บทที่ 168 ความมั่นใจของเฮกฮาร์

เมอร์ลินปลดปล่อยพลังงานธาตุลมที่ผันผวนอย่างรุนแรงออกจากร่างกายของเขาคนธรรมดาสามารถจับได้เพียงภาพเบลอของพลังธาตุ พวกเขาไม่สามารถระบุตําแหน่งที่แน่นอนของเขาได้

มีเพียงนักเวทย์เท่านั้นที่สามารถใช้พลังจิตเพื่อติดตามตําแหน่งของเมอร์ลิน

“เขาอยู่ที่นั่น!”

นักเวทย์คนหนึ่งที่อยู่ถัดจากเคานต์ลองการ์ดีระบุตําแหน่งของเมอร์ลินได้ พวกเริ่มโจมตีไปยังจุดนั้นทันที

เมอร์ลินรีบวิ่งไปรอบๆขณะที่เขาสังเกตการกระทําของลองการ์ดีและนักเวทย์ที่อยู่รอบตัวเขาจากระยะไกลด้วยพลังจิตของเขา

จริงอยู่ว่าเขาไม่สามารถต้านทานทหารนับหมื่นคนได้แต่พวกเขาก็โจมตีเมอร์ลินไม่ได้เช่นกัน

นอกจากเมอร์ลินจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแล้ว เขายังสามารถป้องกันลูกศรทั้งหมดจากด้วยโล่ปฐพี

ดังนั้นเมอร์ลินแทบไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย เมื่อเขาผ่านแนวป้องกันของทหารหลายพันนายได้ เขากําลังเข้าใกล้เคานต์ลองการ์ดีอย่างรวดเร็ว

จากนั้นไม่นาน เมอร์ลินก็หยุดเคลื่อนที่เสื้อคลุมสีดําที่เขาสวมและผมสีดําของเขาปลิวไปตามสายลมใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาไม่มีร่องรอยของความไร้เดียงสาดวงตาสีฟ้าของเขาให้ความรู้สึกลึกซึ้งราวกับว่าเขาได้ผ่านช่วงชีวิตขึ้นๆลงๆ หลายครั้ง

“ฆ่ามัน!”

เมื่อสังเกตเห็นว่าเมอร์ลินมาถึง เหล่านักเวทย์เตรียมพร้อมโจมตีทันที

ทันทีนั้นเอง ความผันผวนที่รุนแรงของพลังธาตุไฟ ลม น้ําแข็งและธาตุอื่นๆ ส่งไปหาเมอร์ลินอย่างไม่หยุดยั้งเมอร์ลินรู้สึกถึงอันตรายจากการโจมตีเหล่านี้

เหนือสิ่งอื่นใด ในกลุ่มคาถาที่ยิงมาหาเมอร์ลินข้างในมีคาถาระดับหนึ่งแทรกไว้ท่ามกลางการโจมตีเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับการคัดเลือกจากเคานต์ลองการ์ดีมาอย่างดี

“รูปปั้นผู้พิทักษ์!”

เมอร์ลินร่ายคาถาระดับหนึ่งออกมา รูปปั้นผู้พิทักษ์ซึ่งเป็นคาถาเพิ่งสร้งามาเมื่อไม่นามานี้เอง

*ครืน*

ทันใดนั้น รูปปั้นขนาดใหญ่จํานวนมากขึ้นมาปกคลุมเมอร์ลินจากบนลงล่าง ขณะที่พวกมันกะพริบแสงเหลีองจ้า

*ครืน*

เมอร์ลินรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้รูปปั้นผู้พิทักษ์จะรับเวทมนต์เข้าเต็ม ๆ แต่มันก็ไม่สลายไปนี่คือความแตกต่างอย่างมากระหว่างคาถาระดับหนึ่งกับคาถาระดับศูนย์

พวกคาถาระดับศูนย์ที่ร่ายโดยนักเวทย์ระดับเริ่มต้นเหล่านี้ไม่สามารถทําอะไรเมอร์ลินได้เลย

ในไม่ช้า เมอร์ลินก็รู้สึกได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวได้พุ่งเข้าชนรูปปั้นผู้พิทักษ์อย่างไร้ความปราณีแรงกระแทกทําให้รูปปั้นผู้พิทักษ์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและเกิดรอยร้าวขึ้นมาจางๆ

“หม? คาถาระดับหนึ่ง?”

เมอร์ลินหรี่ตา จากนั้นเขาก็เสกรูปปั้นผู้พิทักษ์อีกครั้ง ตัวรูปปั้นที่ส่องสว่างราวกับประกาศว่าไม่กลัวการโจมตีที่โหดเหี้ยมของคู่ต่อสู้เลย

ร่างของเมอร์ลินจมหายไปด้วยคาถาไม่รู้จบ ดังนั้นแม้แต่นักเวทย์ที่อยู่ใกล้เขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น

“เขาควรจะตายเพราะเขาต้องรับมือกับการโจมตีหลายครั้ง แม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทย์จากดินแดนมนต์ดําแต่เขาจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีขนาดนี้ได้แน่นอน!”

