บทที่ 67 ความจริงเปิดเผย

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชญายืนคิดอยู่ที่เดิมสักพัก หลังจากที่คิดไม่ออก ก็คิดเสียว่าวารุณีนั้นแกล้งทำเป็นมีความลับไปอย่างนั้น ก่อนจะยิ้มเยาะแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องประชุม

เมื่อเดินเข้าไป เธอก็เห็นมารุตเข็นรถเข็นพลางยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง บนรถเข็นนั้นยังมีคนนั่งเอียงๆ อยู่ด้วย พลางมีสายน้ำเกลือ ท่าทีเหมือนกำลังป่วยระยะสุดท้ายเลยล่ะ

เกิดอะไรขึ้นนะ?

พิชญาตกใจจนแทบจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้

ทำไมมารุตถึงพาขยานีมาที่นี่นะ?

เมื่อเห็นท่าทีของพิชญาที่ไม่สบายใจนั้น วารุณีก็ยิ้มด้วยความเย้ยหยัน ก่อนจะหยิบไมค์ขึ้นมา “ทุกท่าน ฉันเชื่อว่าทุกคนในที่นี้จะต้องอยากรู้มากอย่างแน่นอน ว่าทำไมการประชุมภายในของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปของพวกเรา จะต้องพาภรรยาของประธานของบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปมาด้วยใช่ไหม?”

ทุกคนต่างพยักหน้า

วารุณีเดินเข้าไปหาขยานี หลังจากที่เดินมาอยู่ต่อหน้าขยานี มารุตนั้นค่อยๆ ปล่อยมือออกจากที่จับของรถเข็นอย่างช้าๆ ก่อนจะกลับมาอยู่ที่ด้านหลังของนัทธี

วารุณีรู้ว่ามารุตนั้นให้เธอได้เป็นตัวหลักในครั้งนี้ เลยยิ้มให้มารุตด้วยความซึ้งใจ จากนั้นก็เอามือวางบนไหล่ของขยานี

ขยานีเบิกตาโพลง ก่อนจะไหล่สั่น พลางอยากจะสะบัดมือของเธอออก

แต่ว่าวารุณีนั้นกลับไม่สั่นไหวเลย แต่วางเอาไว้อย่างนิ่งๆ แถมยังตั้งใจใช้แรงกดลงไปด้วย “ตอนนี้ฉันจะมาบอกทุกคนว่าทำไมดีกว่า เพราะเมื่อวานผู้จัดการพิชญาแจ้งความว่าฉันผลักคุณหญิงของตระกูลศรีสุขคําจนได้รับบาดเจ็บ ฉันพอใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นฉันเลยมาเพื่อขอประธานนัทธีโดยเฉพาะ ให้ประธานนัทธีเชิญคุณหญิงของตระกูลศรีสุขคํามาบอกต่อหน้าทุกคน ว่าใครเป็นคนผลักเธอกันแน่”

พูดไป เธอก็มองพิชญาพลางยิ้มเล็กน้อย

พิชญาโกรธเป็นอย่างมาก “วารุณี คุณหมายความว่าอย่างไร คุณจะบอกว่าฉันเป็นคนผลักงั้นเหรอ?”

“ใช่ ฉันหมายถึงคุณนั่นแหละ” วารุณียิ้มเล็กน้อย

เมื่อพูดออกไป ทุกคนที่นั่งอยู่ก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน

ในตอนนั้น ห้องประชุมใหญ่ก็เกิดเสียงถกเถียงกันขึ้นมา

นัทธีเคาะโต๊ะด้วยความไม่พอใจ “เงียบ!”

ทุกคนต่างหุบปากลง

พิชญากำมือแน่นพลางยืนขึ้นมา “คุณเอาอะไรมาบอกว่าเป็นฉันงั้นเหรอ?”

ขยานีพยักหน้าตาม “นั่นสิ คุณเอาอะไรมาบอกว่าเป็นพิชญา ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ถูกกระทำ หรือว่าฉันแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครงั้นเหรอ?”

