ตอนที่ 113 พลุสัญญาณหลิงอวิ๋น (4)
กองทัพรุ่ยหลินถูกเรียกระดมพลอีกครั้ง!
แสงสว่างจากคบเพลิงที่ลามไปทั่วทั้งเมืองหลวง แสดงให้เห็นว่ากองทัพรุ่ยหลินบัดนี้ได้เข้าควบคุมเมืองหลวงไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว!
“จวินอู๋เสีย! เจ้าคิดจะทำบ้าอะไรกันแน่!” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยซึ่งติดตามอยู่ด้านหลังฮ่องเต้ตะโกนถามออกไปด้วยเสียงสั่น เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาได้เห็นในตอนนี้
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นช้าๆ ใบหน้าเล็กๆ ของนางต้องกับแสงของคบเพลิงที่ตกกระทบลงมาส่งผลให้ความงามของนางยิ่งดูน่าประทับใจขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามแววตาที่เย็นเยียบและเต็มไปด้วยไอสังหาร กลับส่งให้นางดูเหมือนมัจจุราชที่ไร้ความปรานี
“จวนหลินอ๋องรับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้ติดตาม เพื่อจับตัวโจรผู้ร้ายที่กล้าลอบโจมตีองค์ชายรองในวันนั้นเพคะ” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้ากำลังพูดเรื่องเหลวไหลอะไรของเจ้า!” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยจ้องเขม็งไปที่จวินอู๋เสีย
เหตุการณ์ที่องค์ชายรองถูกลอบโจมตีผ่านมาได้สักพักใหญ่แล้ว และแม้ว่าเรื่องนี้จะถูกส่งต่อไปให้กับจวินเสี่ยนเพื่อสืบสวนดำเนินการต่อ แต่ก็ไม่มีผลลัพธ์ใดๆ และทุกคนก็เกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
“จวนหลินอ๋องไม่ทำให้ฝ่าบาทต้องทรงผิดหวัง บัดนี้พวกเราจับกุมตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดได้แล้ว และได้ทำการลงโทษประหารชีวิตแล้วเพคะ” จวินอู๋เสียไม่สนใจอาการกระฟัดกระเฟียดของมั่วเซวี่ยนเฝ่ย ดวงตาที่ลุกเป็นไฟของนางจับจ้องไปที่ร่างของบุรุษผู้ซึ่งสวมใส่ชุดมังกรสีทองตั้งแต่ต้นจนจบ
ทันทีที่เสียงของนางจบลง ทหารจากกองทัพรุ่ยหลินที่ยืนอยู่ข้างหลังนางก็ลงมือ เกิดเป็นฉากอันน่าสะพรึงกลัวขึ้น ซากศพนับหลายร้อยศพถูกลากไปตามพื้นมาจนถึงที่หน้าประตูวังหลวงและถูกโยนกองซ้อนไว้ตรงนั้น เลือดของพวกเขายังคงไหลริน และของเหลวสีแดงสดก็เจิ่งนองเต็มพื้นราวกับสระน้ำขนาดย่อม
ศพที่กองซ้อนกันอยู่ที่หน้าประตูวังหลวง ส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งไปทั่วอากาศจนชวนให้คลื่นเหียน ฉากทั้งหมดนี้ทำให้บรรยากาศตรงหน้าตึงเครียดถึงขีดสุด
ฮ่องเต้และมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเมื่อเห็นศพของพวกคนชุดดำ ใบหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนสีซีดเผือดไปทั้งดวง
“คนเหล่านี้คือมือสังหารที่ลอบโจมตีองค์ชายรองในวันนั้น ท่านปู่ของข้าได้สั่งให้จับกุมตัวพวกมัน แต่เพราะพวกมันตอบโต้กลับ จวนหลินอ๋องของพวกเราจึงทำได้ดีที่สุดเพียงจับตายพวกมัน ถือว่าได้ช่วยประชาชนกำจัดภัยร้ายตามกฎหมายแล้ว” จวินอู๋เสียอธิบายด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ขณะที่นางจ้องไปที่ฮ่องเต้และมั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่ยืนอยู่ด้านบนกำแพงด้วยสายตาเย็นชา นอกเหนือไปจากมั่วเซวี่ยนเฝ่ยและไป๋อวิ๋นเซียน ก็ไม่มีพยานปากอื่นอีกแล้วในเหตุการณ์ลอบโจมตีในวันนั้น ฉะนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่ากลุ่มนักฆ่าที่พวกเขากล่าวอ้าง แท้จริงแล้วเป็นเพียงบุคคลเดียวและบุคคลนั้นก็คือจวินอู๋เย่า!
