บทที่ 43 มีเรื่องเล็ก ๆ เกิดขึ้นในหมู่บ้านตระกูลหลิน
หลังจากความวุ่นวายเหล่านี้ผ่านไป วันที่ 15 เดือน 1 เหยาซูได้พยายามหาบ้านว่าง ๆ ในหมู่บ้านตระกูลเหยา เพื่อพาลูกทั้งสามออกไปอาศัยเพียงลำพัง
ไม่กี่วันต่อมานางก็พบบ้านที่อยู่ทางตะวันออกของหมู่บ้าน
ลานบ้านเล็ก ๆ ขนาดไม่ใหญ่นักถูกเก็บกวาดสะอาดสะอ้าน นอกจากเรือนหลักและห้องฝั่งตะวันตกแล้ว ยังมีห้องเก็บฟืนขนาดเล็กที่สามารถเก็บของได้
บ้านของชาวบ้านราคาไม่แพงนัก ประกอบกับอานิสงส์จากชื่อเสียงในหมู่บ้านของบิดา เหยาซูจึงใช้เงินเพียงยี่สิบตำลึงในการซื้อบ้านหลังนี้
นางหารือกับท่านพ่อและท่านแม่ล่วงหน้าเรียบร้อย แม้หญิงชราจะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็ไม่อาจทนความดื้อรั้นของลูกสาวได้
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านวางใจเถิด ข้าแค่ย้ายไปอยู่ที่นั่น ไม่ใช่ว่าจะไม่กลับมาบ้านเสียหน่อย”
แม่เฒ่าเหยารู้สึกไม่ดีนัก “ยังไม่หมดปี เหตุใดเจ้าจึงรีบย้ายไป!”
เหยาซูได้แต่ยิ้มขอโทษปลอบประโลมหญิงชรา “หลายวันมานี้ว่าง ๆ ข้าจะเก็บข้าวของให้เรียบร้อย หากมีอันใดผิดพลาดท่านแม่ก็ช่วยข้าดูนะเจ้าคะ!”
ชายชราเหยานั่งกะเทาะถั่วลิสงอยู่ข้าง ๆ ไม่เอ่ยคำใด
“ท่านพี่ ท่านพูดอะไรกับลูกเสียหน่อยสิ!” แม่เฒ่าเหยาวางเข็มที่อยู่ในมือลง พูดอย่างไม่พอใจว่า “บ้านที่อาซูไปอยู่เป็นอย่างไรบ้าง ท่านไปดูหรือยัง?”
“ก็ไม่เลว”
หญิงชราเห็นสามีพูดเพียงเท่านั้นก็อดรู้สึกโมโหไม่ได้ “บ้านหลังนั้นเป็นที่ที่ลูกสาวแท้ ๆ ของท่านจะไปอยู่ ไม่ใช่คนอื่นใด! อีกทั้งเด็กทั้งสามคนก็เป็นหลานของท่าน หากบ้านนั้นหนาวชื้นอาจทำให้หลาน ๆ ป่วยได้ มีห้องครัวหรือไม่? เตาสามารถใช้ได้หรือไม่? หม้อต้มยังอุ่นได้หรือเปล่า?”
คำถามนี้ทำให้ชายชราเหยาสับสนเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดเพียงว่า “บ้านนั้นเคยเป็นบ้านของลุงเสี่ยวเล่ย จะมีปัญหาอันใดได้?”
เหยาซูเห็นมารดากำลังมีโทสะลุกโชนขึ้น จึงรีบเอ่ย “ท่านพ่อ ท่านแม่ ดื่มน้ำก่อนเถิด บ้านหลังนั้นพี่ชายได้พาข้าไปดูทั้งภายในและภายนอก ไม่หนาวและไม่ชื้น ไม่มีปัญหาอันใด ท่านพ่อยังบอกอีกว่านี่เป็นบ้านของท่านลุงของเหยาเล่ย ข้าเพียงต้องขนสัมภาระไปเล็กน้อยเท่านั้น อุปกรณ์เครื่องใช้ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว…”
แม่เฒ่าเหยาถอนหายใจเอ่ยถามด้วยความสงสัย “จะดีทุกอย่างจริง ๆ หรือ?”
เหยาซูแย้มยิ้มปลอบใจ “วางใจเถอะท่านแม่ หลังจากที่ท่านลุงของพี่เล่ยย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง เขาได้ปล่อยบ้านหลังนี้เอาไว้ หลายครั้งที่พวกเขากลับมายังหมู่บ้านและอาศัยบ้านหลังนี้ ดังนั้นทุกอย่างสิ่งของเครื่องใช้ยังคงใช้งานได้ นอกจากนี้หากมีสิ่งใดไม่ใช่ว่าข้ายังมีท่านพ่อท่านแม่และพี่ชายอีกสองคนไม่ใช่หรือ? เมื่อถึงตอนนั้นค่อยแก้ไขก็ยังไม่สาย”
หญิงชราพยักหน้าอย่างฝืนใจ
เมื่อวันย้ายบ้านมาถึง ความทรมานก็มาเยี่ยมอีกหน
ไม่เพียงแค่ตระกูลเหยาเท่านั้นที่ช่วยเหยาซูย้ายข้าวของ แม้แต่เหยาเล่ยเองก็เดินทางไปที่บ้านใหม่ของนางและมอบเก้าอี้ตัวใหม่สองตัวและโต๊ะเล็ก ๆ อีกหนึ่งตัวให้กับนาง
เหยาซูเห็นว่าเก้าอี้ตัวใหม่ถูกตั้งใจทำขึ้นมาเป็นพิเศษ จึงต้องการจะจ่ายเงินให้กับเหยาเล่ย แต่ชายหนุ่มกลับปฏิเสธ
“อาซู เจ้าอย่าได้เกรงใจ! บ้านหลังนี้เดิมทีเป็นบ้านของลุงข้า แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ใช้แล้ว เจ้าเองก็คงใช้เงินซื้อมาไม่น้อย หากมีสิ่งที่ต้องการทั้งภายนอกภายในก็แค่บอกข้า”
เหยาซูไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือควรร้องไห้ดี “พี่เล่ย ลุงของท่านก็คือลุงของท่าน ส่วนตัวท่านเองก็คือตัวท่านเอง คิดว่าโต๊ะเก้าอี้เหล่านี้ท่านคงใช้เวลาไม่น้อย..”