“นั่นสิ” คนของแผนกออกแบบ ต่างช่วยกันพูด

วารุณียักไหล่ “โอเค ดูเหมือนทุกคนจะไม่เชื่อว่าผู้จัดการพิชญาเป็นคนผลัก งั้นฉันจะไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้ว เอาหลักฐานให้ดูเลยดีกว่า”

หลักฐานงั้นเหรอ?

เมื่อได้ฟังสองคำนี้ พิชญาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป เธอนั้นเหมือนนั่งอยู่บนเข็มที่ทิ่มแทงมากมาย ดูร้อนรนเป็นอย่างมาก ขยานีเองก็เหมือนกัน

วารุณีมองท่าทีกลัวถูกจับได้ของสองแม่ลูกด้วยความเย็นชา ก่อนจะหยิบไดรฟ์มาเสียบที่คอมพิวเตอร์

ในขณะเดียวกัน ด้านหลังของเธอก็มีภาพคลิปปรากฏขึ้นมา

คลิปนั้นยาวมาก ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ภาพนั้นปรากฏตั้งแต่ขยานีปรากฏตัว จนกระทั่งพิชญาเดินจากไป ทั้งหมดนั้นมีเสียงอยู่ด้วยตลอดคลิป

เมื่อทุกคนดูจนจบ ก็เงียบไป สักพักก็เริ่มพูดคุยขึ้นมา

“ที่แท้คุณวารุณีก็ถูกใส่ร้ายจริงๆ ด้วย แล้วที่บอกว่าอ่อยประธานก็เป็นเรื่องหลอกลวง ผู้จัดการพิชญากับคุณหญิงของตระกูลศรีสุขคําเป็นคนหาเหาใส่หัวคุณวารุณีนี่เอง”

“นั่นสิ พวกคุณเห็นหรือเปล่า ว่าในคลิปนั้น หน้าตาตอนที่ผู้จัดการพิชญาผลักคุณวารุณีน่ะ มันทำให้ฉันตกใจมากเลย น่ากลัวจริงๆ”

“เห็นแล้วๆ ฉันเองก็ตกใจกลัวเหมือนกัน”

เมื่อได้ยินเสียงถกเถียงอย่างแดกดัน สีหน้าของพิชญาก็ซีดเผือด

ขยานีเองก็ไม่ได้ต่างไปเท่าไหร่ นอกจากความขายขี้หน้าแล้ว ในใจเองก็เสียใจไม่น้อย

เพราะเมื่อครู่เธอเองก็ได้ยินในคลิป ว่าพิชญาบอกว่าเกลียดเธอ!

“ประธานนัทธี เมื่อเปิดคลิปจบ ตอนนี้ควรจะถึงคราวที่คุณประกาศแล้วว่าจะลงโทษผู้จัดการพิชญาอย่างไร” วารุณีมองไปทางนัทธี

นัทธีนั่งลงบนที่ประธาน เอานิ้วทั้งสิบประสานพลางเท้าเอาไว้ที่คาง แต่ไม่ได้พูดอะไร เหมือนกับว่ากำลังคิดอยู่ ว่าจะลงโทษพิชญาอย่างไรดี

หลังจากนั้น สักพัก เขาก็ยืนขึ้นมา พลางมองพิชญาด้วยแววตาเฉยชา “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เอาพิชญาลงจากตำแหน่ง แล้วก็ให้ออกจากบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปไป มีใครมีความเห็นต่างไหม?”

ทุกคนต่างส่ายหัว

พิชญาขบริมฝีปากแน่น ถึงแม้ว่าในใจจะไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าก็รู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ เลยทำได้แค่ยอมรับ

ครั้งนี้เธอสะเพร่ามากเกินไป

คิดไม่ถึงเลยว่าวารุณีจะน่ากลัวขนาดนี้ ถึงกับมาติดกล้องวงจรปิดตรงนั้นเลย!

