บทที่ 84 ทดสอบหุ่นเชิดมาร

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 84 ทดสอบหุ่นเชิดมาร

บทที่ 84 ทดสอบหุ่นเชิดมาร

แม้คังซิงเจี้ยนจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงอย่างไรหวังเหิงก็เป็นศิษย์เอกของเขา ตราบใดที่ไม่ได้ก่ออาชญากรรมที่ทรยศต่อสำนัก หรือเป็นความผิดที่ทรยศต่อเจ้าสำนัก เช่นนั้นอาชญากรรมดังกล่าวก็ไม่ควรต้องโทษถึงตาย

เดิมเขาคิดว่าอู่หมิงเสวี่ยจะเข้าใจความหมายที่สื่อ ดังนั้นจึงยกมือขึ้นเพื่อขอให้ปล่อยหวังเหิงไป คาดไม่ถึงว่าทั้งที่นางอยู่ต่อหน้าคนจำนวนมาก แต่กลับเปิดปากเยาะเย้ยเขา

“อู่หมิงเสวี่ย เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไร?”

แรงกดดันของของคังซิงเจี้ยนลึกล้ำ เผยร่องรอยความขุ่นข้องใจออกมา

อู่หมิงเสวี่ยขมวดคิ้วให้อีกฝ่าย ไม่มีใครยอมใคร พวกเขายืนอยู่ข้างกัน แรงกดดันรอบข้างพวยพุ่ง ดูพร้อมที่จะต่อสู้

เหลยโม่มองจากด้านข้าง ในใจรู้สึกวิตกยิ่งนัก เขารู้นิสัยสองคนนี้ดี

อู่หมิงเสวี่ยรักลูกชายเหมือนกับชีวิตของตัวเอง ถึงแม้สิ่งที่หวังเหิงทำในวันนี้จะตรงตามสิ่งที่ลู่หยวนวางแผนเอาไว้เป็นขั้นเป็นตอน แต่ความตั้งใจของผู้อาวุโสใหญ่ที่จะสังหารนายน้อยเป็นของจริง

แค่เรื่องนี้เพียงอย่างเดียว นางก็สามารถฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้น ๆ ได้

หาไม่แล้ว เจ้าสำนักอู่คงไม่โกรธจนทำให้ในระยะนับพันลี้ราบเป็นหน้ากลองด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ส่วนผู้เฒ่าคังมีศิษย์อยู่ใต้อาณัติมากมาย แต่พวกเขาล้วนถึงแก่ความตายจากการต่อสู้เพื่อสำนัก สุดท้ายเหลือเพียงหวังเหิง ถึงแม้จะน่าผิดหวัง แต่ก็เป็นศิษย์คนสุดท้าย ดังนั้นเขาย่อมหวงแหนเป็นธรรมดา

ตอนนี้ทั้งสองเผชิญหน้ากันแล้ว เรื่องครั้งนี้อาจจะไม่สู้ดีนัก

เมื่อทั้งสองต่างไม่มีทีท่าว่าจะถอย ดวงตาของลู่หยวนพลันมืดมน

กู่หงเฟยคุกเข่ากับพื้นอยู่ไม่ไกลนัก ด้านข้างคือหวังเหิงผู้กำลังแน่นิ่งไม่ขยับ

ไม่มีใครล่วงรู้ว่าอัจฉริยะหนุ่มที่ก้มศีรษะในตอนนี้เกิดความเปลี่ยนแปลง ตาดำกำลังหายไปช้า ๆ ถูกแทนที่ด้วยสีชาด

ลู่หยวนมองร่างของกู่หงเฟย ร่างของอีกฝ่ายสั่นสะท้านพลางขยับนิ้ว

เมื่อเห็นดังนี้ ลู่หยวนจึงยิ้มอย่างพึงพอใจ

หุ่นเชิดมารตัวนี้ถูกเตรียมไว้นานแล้ว ถึงเวลาทดสอบว่ามันทรงพลังแค่ไหนเสียที!

บุตรศักดิ์สิทธิ์ครุ่นคิดอยู่ในใจพลางวาดกระบี่ จนปราณกระบี่ยักษ์พุ่งเข้าหาหวังเหิง

“เจ้าเด็กนี่กล้าดีอย่างไร!”

คังซิงเจี้ยนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของลู่หยวน จึงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ทั่วร่างขยับทันที พุ่งเข้าหาชายหนุ่ม

วิ้ง!