หลังจากนั้นไม่นาน นักเวทย์บางคนก็ค่อยๆ หยุดโจมตี เนื่องจากพวกเขาร่ายคาถาอย่างบ้าคลั่งและพวกเขาใช้พลังเวทย์มนตร์ไปมาก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหยุด

ควันเริ่มจางลงเรื่อย ๆ ความโลภส่องประกายในสายตาของนักเวทย์หลายคน หลังจากที่พวกเขายืนยันว่าเมอร์ลินเสียชีวิตแล้ว พวกเขาจะต่อสู้เพื่อแหวนมนต์ดําทันที

นอกจากพ่อมดเฮกฮาร์แล้ว ผู้ร่ายคาถาอีกห้าคนดูเหมือนจะเป็นพันธมิตรกัน จากท่าทางของพวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้กับเฮกฮาร์

สีหน้าของพ่อมดเฮกฮาร์มืดมน เขารู้ว่าพวกเขาทั้งหกจะต่อสู้กันเองทันทีที่เมอร์ลินเสียชีวิต นักเวทย์ทั้งห้า น่าจะวางแผนเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้า

เมื่อถึงเวลาพ่อมดเฮกฮาร์ต้องเผชิญกับการโจมตีของชายห้าคนนี้ ถ้าหากเขาต้องการแหวน

“ฮิฮิ ไหนใครอยากได้แหวนมนต์ดํามั้ย? ใครกล้าขวางทางฉัน มันต้องตาย!” เจตนาฆ่าผุดขึ้นในใจของเฮการ์เขาได้เตรียมการทั้งหมดแล้ว แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับนักเวทย์ทั้งห้า เขาก็จะไม่หวั่นกลัวเขาต้องการเป็นเจ้าของแหวนมนต์ดําไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!

“พ่อมดเฮกฮาร์ คุณกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแล้ว คุณมาต่อสู้เพื่อแหวนเวทมนตร์แห่งความมืดกับพวกเราทําไม?”

ทันใดนั้น ผู้ร่ายเวทย์ระดับเริ่มต้นถามด้วยเสียงต่ํา

“ใครบ้างไม่อยากเข้าร่วมองค์กรนักเวทย์ สถานที่แห่งนั้นสามารถทําให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น หากพวกคุณอยากได้แหวนมากล่ะก็ ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะกัน!”

พ่อมดเฮกฮาร์ตอบด้วยรอยยิ้มอันแข็งกร้าว ทั้งสองฝ่ายพร้อมที่จะกระโดดเข้าหากันและความตึงเครียดก็ปะทุขึ้นในอากาศ

เคานต์ลองการ์ดีขมวดคิ้วเล็กน้อยและขัดจังหวะพวกเขา “พวกท่านเอาอย่างนี้มั้ย ไว้เรามาตัดสินกันว่าใครเป็นเจ้าของแหวนมนต์ดํา ภายหลังจากที่เราควบคุมเมืองปรากาชได้แล้วอย่างนี้น่าจะดีกว่ามั้ย?”

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครฟังคําพูดของลองการ์ดี นักเวทย์เหล่านี้อาจสุภาพต่อเคานต์ลองการ์ดีแต่แหวนมนต์ดํามันส่งผลต่อการที่พวกเขาจะสามารถเข้าร่วมดินแดนมนต์ดําได้ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจว่ากองทัพของ เมืองเลบิสจะสามารถทําลายเมืองปรากาซได้หรือไม่ก็ตาม

“หวุ่ม!”

สายลมพัดเบา ๆ พัดควันและฝุ่นออกไปทุกคนสามารถเห็นเบื้องหน้าได้อย่างเลือนลางร่างของเมอร์ลินดูเหมือนจะไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาพวกเหล่านี้ไม่สามารถรอให้ฝนจางลงได้พวกพุ่งไปข้างหน้าโดยทันที

“หวุ่ม! หวุ่ม! หวุ่ม!

ร่างเงาทั้งห้าพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา พวกเขาก็มาถึงจุดที่เต็มไปด้วยกลุ่มควัน

“พวกแกกําลังรนหาที่ตาย! ใครก็ตามที่ขวางทางฉันต้องตาย!”

เมื่อเห็นว่านักเวทย์พุ่งเข้าไปในจุดที่เมอร์ลินอยู่ พ่อมดเฮกฮาร์ได้โกรธจัด ความผันผวนที่รุนแรงของพลังธาตุถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขา เขาพร้อมที่จะร่ายคาถาและต่อสู้กับนักเวทย์ทั้งห้า!”

“อะไรนะ ไม่จริง เขายังไม่ตาย!”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ จากภายในฝันที่อยู่ข้างหน้าพ่อมดเฮกฮาร์หลังจากนั้นความผันผวนของพลังธาตุก็ถูกปลดปล่อยออกจากควัน

“เขายังไม่ตาย?”