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยจงใจให้เบาะแสที่ไม่ถูกต้องแก่จวินเสี่ยนโดยมีเจตนาแอบแฝง และตอนนี้นางก็กำลังนำอุบายนี้ส่งคืนกลับไปให้เขาเอง!
สีหน้าของมั่วเซวี่ยนเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องตลกที่เขาหลอกจวินเสี่ยนในวันนั้นจะหันกลับมาทำร้ายเขาเอง! ซากศพเหล่านั้นไม่ได้โจมตีเขา พวกเขาคือมือสังหารที่เขาส่งไปที่จวนหลินอ๋องต่างหาก!
นักฆ่าเดนตายทั้งสามร้อยคนตายหมดแล้วรึ!
ทหารของจวนหลินอ๋องไม่ได้ตกหลุมพรางที่เขาวางไว้แล้วออกจากเมืองหลวงไปพร้อมกับจวินเสี่ยนทั้งหมดแล้วหรอกรึ เป็นไปได้ไหมว่าทหารเพียงสิบห้าคนของกองทัพรุ่ยหลินก็สามารถสังหารนักฆ่าเดนตายจำนวนสามร้อยคนของเขาได้!
ฮ่องเต้ลอบสังเกตท่าทางของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยอย่างเงียบๆ และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นสีหน้าของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็ทรงเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พระองค์ยิ้มขึ้นอย่างเป็นมิตรและตรัสว่า “เจ้าปฏิบัติตามคำสั่งของเราได้ดีมาก เราจะมอบรางวัลให้แก่จวนหลินอ๋องอย่างแน่นอน” ด้วยจำนวนของทหารกองทัพรุ่ยหลินหนึ่งแสนนาย ต่อให้ฮ่องเต้จะใจกล้าคับฟ้า พระองค์ก็ไม่กล้าเลือกที่จะเป็นศัตรูกับจวินอู๋เสียในเวลานี้
กองทัพรุ่ยหลินอาจเป็นดาบที่แหลมคมของรัฐชี แต่เมื่อดาบนั้นย้อนกลับมาทำร้ายและกดลงบนลำคอของตัวเอง มันก็ไม่ใช่เรื่องตลกที่จะสามารถหัวเราะได้
จวินเสี่ยนเป็นขุนนางที่จงรักภักดีและซื่อสัตย์ และแม้ว่าเขาจะจับกุมตัวผู้ลอบสังหารได้ เขาก็ไม่มีทางยอมให้กองทัพรุ่ยหลินเข้ามาเพ่นพ่านในเมืองหลวงเพียงเพื่อตามจับตัวฆาตกรอย่างแน่นอน
บนกำแพงวังหลวงที่สูงตระหง่าน ฮ่องเต้ยืนสั่นขณะที่พระองค์ทอดพระเนตรไปทางจวินอู๋เสีย คุณหนูใหญ่แห่งจวนหลินอ๋องผู้ซึ่งพระองค์คิดว่าไร้ความสามารถมาโดยตลอด ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนแรกที่กล้านำกองทัพรุ่ยหลินบุกเข้ามาในเมืองหลวงของพระองค์เช่นนี้!
แม้แต่จวินเสี่ยนและจวินชิงก็ไม่มีใครกล้าทำเช่นนาง นี่นางไม่กลัวว่าจะถูกบั่นหัวหรือไร!
พวกเขาสามารถมองเห็นเส้นเลือดดำปรากฏบนพระหัตถ์ที่กำแน่นของฮ่องเต้ได้อย่างชัดเจน!
จวินอู๋เสียผู้นี้ช่างกล้าหาญเกินใครจริงๆ นี่นางไม่กลัวว่าจะถูกผู้อื่นโยนโทษกบฏใส่หัวเลยหรือ!
สิ่งที่ฮ่องเต้เพิ่งตรัสไป เห็นได้ชัดว่าทรงไม่มีเจตนาเป็นปฏิปักษ์กับกองทัพรุ่ยหลินในเวลานี้ อาจด้วยกลัวว่าทหารหนึ่งแสนนายจะทำการกบฏก่อจลาจล พระองค์จึงข่มกลั้นโทสะไว้อย่างเต็มที่ รอจนกองทัพรุ่ยหลินออกจากเมืองหลวงไปก่อน เมื่อถึงเวลานั้นพระองค์จะทำลายจวนหลินอ๋องให้สิ้นซาก!
