บทที่ 85 เคาะประตู (ต้น)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 85 เคาะประตู (ต้น)

บทที่ 85 เคาะประตู (ต้น)

หลังจากอู่หมิงเสวี่ยไปแล้ว เหลยโม่คารวะลู่หยวน “คนจากฝ่ายผู้คุมกฎน้อมรับคำสั่งนายน้อย!”

ลู่หยวนยกยิ้ม เมื่อมองไปด้านข้าง เขาเห็นฉินอี่หานกำลังขี่กระบี่ไม้มาหาเขา

ชายหนุ่มไถ่ถาม “เป็นอย่างไรบ้าง?”

นางหยิบยันต์ออกมาก่อนส่งให้ “มีสำนักสาขาเพียงสามแห่งที่อยู่ใต้อาณัติสำนักอักขระสวรรค์ ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว”

บุตรศักดิ์สิทธิ์รับมาแล้วชำเลืองมอง จากนั้นส่งให้เหลยโม่ พร้อมกล่าวเสียงต่ำว่า “คนเหล่านี้จะต้องถูกฆ่าทั้งหมด”

ประโยคเรียบง่าย แต่ตัดสินความเป็นความตายของผู้คนนับหมื่นได้

แม้กระทั่งแผ่นหลังของผู้คุมกฎอาวุโสยังเย็นยะเยือกขึ้นมา เขาจึงลังเลแล้วกล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เกิดจากความโอหังของผู้อาวุโสคนหนึ่งในสำนักสาขา ยังมีอีกหลายคนในสำนักสาขาที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม อาจจะสามารถรับใช้สำนักหลักได้ นายน้อยโปรดเมตตาด้วย!”

ลู่หยวนมองด้วยสายตาเย็นชา มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะ “พรสวรรค์หรือ?”

“เหลยโม่ สิ่งที่ขาดไม่ได้มากที่สุดในโลกใบนี้คือคนมีพรสวรรค์ มีศิษย์นับพันอยู่ในสำนักนี้ คนไหนบ้างที่ไม่ใช่คนมีพรสวรรค์?”

“พวกต้วนคงซิวลงมือ บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จึงไม่เชื่อว่าจะไม่มีใครในสำนักสาขาไม่รู้ พวกเขาปล่อยให้คนเหล่านี้ลงมือ แถมยังมีคนบางส่วนรอให้พวกต้วนคงซิวทำสำเร็จอีก เพื่อที่พวกเขาจะได้มีอำนาจตามไปด้วย!”

“เจ้าจะไม่ฆ่าใครก็ตามที่มีใจขบถ แต่จะรอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เลี้ยงดูพวกเขาอย่างนั้นหรือ?”

มีความเย็นเยือกไร้ที่สิ้นสุดในน้ำเสียงลุ่มลึก

เหลยโม่เงยหน้าขึ้น เห็นสายตาของนายน้อยลึกล้ำราวกับหุบเหวลึกลงไปหลายหมื่นจั้ง

“ขอรับ!”

เหลยโม่ก้มศีรษะเพื่อน้อมรับ

ลู่หยวนขยับนิ้ว เขาเก็บศีรษะของหวังเหิงที่อยู่ไม่ไกลจากเท้า ใส่ไว้ในแหวนเก็บของ ก่อนจะสะบัดชายเสื้อ “ไป ไปเคาะประตูหน้าบ้านตาเฒ่าพวกนั้นกัน!”

หลังจากกล่าวเช่นนั้น บุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ทะยานขึ้นท้องนภา ตรงไปทางสำนักอักขระสวรรค์

คนที่เหลือตามมาติด ๆ

ที่ประตูสำนักใหญ่ ผู้อาวุโสและผู้พิทักษ์จำนวนมากรวมตัวกัน ผู้คุมกฎอาวุโสแทบทุกคนอยู่ที่นี่

พวกเขามองไปทางภูเขาฉางเจ๋อที่อยู่ไกลลิบ…

ก่อนหน้านี้ อู่หมิงเสวี่ยและคังซิงเจี้ยนทะลวงเขตอาคมครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุการณ์ปะทะของทั้งสองเกิดเป็นคลื่นพลังมหาศาลในภูเขาฉางเจ๋อ

วันนี้ลู่หยวนไปไหนกันหนอ หรือว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาแล้ว?

