ตอนที่ 123 คนที่สวรรค์ประทาน ตอนที่ 124 เป็นเกียรติ

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 123 คนที่สวรรค์ประทาน

ซ่งอิงคิดว่าตนเองทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายได้จริงๆ นับแต่มายังโลกนี้ เรื่องภาพลักษณ์หน้าตาอะไรนั่น…ไม่คุ้มค่าให้เอ่ยถึงเลยจริงๆ

ยิ่งแสดงยิ่งเข้าถึง

แรกเริ่มซ่งอิงยังเล่นไม่ค่อยเต็มที่ พอหลายๆ ครั้งต่อมา โดยเฉพาะสังเกตเห็นเงาเรือนร่างของคนเหล่านั้นยุ่งเหยิงอลหม่านอย่างเห็นได้ชัด ก็ชักรู้สึกสนุก และยิ่งเป็นตัวเพิ่มพลังขับเคลื่อนเข้าไปอีก

นางไม่หนีไปไกลเช่นกัน ก็แวบไปแวบมาบริเวณใกล้สายตาคนเหล่านี้

“ต้องมีคนแสร้งทำเป็นผีแน่นอน! จับตัวนาง!” พี่ใหญ่ที่เป็นหัวหน้ากล่าวเสียงดุดัน

“แต่พี่ใหญ่…นี่มืดมิดไปหมด เดิมทีเราก็ต้องเคลื่อนไหวกันอย่างระมัดระวัง แล้วจะให้จับตัวนางได้อย่างไรกัน” คนข้างๆ กล่าว

ผีชุดขาวตนนั้นวิ่งไปวิ่งมาดุจตอนกลางวันก็ไม่ปาน เห็นได้ชัดว่าผิดปกติ!

พวกเขาคนกลุ่มนี้ ต่างก็มีความมั่นใจในศิลปะการต่อสู้อยู่บ้างเช่นกัน แต่ท่ามกลางป่าดงพงไพรที่มีใบไม้หนาทึบบดบังแสดงดวงจันทร์เช่นนี้ ส่งผลให้ทั่วทั้งบริเวณมืดสลัว มองเห็นในระยะประมาณสิบเมตรยังไม่ชัด ขืนไกลออกไปอีกหน่อย ก็เห็นได้เพียงเงาเรือนร่างอันเลือนรางเท่านั้นแล้ว

หากไม่ใช่เพราะผีตนนั้นสวมชุดขาว ทั้งยังเปล่งเสียงดังชัดแจ๋ว สายตาของพวกเขาล้วนไม่มีทางจดจ้องไปที่เรือนร่างของอีกฝ่ายได้

“ไอ้โง่เอ๊ย! นางเอะอะเสียงดังขนาดนี้ หากคนที่ตามตัวพวกเราได้ยินเข้าแล้วจะทำอย่างไร?!” พี่ใหญ่สุดชักสีหน้าโกรธจัด “รีบลงมือเร็วเข้า จุดคบเพลิง!”

“จุดคบเพลิง? เกิด…”

“ใช้ระยะเวลาที่สั้นที่สุดจัดการให้เรียบร้อยก็สิ้นเรื่องแล้ว รอจัดการปัญหานี้แล้ว ก็เคลื่อนย้ายกันทันที!” อีกฝ่ายกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ไม่จัดการไม่ได้ ผีชุดขาวตนนี้ไม่รู้เช่นกันว่ามาจากไหน หากติดตามพวกเขาไปตลอดทางจะทำอย่างไร หากส่งเสียงหัวเราะชวนขนหัวลุกอย่างนี้อยู่ตลอดขึ้นมาจะทำอย่างไร?

ในเมื่อพี่ใหญ่สุดพูดขนาดนี้แล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่กล้ามากความเช่นกัน ไม่นานนัก คบเพลิงหลายสิบดวงก็สว่างขึ้น ทันใดนั้นก็มองเห็นทั่วสารทิศได้ชัดเจน

ซ่งอิงเห็นดังกล่าว รีบวิ่งทะยานย้อนกลับไปยังหมู่บ้าน

นางเป็นพระแม่มารี รัศมีแผ่ล้อมเหนือศีรษะ จะขี้ขลาดไม่ได้เป็นอันขาด!

“ตามไป!”