อู่หมิงเสวี่ยหันไปด้านข้างเพื่อปัดป้อง สกัดการโจมตีทั้งหมดของผู้เฒ่า

ชิ้ง!

แสงสว่างวาบโลหิตพวยพุ่ง ศีรษะของหวังเหิงหมุนคว้างในอากาศหลายรอบ ก่อนจะกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง

กู่หงเฟยยังคงคุกเข่าอยู่กับที่ ร่างกายครึ่งหนึ่งถูกย้อมไปด้วยสีแดงจากโลหิตของผู้เป็นอาจารย์ ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว

คังซิงเจี้ยนมองศีรษะที่กลิ้งมาทางเขา ตกตะลึงสักพัก จากนั้น โทสะทั้งหมดในใจพลันระเบิดออกมา

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

กลิ่นอายของคังซิงเจี้ยนพุ่งทะยานทันที โลกทั้งใบพลันถูกปกคลุมด้วยหมู่เมฆดำเป็นลูกคลื่น พื้นเริ่มสั่นสะเทือน

อู่หมิงเสวี่ยไม่หวาดกลัวเช่นกัน นางผลักลู่หยวนออกไป ก่อนค่ายกลกระบี่นับพันจะตั้งตระหง่านขึ้นจากปฐพี

พลังที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงทั้งสองปะทะกัน

กู่หงเฟยผู้กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นพลันลุกขึ้น เสียงแหบพร่าและผันผวนดังมาจากลำคอ “ท่านอดีตเจ้าสำนัก”

ร่างจำแลงของคังซิงเจี้ยนชำเลืองมองเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “หลบไป ข้าจะฆ่าลู่หยวนให้เอง!”

อัจฉริยะหนุ่มแบกร่างตัวเองเดินไปอยู่ด้านหลังผู้เฒ่าช้า ๆ

จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น ยื่นไปทางคังซิงเจี้ยน

ด้วยความที่อดีตเจ้าสำนักรู้ว่าเจ้าหนุ่มนี่เป็นศิษย์เอกของหวังเหิง และกำลังมีสีหน้าเศร้าสลดยิ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่ทันระวังแต่อย่างใด

เพียงชำเลืองมองกลับมาอย่างหงุดหงิด ปากกำลังจะตะโกนย้ำให้ถอยไปไกล ๆ

ทว่าตอนนั้นเอง ผู้เฒ่ากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่ารังเกียจจากด้านหลัง จึงหันไปหาทันที ก่อนจะพบกับกรงเล็บคมปลาบดำทมิฬกำลังแทงมาทางเขา

เขาหันหลังแล้วหลบเลี่ยงทัน กรงเล็บคมปลาบจึงคว้าได้เพียงอากาศ

คังซิงเจี้ยนหลบหลายครั้ง กว่าจะเห็นคนตรงหน้าชัดเจน

ไม่สิ คำว่า ‘คน’ ไม่อาจใช้บรรยายสิ่งที่เห็นตอนนี้ได้อีกแล้ว

คังซิงเจี้ยนพินิจอย่างตั้งใจ ถอยหลังไปสองสามก้าว สัตว์ประหลาดที่มีกลิ่นเหม็นกับร่างสีดำโน้มตัวเข้ามา ดวงตาหมองหม่น ใบหน้าถูกบดบังด้วยคลื่นพลังสีดำจนเกือบหมดสิ้น เขาข้างหนึ่งยื่นออกมาจากหน้าผากโดยมีพลังสีดำแปลกประหลาดห้อมล้อม มือที่ห้อยอยู่กางออกราวกับกรงเล็บจากขุมนรก ผิดปกติจนน่าหวาดกลัวยิ่งนัก

ผู้เฒ่าคังขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสองกลุ่มจากสัตว์ประหลาดตรงหน้า

หนึ่งคือมาร อีกหนึ่งคือกู่หงเฟย

กู่หงเฟยถึงกับกลายเป็นมารงั้นหรือ?!

ก่อนจะทันได้สืบสาวอะไร อัจฉริยะหนุ่มก็ก้าวมาด้านข้าง สอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในร่างของหวังเหิง จนร่างของผู้เป็นอาจารย์พังทลายอย่างรวดเร็ว ขณะที่สีหน้าของกู่หงเฟยเผยความพึงพอใจออกมา

เขาดึงมือออกมา จากนั้นคืบคลานกรงเล็บเข้าหาต้วนคงซิวผู้ขลาดกลัวเกินกว่าจะหลบได้

“อ๊ากกกกกกก!”