เมื่อคิดถึงตรงนี้… ผู้อาวุโสจำนวนมากลอบยินดี

ถึงแม้รากฐานการบ่มเพาะของบุตรศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่ง มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม และอนาคตไร้ขีดจำกัด

แต่คนผู้นี้ราวกับจอมมารในคราบมนุษย์! พวกเขาไม่ถูกปฏิบัติในฐานะผู้อาวุโสเลยตั้งแต่อีกฝ่ายยังเล็ก แถมยังโดนตวาดใส่เป็นนิตย์อีก

ขนาดเป็นนายน้อยยังไร้ระเบียบ หากกลายเป็นเจ้าสำนักขึ้นมาจริง ๆ พวกเขายังจะถูกปฏิบัติในฐานะมนุษย์อีกหรือไม่?

ทันใดนั้น เหนือท้องนภาปรากฏสองร่างกลับมาที่สำนักอักขระสวรรค์ กลิ่นอายของพวกเขาอ่อนลง คล้ายกับจะเข้าสู่สภาพเก็บตัวอีกครั้ง

สายตาของทุกคนมองตาม ผ่านไปหลายอึดใจ ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามเสียงต่ำว่า “หรือว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ?”

ผู้อาวุโสอีกคนหัวเราะออกมา “เจ้าหนุ่มนั่นตายแล้วหรือ?”

หนึ่งในผู้คุมกฎส่ายหน้า “ไม่ หากลู่หยวนตาย เจ้าสำนักอู่คงทำให้สำนักอักขระสวรรค์ราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว!”

คนที่เหลือได้ยินดังนี้ สีหน้ามีความสุขจึงแปรเปลี่ยนเศร้าหมองอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นพลังกลุ่มหนึ่งพลันพุ่งออกมาเหนืออากาศ

ผู้อาวุโสทุกคนเงยหน้ามอง พบบางสิ่งกำลังบินมาหาพวกเขาจากท้องนภา

หลายคนกระตุ้นพลังอย่างระมัดระวัง ทำให้แรงกดดันพลุ่งพล่านไปทั่วบริเวณ

ตูม!!

ผ่านไปสักพัก มีสิ่งหนึ่งพลันตกลงมาจนเกิดหลุมลึก!

ทุกคนมองตาม พบว่าสิ่งนั้นเต็มไปด้วยโลหิต หนึ่งในผู้อาวุโสใช้กระบี่เขี่ยขึ้นมา ทำให้ใบหน้าอันคุ้นเคยยิ่งปรากฏตรงหน้าทุกคน

“หวังเหิง?!”

นี่คือศีรษะของผู้อาวุโสใหญ่หวังเหิงอย่างนั้นหรือ?!

ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง ผ่านไปสักพัก โทสะของพวกเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมา

ใครกันช่างอาจหาญเช่นนี้!?

ถึงกับสังหารผู้อาวุโสใหญ่เช่นนี้ แล้วโยนศีรษะมาที่สำนักอักขระสวรรค์ นี่ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเขาหรอกหรือ!?

ทุกคนมองไปทางที่โยนมาเมื่อครู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นไป พบว่าเหนือความว่างเปล่า มีร่างหนึ่งยืนอยู่ในอากาศ สวมชุดสีขาว ใบหน้าเย้ยหยันดูเย็นชายิ่ง

“ลู่หยวน?”

ผู้อาวุโสคนแรกตอบสนอง เขาก้าวไปข้างหน้า ถามด้วยสีหน้าสงบว่า “เจ้าฆ่าหวังเหิงอย่างนั้นหรือ”

บุตรศักดิ์สิทธิ์ยืนเอามือไพล่หลัง เปิดปากตอบออกมาหนึ่งคำว่า “ใช่”

ผู้ถามเดือดดาลยิ่ง ยันต์ในมือเผาไหม้ทันที “ลู่หยวน เจ้ากล้าทำร้ายผู้อาวุโสในสำนักเดียวกันได้อย่างไร?! คนไร้หัวใจอย่างเจ้า ไม่ควรค่าที่จะเป็นผู้สืบทอดของสำนักอักขระสวรรค์!”

หลังจากกล่าวเช่นนั้น ร่างของผู้อาวุโสพลันวูบไหว ก่อนจะทะยานขึ้นไปในอากาศ ยันต์ที่เผาไหม้ในมือกลายเป็นกระบี่เพลิงทันที

กลิ่นอายไร้ที่สิ้นสุดระเบิดออก จิตสังหารพุ่งเข้าหาชายหนุ่ม

ลู่หยวนผู้ยืนอยู่ในอากาศมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่อีกฝ่ายพุ่งเข้าหาในเสี้ยวลมหายใจ สายตาเปี่ยมโทสะจับจ้องมายังนายน้อยเขม็ง

ฟู่!