ฝีก้าวโกลาหลดังขึ้นท่ามกลางขุนเขา

——

“ต้าเหริน ทิศตะวันตกเฉียงใต้มีแสงเพลิงขอรับ เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาเลยด้วย” กลางอากาศบนยอดต้นไม้สูงต้นหนึ่ง มีคนเอ่ยปากพูด

ฮั่วเจ้ายวนคลายปมคิ้วเล็กน้อย “ปิดล้อมเอาไว้”

“ต้าเหริน ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว ท่านไปพักผ่อนในหมู่บ้านใกล้ๆ นี้จะดีกว่านะขอรับ? ก็แค่โจรกระจอกไม่กี่สิบคนเท่านั้นเอง ข้าไปจับกุมได้ขอรับ!” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าวทันควัน

ผู้เป็นนายของเขาเหน็ดเหนื่อยเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเรื่องเล็กระดับนี้ก็ต้องการลงมือด้วยตนเอง!

ฮั่วเจ้ายวนมองเขาแวบสายตาหนึ่งอย่างนิ่งเฉย

เรื่องเล็ก?

ไม่เล็กแล้ว พี่ใหญ่สุดของโจรกลุ่มนี้ถูกจับได้เมื่อหนึ่งปีก่อน ตั้งใจกักขังเอาไว้ที่อำเภอหลี่ ก็เพราะรู้ว่าจะมีคนมาลักพาตัวคนผู้นี้ไป เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนกลุ่มนี้จะมีความอดทนสูงยิ่ง รอกระทั่งไม่กี่วันมานี้เพิ่งจะลงมือ

ยามที่เขายังไม่ได้มารับช่วงต่อในแถบเมืองยง โจรกลุ่มนี้ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว กอบโกยเงินทองไปได้จำนวนนับไม่ถ้วน แต่หลังจับหัวหน้าผู้นั้นได้ กลับหาเจอเพียงเกือบๆ หมื่นตำลึงเงินตามคำสารภาพของอีกฝ่ายที่ระบุตำแหน่งให้

แตกต่างจากที่เขาคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้า

ครั้งนี้ สหายของโจรกลุ่มนี้น่าจะขนพลออกมาทั้งหมดแล้ว หากจับได้พร้อมกันทั้งหมด…

ก็น่าจะรู้ตำแหน่งรังเดิมของมันได้ชัดเจน ถึงเวลาต่อให้ต้องขุดดินลงไปถึงสามฉื่อ เขาก็จะเอาเงินกลับคืนมาให้ได้

เรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับเงิน ก็คือเรื่องใหญ่

“หัวขโมยแหกคุกข่มขู่ชาวบ้าน ข้าในฐานะเจ้าเมืองยง ตามหลักก็ต้องออกโรงด้วยตนเองเป็นธรรมดา” ฮั่วเจ้ายวนเผยสีหน้าอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ทำให้ฮั่วซื่อเซี่ยงนึกเลื่อมใสศรัทธาด้วยใจจริง

นายท่านของตระกูลเขา เป็นคนที่สวรรค์ประทานเห็นๆ!

ทหารของที่ทำการขุนนางกลุ่มหนึ่งเคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว

พวกเขาคุ้นเคยกับสภาพพื้นที่ของขุนเขาซิ่งแห่งนี้มากกว่าหัวขโมยเหล่านี้ มิหนำซ้ำมีคนจับตาดูอยู่ตำแหน่งสูง รอกระทั่งคนของตนเข้าไปใกล้ ก็เป่าเสียงแหลมบาดหูออกมา เป็นตัวชี้ทิศทางให้คนกลุ่มหนึ่ง

ซ่งอิงได้ยินเสียงนกหวีด ดังสนั่นหวั่นไหว

คงไม่ใช่ว่า…ยังมีสหายร่วมกลุ่มอีกกระมัง?

ทันใดนั้นนางตื่นตกใจเล็กน้อย หากเป็นสหายพวกเดียวกันอีกจริงๆ ที่ทำการขุนนางแห่งนี้…ช่างไม่เอาไหนเกินไปแล้วกระมัง? ปล่อยโจรขโมยออกมามากขนาดนี้ มันจะโหดร้ายไปหน่อยแล้ว!