เหยาเล่ยโบกมือ “ที่ไหนกัน? มันไม่คุ้มค่ากับเงินที่เจ้าให้หรอก!”
เหยาซูไม่สนใจคำปฏิเสธของเขา แต่พยายามมอบเงินให้กับเหยาเล่ย
ชายหนุ่มถือถุงเงินไว้ในมือ มันนุ่มราวกับผ้าชั้นดี อีกทั้งยังรู้สึกถึงอุณหภูมิอุ่น ๆ จากมือของเหยาซูอยู่ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็พยายามระงับสิ่งที่ผิดปกติในใจของตน
วันแรกที่ย้ายบ้านใหม่ ภายใต้การจัดเตรียมของแม่เฒ่าเหยาและพี่สะใภ้ทั้งสอง ภายในห้องดูเรียบร้อยไม่มีสิ่งใดคลาดสายตาพวกนางไปได้
เหยาเฟิงและเหยาเฉาตรวจสอบประตูและหน้าต่างอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหา ชายชราเหยาและแม่เฒ่าเหยาก็พาทุกคนกลับบ้าน
แม้ว่าการย้ายบ้านจะเหนื่อยมาก แต่เหยาซูและลูก ๆ ต่างรู้สึกตื่นเต้นมาก ในที่สุดพวกเขาก็มีบ้านของตัวเอง
มื้อเย็นวันนั้นเหยาซูผัดผักสองอย่าง หลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหาร อาซือและอาจื้อก็ช่วยเก็บจานและตะเกียบ อีกไม่นานท้องฟ้าก็จะมืดลง
หลังจากยุ่งอยู่กับงานมาทั้งวัน ในที่สุดเหยาซูก็กล่อมให้ซานเป่าหลับสนิทและนั่งอยู่ภายใต้แสงจากตะเกียงน้ำเพื่อพูดคุยกับลูกทั้งสองคน
“ต้าเป่า เอ้อเป่า ชอบบ้านใหม่ของพวกเราหรือบ้านของท่านยายมากกว่ากัน?”
น้ำเสียงและสีหน้าของนางดูอ่อนโยนเป็นพิเศษภายใต้แสงสีเหลืองนวลจากตะเกียงน้ำมัน ในตอนนี้ราวกับว่ามันเป็นโลกทั้งใบของเด็ก ๆ
เด็กทั้งสองคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ชอบบ้านใหม่ขอรับ/เจ้าค่ะ!”
เหยาซูยิ้มพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “แม้พวกเราจะย้ายบ้านไปแล้ว แต่ท่านยายก็ยังเป็นห่วงต้าเป่าและเอ้อเป่า ต่อไปพวกเราจะกลับไปเที่ยวที่บ้านยายบ่อย ๆ ดีไหม?”
อาซือและอาจื้อพยักหน้า “ท่านลุงก็บอกเช่นกันว่าให้พวกเรากลับไปหาบ่อย ๆ!”
เหยาซูมองท่าทางสะลึมสะลืออย่างน่ารักของบุตรสาว จึงอดหัวเราะไม่ได้ “เอาล่ะวันนี้พวกเรายุ่งมาตลอดทั้งวันแล้ว มานอนกันเถอะ!”
ค่ำคืนนี้ครอบครัวทั้งสี่คนนอนด้วยกันในบ้านหลังใหม่
เหยาซูเคยชินกับการตื่นขึ้นมากลางคืนเพื่อให้นมซานเป่าและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เขา
เช้าตรู่นางจึงตื่นสายเล็กน้อย อาซือและอาจื้อที่รู้ความก็เตรียมอาหารเช้าง่าย ๆ ไว้ให้ตั้งแต่นางตื่น ส่วนตอนเที่ยงและตอนเย็นเหยาซูเป็นคนทำอาหารเองและให้เด็กทั้งสองคอยดูแลน้องชาย
วันธรรมดาที่แสนอบอุ่นได้ผ่านพ้นไป
หลังจากผ่านพ้นเดือนแรกไม่นาน ในวันหนึ่งขณะที่เหยาซูพาลูกกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในหมู่บ้านตระกูลหลินที่อยู่ใกล้เคียง
………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เด็ก ๆ มีบ้านกันแล้ว ยินดีด้วยค่ะ
เกิดเรื่องอะไรที่หมู่บ้านตระกูลหลินกันนะ ทำไมเหมือนจะเป็นเรื่องไม่ดี?
ไหหม่า(海馬)