เมื่อได้ยินว่าพิชญาถูกไล่ออกจากบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ขยานีก็ทนไม่ไหว “นัทธี……”

“หุบปากเลยนะ!” นัทธีตะโกนใส่ด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก “ที่นี่คือบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ยังไม่ถึงตาคุณพูดนะ”

ขยานีหดตัวลง เลยไม่กล้าเปิดปากพูดขึ้นอีกเลย

นัทธีมองไปหาวารุณี พลางพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนลง “คุณยังอยากจะเสริมอะไรอีกไหม?”

“มีจริงด้วยสิ!” วารุณีควงปากกาที่อยู่ในมือ จากนั้นก็วางปากกาลงบนเต็มแรงพลางพูดขึ้น “ทุกคนไม่สงสัยความสัมพันธ์ของผู้จัดการพิชญากับคุณหญิงของตระกูลศรีสุขคําเหรอ?”

พิชญาเหมือนจะคิดขึ้นได้ เลยระเบิดอารมณ์ออกมา พลางตวาดด้วยสีหน้าร้ายกาจ “วารุณี คุณกล้าเหรอ!”

ขยานีเองก็ร้อนใจขึ้นมา เธอร้อนใจ จนถึงกับเป็นลมไป

นัทธีเองก็แปลกใจ จึงเม้มริมฝีปากบางนั่น

เธอคงจะไม่คิด ที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์แม่ลูกของพิชญากับขยานีใช่ไหม?

“มีอะไรที่ฉันไม่กล้าด้วยเหรอ?” วารุณีกอดอกพลางยิ้มอย่างเย็นชา “คุณให้คนมาบอกว่าลูกฉันเป็นลูกนอกสมรส ฉันยังเปิดเผยความจริงที่ซ่อนเอาไว้ของพวกคุณไม่ได้อีกเหรอไง?ทุกคนต่างรู้ ว่าขยานีเป็นภรรยาที่ประธานสุภัทรแต่งงานด้วยทีหลัง และเป็นแม่เลี้ยงของผู้จัดการพิชญา แต่คลิปเมื่อครู่ผู้จัดการพิชญากลับบอกว่าขยานีเป็นแม่แท้ๆ ของเธอ……”

เมื่อถูกพูดขึ้นมาแบบนี้ ทุกคนก็เริ่มคิดตาม ซึ่งในคลิปนั้นมีท่อนนั้นอยู่จริงๆ ด้วย

“คุณวารุณี คุณกำลังจะบอกว่า ผู้จัดการพิชญาเป็นลูกนอกสมรสของสุภัทรกับขยานีงั้นเหรอ ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลศรีสุขคําตัวจริงงั้นเหรอ?” ผู้ถือหุ้นอาวุโสคนหนึ่ง ลุกขึ้นมาถามขึ้นในทันใด

“ใช่แล้วล่ะ” วารุณีพยักหน้า “คุณหนูใหญ่ของตระกูลศรีสุขคําตัวจริง ได้ตามคุณหญิงของตระกูลศรีสุขคําคนก่อนออกไปจากตระกูลศรีสุขคําแล้ว ผู้จัดการพิชญาเป็นเพียงตัวแทนของคุณหนูใหญ่ของตระกูลศรีสุขคําเท่านั้น ดังนั้นประธานสุภัทรเลยบอกกับคนอื่น ว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลศรีสุขคําเปลี่ยนชื่อเป็นพิชญา”

“วารุณี!” พิชญาจ้องวารุณีด้วยความอาฆาตแค้น พลางอยากจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ “คุณกล้าขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!”