ตอนที่ 124 เป็นเกียรติ

ยามที่ในสมองซ่งอิงกำลังวุ่นวายสับสน ในป่าก็เกิดการต่อสู้กันขึ้นมา

เสียงพาดผ่านไปของธนูดัง ‘สวบ สวบ’ จะดับคบเพลิงยามนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว

ขณะนี้ซ่งอิงแอบอยู่ด้านหลังศิลาก้อนใหญ่ ไม่ขยับเขยื้อน

คนที่มาเยือน เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากกลุ่มคนเมื่อครู่นั้น เงาเรือนร่างของหัวขโมยกลุ่มนั้นดูค่อนข้างอลหม่าน ทว่าคนกลุ่มนี้ เป็นระบบระเบียบ ดังนั้น…น่าจะเป็นทหารของที่ทำการขุนนาง

นางไม่รู้จริงๆ ว่านี่คือโชคดีหรือโชคร้ายของตนเอง

เกิดถูกทหารของที่ทำการขุนนางมองเห็นเข้า จะต้องซักถามอย่างละเอียดเป็นแน่…

อีกทั้ง เมื่อครู่นาง ‘ผ่านไปผ่านมาอย่างรวดเร็ว’ ตลอดทาง ไม่แน่ว่าจะถูกสังเกตเห็นเข้าแล้วก็เป็นได้

หากทหารของที่ทำการขุนนางไม่สนใจนางก็แล้วไป แต่หากเข้ามาหาเป็นการเฉพาะล่ะ นางจะวิ่งหนีไปอีกก็คงไม่ได้กระมัง หากไม่ระมัดระวังถูกจับได้ อาจถูกเหมารวมไปกับพวกหัวขโมย ต่อให้ไม่ถูกจับ กลางเขาปรากฏคนต้องสงสัยเช่นนี้เพิ่มมาอีกหนึ่ง ทหารของที่ทำการขุนนางจะวางใจได้หรือ แน่นอนว่าต้องทำการตรวจสอบอย่างเข้มงวด นางจะกลับหมู่บ้านได้อย่างราบรื่นหรือไม่นั้นเป็นอีกปัญหาหนึ่ง

ค่อนข้างซวยทีเดียวเชียว

ซ่งอิงตรึกตรองอย่างรวดเร็ว

จำเป็นต้องหาข้ออ้างสักอย่าง…

แววตาซ่งอิงลุกวาวคล้ายนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ท้ายที่สุดลงไปอยู่บนกอดอกไม้กอหนึ่ง

อาศัยจังหวะที่ทางด้านนั้นยังสู้รบไม่เสร็จสิ้น แอบคลำๆ เด็ดดอกไม้เหล่านั้น ดอกหนึ่งยังไม่ทันผลิบานถูกเสียบไว้บนศีรษะ ส่วนที่เหลืออย่างใบไม้ที่ยังไม่มีดอกผลิออกมามองดูแล้วไม่สะดุดตา โดยเฉพาะท่ามกลางราตรีเช่นนี้ จะต้องไม่มีคนสังเกตเห็นเป็นแน่

ไม่นานนัก ทุกอย่างสงบลง

ซ่งอิงไม่รอให้คนเขาเดินเข้ามาเช่นกัน โดยเป็นฝ่ายเผยตัวออกไปก่อน

“เป็นท่านขุนนางจริงๆ ด้วย…” ซ่งอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเชิงร้องทุกข์คล้ายได้รับความไม่เป็นธรรมมาอย่างไรอย่างนั้น มองดูแล้วน่าสงสารยิ่ง

“ต้าเหริน เหตุใดจึงมีหญิงสาวอยู่บนเขาไปได้ แล้วยังเป็นช่วงเวลาเช่นนี้อีก…หรือว่ามีลูกไม้อันใด?” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าว

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาดึกดื่นเที่ยงคืน ท้องนภายังไม่สว่างโล่งเลย แม่นางสาวน้อยทั่วไปคงไม่ขึ้นเขามาช่วงเวลานี้หรอกกระมัง? อีกทั้งยามที่พวกเขาห้อมล้อมโจรกลุ่มนี้ ดูเหมือนอีกฝ่ายก็กำลังไล่ตามแม่นางผู้นี้อยู่ด้วย

แม่นางสาวน้อยคนหนึ่งที่วิ่งไปวิ่งมาทั้งที่อยู่ใกล้สายตาหัวขโมย…

มิใช่เป็นผีกระมัง?