กระบี่เพลิงทะลวงสายลม ทันใดนั้น …สายฟ้าพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าลู่หยวน

ผู้อาวุโสหยุดมือ พริบตาต่อมา ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า

ร่างนั้นยกหมัดขึ้นซัดออกไป กระแทกเข้าที่หน้าของอีกฝ่าย

ตูม!

ร่างของผู้อาวุโสพลันร่วงลงไปกระแทกกับพื้น เกิดฝุ่นฟุ้งตลบเป็นบริเวณกว้าง

คนที่เหลือเห็นชัดเจนว่าสายฟ้าที่มาอยู่ตรงหน้าลู่หยวนคือเหลยโม่

เมื่อเห็นดังนี้ ผู้อาวุโสหลายคนจึงเดือดดาล ตะโกนออกมาเสียงดัง

“เหลยโม่ ในฐานะผู้คุมกฎอาวุโสของสำนักอักขระสวรรค์ เจ้าอยากช่วยคนชั่วผู้นี้หรือ?!”

“คนที่ลู่หยวนฆ่าเป็นคนของสำนักอักขระสวรรค์ ไม่ใช่แค่ฆ่าเท่านั้น แต่ยังยืนอยู่ข้างเจ้าด้วย เจ้าจะไม่สนใจกฎอาญาของสำนักเลยหรือ?!”

“คนอย่างเจ้า ยังควรค่าที่จะเป็นผู้คุมกฎอาวุโสของสำนักอักขระสวรรค์อีกหรือ?!”

เหลยโม่หลุบตา กล่าวเย้ยหยันว่า “เหอะ หวังเหิงต่างหากคือผู้ผิด ปกป้องผู้เดินตามวิถีมาร พวกเจ้าร้องไห้เพื่อเขาเช่นนี้ แสดงว่าพวกเจ้าเดินตามวิถีมารเหมือนกันใช่หรือไม่?”

ผู้อาวุโสทุกคนที่ส่งเสียงดังต่างสงบปาก ทั่วพื้นที่เงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นภายในประตูสำนักใหญ่

เดินตามวิถีมาร…

หากเรื่องนี้เป็นความจริง ชีวิตของพวกเขาจบสิ้นแน่!

อย่าว่าแต่ความรุ่งโรจน์ที่สั่งสมมาถูกทำลายเลย ในอนาคตก็จะถูกสาปส่งเพราะเรื่องนี้อีกด้วย

ลู่หยวนเคลื่อนกายลงตรงหน้าทุกคน รอยยิ้มมีนัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย็นชา “ท่านเจ้าสำนักขอให้ข้าตรวจสอบคนที่เดินตามรอยวิถีมาร ข้าเพิ่งกลับมาไม่ทันไร พวกท่านก็ลงมือกับข้า แถมยังยืนอยู่ข้างหวังเหิงอย่างนั้นหรือ? เมื่อครู่ใครเป็นคนต่อว่าข้าผู้นี้กันนะ?”

ไม่มีใครในที่นี้กล้าตอบ พวกเขาล้วนหลุบตาลง ด้วยกลัวว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะจ้องมองมา

ลู่หยวนยิ้มหยันในใจ คนเหล่านี้คล้ายกับหวังเหิง ตอนยังหนุ่มก็ดื่มด่ำกับความสุขในโลก ไม่กลัวเกรงแต่อย่างใด

ในหมู่พวกเขา มีใครบ้างไม่หมายมั่นเป็นใหญ่?

ใครบ้างไม่เคยคิดที่จะเหยียบหมู่เมฆ แล้วชี้กระบี่ใส่ท้องนภา?

แต่ด้วยอายุปูนนี้ พวกเขามีสถานะที่ควรมี มีการบ่มเพาะที่ควรมีแล้ว

เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงเริ่มขลาดกลัว ความกล้าทั้งหมดหดหาย การได้เป็นราชันของแผ่นดินหลักเพื่อกวาดล้างโลก เป็นเพียงความฝันที่พวกเขาฝังไว้ในใจไปนานแล้ว

สิ่งที่พวกเขาทำทุกวัน ไม่ได้สนเรื่องผิดชอบชั่วดีอีกต่อไปแล้ว พวกเขาสนเพียงผลประโยชน์เท่านั้น

ผู้ที่มอบผลประโยชน์ให้ พวกเขาก็จะติดตาม ผู้ที่ขัดขวางผลประโยชน์ก็จะเป็นศัตรูอาฆาตของพวกเขา

หากคนธรรมดาทราบเรื่องนี้เข้า ย่อมต้องถอนหายใจเป็นธรรมดา