ต้วนคงซิวกรีดร้อง ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ เขาก็ถึงแก่ความตาย

พละกำลังของกู่หงเฟยกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มัดกล้ามบนร่างกายปูดโปนขึ้นมา กลิ่นอายทรงพลังถึงขั้นบดขยี้เนื้อหนัง แต่เจ้าตัวคล้ายกับไม่สนใจ

สีหน้าของเขาพึงพอใจ รากฐานการบ่มเพาะกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปหลายอึดใจ อัจฉริยะหนุ่มก็ก้าวเข้าสู่ขั้นเซียนยุทธ์ทันที! กลิ่นอายที่ลอยอยู่รอบข้างราวกับจะทะลวงสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์

ลู่หยวนมองดูอย่างเย็นชา ลอบบันทึกการตอบสนองของกู่หงเฟยในตอนนี้เอาไว้ในใจ

“เจ้ามารร้าย!”

คังซิงเจี้ยนไม่ทราบว่าทำไมกู่หงเฟยถึงกลายเป็นมาร รู้แค่ว่า… หากไม่เด็ดหัวเด็กคนนี้ในวันนี้ เขาจะทิ้งหายนะไว้บนโลกใบนี้!

ผู้เฒ่าคังใช้มือแทนกระบี่ วาดผ่านท้องนภา

ตูม!

เกิดแสงสว่างวาบ ร่างของกู่หงเฟยถูกผ่าครึ่งทันที หมู่เมฆแยกออกพร้อมเกิดช่องว่างจากการฟันยาวเป็นทาง แสงตะวันสาดลอดผ่านช่องว่างลงสู่โลก

ร่างของกู่หงเฟยกระแทกกับพื้น มือยังคงกวัดแกว่งไปมา ทันใดนั้นร่างก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง พลังงานแก่กล้ารวมตัวในร่างกาย

คังซิงเจี้ยนตะโกนออกมา ใช้มือแทนพู่กัน วาดค่ายกลขึ้น

ค่ายกลเพิ่งปรากฏ ปกป้องทุกคนไว้ข้างใน ในขณะที่บนร่างของกู่หงเฟยปรากฏแสงสว่างสีขาว

ตูม!!

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องทั่วโลก

ควันและฝุ่นสลายไป ทุกสิ่งค่อย ๆ เด่นชัด หลุมขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายร้อยลี้ปรากฏแก่สายตาทุกคู่

หลุมขนาดใหญ่นี้ไร้ก้นบึ้ง และมีกลิ่นเหม็นโชยออกมา

ลู่หยวนยืนอยู่ด้านหลังทุกคน เสียงระบบดังขึ้นในหัว

[ระบบแจ้งเตือน กู่หงเฟยตายแล้ว ค่าชะตาของท่านเพิ่มขึ้น!]

[ค่าชะตาปัจจุบันของท่านคือ 34,000 แต้ม!]

คังซิงเจี้ยนมองทุกสิ่งตรงหน้าด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

ผ่านไปสักพัก เขาพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวว่า “พลังมารที่สั่งสมในร่างของเด็กคนนี้ไม่ได้เกิดแค่หนึ่งหรือสองวันเป็นแน่”

ไม่มีใครตอบรับคำพูดของเขา

ดวงตาของผู้เฒ่าคังหรี่ลง พลังมารที่สั่งสมมานานขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่หวังเหิงจะไม่สังเกตเห็น!

หรือว่า …เขาอยากปกป้องศิษย์ผู้กลายเป็นมาร?

ยิ่งคังซิงเจี้ยนครุ่นคิดก็ยิ่งสับสน เขาไม่เชื่อว่าศิษย์จะปกป้องสัตว์ประหลาดเช่นนั้น!

เขาพึมพำประโยคว่า ‘ถอย’ ก่อนจากไปอย่างหมดเรี่ยวแรง

อู่หมิงเสวี่ยมองลู่หยวนด้วยสีหน้ามีนัยยะ ทว่าอีกฝ่ายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนยิ้มหน้าซื่อให้มารดา

เจ้าสำนักไม่มีทางเลือก นางจึงส่ายหน้าอย่างเคอะเขิน ลูกชายของนางสามารถทำอะไรก็ได้ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการปกป้องตัวเอง วันนี้เขาจึงไม่ตายตก!

“อยากทำอะไรก็ทำเลย”

ร่างของอู่หมิงเสวี่ยวูบไหว นางออกไปจากที่นี่เช่นกัน เรื่องนี้มีสาเหตุมาจากลู่หยวน เขาจึงต้องเป็นผู้เก็บกวาด