็กที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร ดังนั้นจึงไม่คิดกลับไปเป็นหัวหน้าของมณฑล

เป็นหัวหน้าเฉินจื่ออันที่มีหลักการและมีเมตตามากที่สุด

ได้ยินมาว่าเวลาไม่พอใจ เขากล้าเอาปืนจ่อหัวคนด้วย

ตลกใช่ไหมล่ะ? ถ้าไม่ระวังชีวิตกระจ้อยร่อยจะไม่เหลืออีก!!

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ ผู้ดูแลอู๋ตกใจกลัวทันที แข้งขาอ่อนแรง

เทพแห่งโรคระบาดมาทำอะไรที่นี่?

แล้วยังบังเอิญเห็นฉากนี้อีก อยากตายจริง ๆ!

“หัวหน้าเฉิน ท่านมาทำอะไรที่นี่ครับ? ท่านมาเพื่อตรวจงานใช่ไหมครับ? ผู้ดูแลเฉียนอยู่ที่ชุมชน ผมจะพาท่านไปที่นั่นเองครับ!”

ตอนนี้เขายังคิดที่จะพาเฉินจื่ออันออกจากที่เกิดเหตุก่อน กลับไม่คิดเลยว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายจะวิ่งโล่มายังที่แห่งนี้

*[1] ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็มีวิธีรับมือ