“ทำไมฉันจะไม่กล้า?” วารุณียิ้มด้วยความไม่เกรงกลัว

เธอรู้ ว่าพิชญานั้นเจ็บปวดกับการเป็นลูกนอกสมรสมากที่สุด

ตอนนี้เธอจะพูดตัวตนนี้ของพิชญาออกมา คงจะแปลกถ้าพิชญาไม่อยากจะฆ่าเธอ

จู่ๆ ผู้ถือหุ้นอาวุโสก็เหมือนจะคิดอะไรออก เลยมองนัทธีด้วยความ “นัทธี ฉันจำได้ว่าคู่หมั้นที่คุณปู่ของคุณทำการหมั้นหมายนั้นคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลศรีสุขคํา ในเมื่อผู้จัดการพิชญาไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลศรีสุขคํา งั้นเธอก็ไม่ใช่คู่หมั้นของคุณน่ะสิ!”

อะไรนะ?

ใบหน้าของวารุณีนิ่งไป พลางมองไปที่ชายข้างๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ

เธอกับเขามีการหมั้นหมายงั้นเหรอ?

นัทธีเองก็คิดไม่ถึงว่าผู้ถือหุ้นจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เลยนวดคิ้วของตัวเอง

แต่ว่าตอนที่เขากำลังจะเปิดปากพูด พิชญานั้นตะโกนใส่พลางชี้ไปที่ผู้ถือหุ้นอาวุโสอย่างเกรี้ยวกราด “หุบปากไปเลยนะไอแก่!พูดบ้าอะไรออกมา ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลศรีสุขคําตั้งนานแล้ว ดังนั้นคนที่มีการหมั้นหมายกับนัทธีก็คือฉัน คุณอย่ามาพยายามจะแยกพวกเราจากกันนะ!”

เธอนั้นไม่เหลือสติอีกต่อไปแล้ว เธอรู้แค่ว่า ไอแก่คนนี้อยากจะให้นัทธียกยกเลิกการหมั้นหมายกับเธอ แล้วไปหมั้นกับวารุณีแทน

อย่าแม้แต่จะคิด ให้ตายเธอก็ไม่มีทางยอมให้!

“คุณ……คุณเรียกฉันว่าไอแก่งั้นเหรอ?” ผู้ถือหุ้นอาวุโสชี้พิชญาด้วยมือที่สั่นไหว ก่อนจะเป็นลมล้มไปด้วยความโกรธ

นัทธีมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ก่อนจะรีบให้มารุตส่งผู้ถือหุ้นคนนี้ไปที่ห้องพยาบาล และก็ประกาศว่าประชุมจบลงแล้ว

คนอื่นๆ ต่างพากันเดินออกไป แต่ตอนที่เดินไป แววตาก็ยังมองไปทางพิชญากับวารุณีอยู่ไม่ห่าง

ทุกอย่างในวันนี้ ทำให้พวกเขาถูกโจมตีเป็นอย่างมาก อย่างแรกคือการที่ผู้จัดการพิชญาใส่ร้ายว่าคุณวารุณีเป็นเมียน้อยที่ผลักคนอื่น

จากนั้นก็เปิดเผยว่าผู้จัดการพิชญานั้นไม่ใช่คุณหนูผู้ร่ำรวยของตระกูลศรีสุขคําอย่างแท้จริง และการหมั้นหมายกับประธานนั้นก็ไม่ใช่เรื่องจริง

ดูๆ ไปแล้วต่อจากนี้ คงจะมีเรื่องให้พูดคุยระหว่างการกินข้าวแล้วล่ะ

เพียงไม่นาน ในห้องประชุมก็เหลือเพียงวารุณี พิชญาและนัทธีสามคน ขยานีเองก็ถูกมารุตจัดการให้พาออกไปแล้ว

นัทธีหันตัวมา ก่อนจะมองวารุณีด้วยความเศร้าใจ “คุณปู่ชลธีพูดไม่ผิดเลย ก่อนที่คุณปู่ฉันจะเสีย ได้ตกลงแต่งงานระหว่างฉันกับคุณหนูผู้ร่ำรวยของตระกูลศรีสุขคําแล้ว นั่นก็คือคุณ”