ตอนที่ 114 พลุสัญญาณหลิงอวิ๋น (5)
อนิจจาที่บัดนี้อำนาจของฮ่องเต้ไม่ได้อยู่ในสายตาของจวินอู๋เสียอีกต่อไป นางพูดราวกับไม่ได้ยินคำตรัสของฮ่องเต้ว่า
“พวกมือสังหารเหล่านี้ฉลาดและเจ้าเล่ห์นัก ทั้งยังมีฝีมือร้ายกาจยิ่ง มีหลายคนสามารถหลบหนีจากการจับกุมได้ และพวกมันก็กระจายตัวไปซ่อนอยู่ทั่วเมืองหลวงแห่งนี้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและตัวฝ่าบาทเอง หม่อมฉันจึงสั่งให้กองทัพรุ่ยหลินออกค้นหาพวกมันแล้ว ดังนั้นฝ่าบาทโปรดวางพระทัยได้เพคะ!” จวนหลินอ๋องจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาเหยียบย่ำได้เป็นอันขาด ในเมื่อพวกเจ้ามีเจตนาสังหารเข้ามา ข้าก็จะสนองคืนกลับไป จวินอู๋เสียกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อยราวกับบ่อน้ำเย็นเยียบ ชวนให้ผู้มองรู้สึกขวัญผวา
จวินอู๋เสียไม่ใช่คนช่างพูด แต่เมื่อพูดแล้ว นางก็สามารถอุดปากใครหลายๆ คนได้เหมือนกัน
สกุลจวิน! พวกเจ้าช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!
จวินอู๋เสียไม่ยี่หระต่อสายตาของฮ่องเต้ที่ทอดพระเนตรมองมา
เหอะ! คิดจะต่อกรกับสกุลจวินของพวกข้าหรือ…คิดจะเล่นงานสกุลจวินของข้า ก็ต้องดูก่อนว่าเจ้ามีความสามารถขนาดไหน!
ในเมื่อพวกเจ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ก็อย่าได้โทษข้าที่โต้กลับอย่างรุนแรง!
ฮ่องเต้ขบพระทนต์อย่างคิดหนักจนโลหิตสำรอกออกมาเต็มพระโอษฐ์ ศพบนพื้นที่ถูกระบุว่าเป็นมือสังหาร เห็นได้ชัดว่าเป็นนักฆ่าเดนตายของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่ถูกส่งไปเพื่อกวาดล้างจวนหลินอ๋อง! มองไปที่ซากศพที่เรียงรายอยู่เต็มหน้าประตูวังหลวง นับได้เกือบสามร้อยศพแล้วกระมัง และเมื่อพิจารณาดูจากสภาพศพแต่ละศพที่ล้วนถูกฟันอย่างรุนแรง ก็พออนุมานได้ว่าสถานการณ์ในยามนั้นดุเดือดมากเพียงใด กระนั้นภายใต้การโต้กลับของจวนหลินอ๋อง พวกเขาก็ยังไม่สามารถหนีรอดกลับมาได้อยู่ดี!
คำพูดของจวินอู๋เสีย มีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่อย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ต้องการจับกุมตัวคนร้ายสักนิด แต่อยากใช้โอกาสนี้กดดันพระองค์ต่างหาก!
กองทัพรุ่ยหลินกว่าหนึ่งแสนนาย แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ในการนำคนของนาง และไฟบนถนนและตรอกซอกซอยที่เปล่งประกาย คือการส่งเสียงปลุกให้สมาชิกราชวงศ์อย่างพระองค์ต้องตื่นขึ้น!
ทุกอย่างคือการเตือน!
ฮ่องเต้ต้องการให้จวินอู๋เสียถอนกำลังทั้งหมดกลับไป แต่พระองค์ไม่สามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมมาอ้างได้
เนื่องจากกองทัพรุ่ยหลินมากมายเคลื่อนขบวนเข้ามาในเมืองหลวง ทำให้ชาวเมืองพากันตื่นขึ้นมา ก่อนจะออกมาร่วมชมฉากดังกล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น รอบๆ วังหลวงเวลานี้ จึงมีประชาชนจำนวนมากกำลังจับกลุ่มพูดคุยถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ฉากที่แสดงออกต่อหน้าผู้คนว่ากองทัพรุ่ยหลินของจวนหลินอ๋องนั้น จงรักภักดีและรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมามากเพียงใด อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้หรอกว่ากองทัพรุ่ยหลินที่เลื่องชื่อและเป็นที่น่ายกย่องสรรเสริญของผู้คนนั้น บัดนี้เป็นเพียงอันธพาลที่กำลังไล่จับตัว ‘ผู้ร้าย’ ปลอมๆ เท่านั้น
และผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมด…ก็คือจวินอู๋เสียนี่เอง!