“พาเดินมาข้างหน้า” ฮั่วเจ้ายวนกล่าว

ซ่งอิงได้ยิน เป็นฝ่ายเขยิบเข้ามาใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อยด้วยตัวนางเอง นางก็ตกใจเช่นกัน สองเข่าอ่อนยวบคุกลงบนพื้นเกิดเสียงดัง ‘ปึก’ “ขอบคุณต้าเหรินที่ช่วยชีวิตมากเจ้าค่ะ!”

ฮั่วเจ้ายวนขมวดคิ้ว

“เผยหน้าออกมาเสีย” ปล่อยเรือนผมสยาย ช่างเหมือนผีจริงๆ

ซ่งอิงไม่ลังเลเช่นกัน ลงมือจัดระเบียบผมเผ้าอย่างว่างง่าย เผยดวงหน้าต่อคนตรงหน้า

ฮั่วซื่อเซี่ยงตกใจสะดุ้ง

รอยแผลเป็นที่น่ากลัวเหลือเกิน!

ฮั่วเจ้ายวนหนังตากระตุกเล็กน้อยเช่นกัน “เป็นเจ้าเอง?”

ซ่งอิงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ คนผู้นี้หมายความว่าอะไร รู้จักนางหรือ เป็นไปไม่ได้กระมัง?

ซ่งอิงหันไปมองอย่างระมัดระวัง เหมือนจะคุ้นจะเล็กน้อย ก่อนหน้านี้…ตอนที่ขายลวี่โต้วกั่ว ดูเหมือนสองคนที่จับจ้องมองมาที่นางอย่างดุดัน? ตอนนั้นนางคิดว่าเป็นคนสารเลวที่ประสงค์ร้ายเสียอีก!

“ต้าเหรินจดจำสาวชาวบ้านได้เป็นเกียรติของสาวชาวบ้านยิ่งนักเจ้าค่ะ” ซ่งอิงเริ่มประจบสอพลอ

“กลางดึกดื่น เหตุใดมาอยู่บนเขา” ฮั่วเจ้ายวนกลับคืนสู่ท่าทีสงบนิ่งอีกครั้ง ก่อนเอ่ยปากถาม

ในใจเกิดความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เหตุใดใบหน้าหญิงผู้นี้จึงมีรอยแผลเป็น?

ครั้นครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ก็นึกขึ้นได้ บุตรสาวคนโตแห่งจวนโหว ว่ากันว่าเสียชีวิตไปแล้ว แล้วเหตุใดต้องสร้างเรื่องลวงหลอกขึ้นมาด้วยล่ะ แต่ในเมื่อเป็นการหลอกลวง เช่นนั้นต้องอย่าให้คนอื่นมองออกถึงจะได้การ เช่นนี้…ก็ทำได้เพียงทำให้ใบหน้าบุตรสาวคนโตผู้นี้เสียโฉม

จวนเหยียนผิงโหว คิดไม่ถึงว่าเลวทรามต่ำช้าเสียยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก

“ข้าน้อยขึ้นเขามาเพื่อเก็บเห็ดแล้วก็ดอกไม้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว

“เหลวไหว กลางดึกดื่นมาเก็บเห็ดน่ะหรือ?!” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าวทันควัน

มีแต่ผีเท่านั้นละที่เชื่อ!

“ข้าน้อยสายตาดีกว่าคนทั่วไปมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงขึ้นเข้ามาพักใหญ่แล้ว ยามที่ตกดึกแสงสว่างไม่มากพอ เป็นช่วงเวลาที่เห็ดป่าจะผุดขึ้นจากดิน บรรดาชาวบ้านคนอื่นๆ ต่างก็ไม่ขึ้นมากันเวลานี้ ข้าน้อยจึงมาเด็ดเอาไปก่อนจำนวนหนึ่ง แล้วก็ดอกไม้…” ขณะซ่งอิงพูด รีบคลำดอกไม้บนศีรษะ “นี่คือฉุยจ่างฮวา[1] ข้าน้อยอยากอาศัยช่วงเวลาที่บรรดาชาวบ้านไม่ขึ้นมา ขุดเอากลับไปปลูกในลานบ้านสักหน่อย จะได้เอามาใช้ทำขี้ผึ้งสีทาปากเจ้าค่ะ”

———————–

[1] ฉุยจ่างฮวา (垂掌花) เป็นไม้เป็นไม้ประดับชนิดหนึ่ง ลักษณะดอกของมันคล้ายก้ามปู มีสีแดงสดงดงาม แตกดอกออกมาจากส่วนใบซึ่งลักษณะเสมือนกระบองเพชร