พวกเขาไม่รู้เลยว่าทั้งหมดนี้จวินอู๋เสียก็แค่ทำเพื่อต้องการบีบบังคับให้ฮ่องเต้ลงจากราชบัลลังก์!
แต่เพราะพวกเขาไม่รู้ ประชาชนจึงได้สนับสนุนกองทัพรุ่ยหลินอย่างเต็มกำลัง
เจ้าต้องการครองใจประชาชนมากนักใช่หรือไม่
ได้ ข้าจะมอบสิทธิ์นั้นให้แก่เจ้า! ตามความต้องการของเจ้าเลย ภายใต้คำสั่งจับกุมผู้ร้ายที่หลบหนี ข้าอยากเห็นนักว่าหลังงานนี้เสร็จสิ้นลงแล้ว เจ้าจะมีปัญญาทำอะไรกับข้าได้!
จวินอู๋เสียได้ใช้คำสั่งที่ฮ่องเต้ตรัสสั่งต่อจวินเสี่ยนก่อนหน้านี้อย่างชาญฉลาด การกระทำของนาง ไม่ต่างอะไรจากการตบหน้าเขาผู้ซึ่งเป็นบุตรแห่งสวรรค์
ฮ่องเต้ไม่สามารถตอบโต้กลับได้ จึงทำได้เพียงกลืนก้อนโทสะลงท้องไปอย่างขมขื่น
บอกให้จวินอู๋เสียถอนกำลังกลับหรือ นี่ไม่เท่ากับว่ากลืนน้ำลายของตัวเองหรืออย่างไร ในตอนต้นเป็นพระองค์เองที่มอบภารกิจนี้ให้แก่จวินเสี่ยน!
แต่หากไม่ถอนกำลัง…
มองไปที่กองทัพรุ่ยหลินที่กระจายตัวอยู่ทั่วเมืองหลวง พระปัสสาสะของฮ่องเต้ก็ติดขัด
คนนอกอาจจะไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่พระองค์กับมั่วเซวี่ยนเฝ่ยรู้ดีที่สุดว่าเหตุใดจวินอู๋เสียถึงต้องทำถึงขั้นนี้
วันนี้พระองค์ตัดสินพระทัยแล้วว่าจะกำจัดจวนหลินอ๋องให้หายไปจากโลกใบนี้ แต่ด้วยกลัวว่าจวนหลินอ๋องจะไหวตัวทัน จึงได้ใช้อุบายล่อเสือออกจากถ้ำ ล่อจวินเสี่ยนให้ออกไปจากเมืองหลวงแล้วลงมือกับจวนหลินอ๋องขณะที่เขาไม่อยู่!
“ทางด้านจวินเสี่ยน จัดการสำเร็จตามแผนแล้วรึ” ฮ่องเต้ดึงตัวมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเข้าไปหาและกระซิบถามเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่เอื้ออำนวยต่อพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยกระซิบตอบเสียงเบา “ลูกได้รับรายงานจากคนพวกนั้นแล้วว่าภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี จวินเสี่ยนถูกพาตัวไปยังถ้ำที่ถูกเตรียมไว้อย่างลับๆ แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
แผนที่พวกเขาคิดจะใช้จัดการกับคนสกุลจวินมีอยู่สองแผน แผนแรกคือซุ่มกวาดล้างจวนหลินอ๋องอย่างเงียบๆ และแผนที่สองคือล่อให้จวินเสี่ยนออกจากเมืองหลวงและซุ่มโจมตีเขาระหว่างทาง
แผนแรกเห็นได้ชัดว่าล้มเหลว แต่โชคดีที่แผนสองการจับกุมตัวจวินเสี่ยนประสบความสำเร็จ!
“ให้พวกนั้นเฝ้าจับตาดูจวินเสี่ยนให้ดีอย่าให้คลาดสายตา ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีจุดบอดหรือข้อบกพร่องใด ความเคลื่อนไหวของจวินอู๋เสียในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเพื่อต้องการค้นหาตัวจวินเสี่ยน นางกำลังพยายามบีบบังคับให้ข้าคืนตัวจวินเสี่ยนให้กับนาง” ฮ่องเต้ตรัสอย่างเย้ยหยันขณะที่สายพระเนตรของพระองค์แคบลงด้วยความตั้งพระทัยที่แน่วแน่ ตราบเท่าที่ไม่มีผู้ใดพบจวินเสี่ยน ก็จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบโจมตีจวนหลินอ๋องในคืนนี้นั้น แท้ที่จริงแล้วคือพระองค์นั้นเอง!