พ่อมดเฮกฮาร์หยุดวิ่งเข้าไปอย่างกะทันหัน เขาจ้องเขม็งไปที่ควันที่อยู่ข้างหน้าเขา ไม่นานควันก็หายไปเมอร์ลินยังคงสวมชุดคลุมสีดําขนาดใหญ่เนื่องจากเขาได้รับการคุ้มครองจากรูปปั้นที่แข็งแรงจึงไม่มีวี่แววว่าเขาได้รับบาดเจ็บ

“หมอกรัตติกาล!”

เมอร์ลินเผยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมออกมา การโจมตีเหล่านั้นน่ากลัวแต่เขาได้ร่ายคาถารูปปั้นผู้พิทักษ์อย่างต่อเนื่องหลายครั้งเขาจึงไม่กลัวการโจมตีระดับนั้นเลย

หมอกสีดําปรากฏขึ้นทันทีและปกคลุมนักเวทย์ทั้งห้าอย่างรวดเร็ว มันแผ่ขยายออกไปไกลโดยตั้งใจจะห่อหุ้มพ่อมดเฮกฮาร์เอาไว้ด้วย

“แย่แล้ว มันเป็นคาถาธาตุมืด หมอกรัตติกาล!”

พ่อมดเฮกฮาร์รู้ได้ทันทีว่าเมอร์ลินใช้คาถาธาตุมืดซึ่งคาถานี้เป็นคาถาที่ซับซ้อนที่สุดในบรรดาคาถาประเภทความมืด

“หวุ่ม!”

ความผันผวนของพลังธาตุลมปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว พ่อมดเฮกฮาร์ถอยกลับด้วยความเร็วสูงเพื่อป้องกันไม่ให้หมอกรัตติกาลปกคลุมเขาอย่างไรก็ตามคนอื่น ๆ ไม่ได้โชคดีขนาดนั้นพวกเขาถูกห่อหุ้มอย่างรวดเร็วด้วยภาพลวงตา

“ข่ายสายฟ้า!” เมอร์ลินร่ายคาถาใส่นักเวทย์ทั้งห้าทันทีที่หมอกรัตติกาลปกคลุมพวกเขา

ข่ายสายฟ้าเป็นคาถาโจมตีวงกว้าง ทันทีที่สายฟ้าเข้าไปในกลุ่มหมอกดํา พวกมันก็ช็อตเหล่านักเวทย์ทันที

พวกเขาเป็นเพียงพ่อมดพเนจรระดับเริ่มต้นเท่านั้น พลังจิตของพวกเขาก็ไม่แข็งแกร่งเช่นกันหลังจากที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกรัตติกาล พวกเขาก็ตกอยู่ในภาพลวงตาทันที ไม่ว่าคาถาก็สามารถฆ่าพวกเขาได้

สียงฟ้าร้องดังจากสายหมอก แสงของสายฟ้าส่องออกมาอย่างงดงามแต่ทิวทัศน์ที่สวยงามนั้นมาพร้อมกับการตายของนักเวทย์ทั้งห้าคน

เมอร์ลินโบกมือเล็กน้อยและเป่าหมอกรัตติกาลให้หายไป เหลือไว้เพียงห้าศพบนพื้นดิน

นอกจากพ่อมดเฮกฮาร์ที่วิ่งหนีเพื่อหลีกเลี่ยงออกไป ทําให้พ่อมดที่เคานต์ลองการ์ดีคัดเลือกมาล้วนเสียชีวิต!

“ช่างเป็นคาถาที่น่าสะพรึงกลัวมาก!”

เคานต์ลองการ์ดีพยายามรักษาความสงบของเขาได้หลังจากเห็น เมอร์ลินฆ่ากลุ่มนักเวทย์ทั้งห้าตัวด้วยคาถาเพียงสองคาถาเขาหันไปมองพ่อมดเฮกฮาร์ซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายของเขา

“พ่อมดเฮกฮาร์ ท่านมีวิธีจัดการกับเมอร์ลินไหม?”

เคานต์ลองการ์ดีถามเสียงต่ํา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักเวย์แต่เขาก็สามารถเห็นได้ว่าเมอร์ลินแข็งแกร่งถึงขนาดที่พ่อมดเฮกฮาร์ยังต้องเกรงกลัวเขา

พ่อมดเฮกฮาร์จ้องไปที่เมอร์ลิน จากนั้นก็เหลือบมองร่างของเหล่านักเวทย์ที่นอนบนพื้นและหายใจเข้าลึก ๆจากนั้นสายตาของเขาได้ฉายแววแน่วแน่ออกมา

“ขอให้ท่านเคานต์ได้โปรดสบายใจ ฉันสามารถฆ่าเมอร์ลินได้แน่นอน!”

พ่อมดเฮกฮาร์ก้าวไปข้างหน้าและมองไปที่เมอร์ลิน

“เมอร์ลิน แม้คุณจะไม่ใช่สมาชิดอย่างเป็นทางการแต่คุณก็แข็งแกร่งมาในเวลาเพียงหนึ่งปี!มันยิ่งทําให้ฉันอยากเข้าไปในดินแดนมนต์ดํามากยินขึ้นไปอีกมีเพียงองค์กรนักเวทย์เท่านั้นที่ทําให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นได้!”

เมอร์ลินขมวดคิ้ว ดูเหมือนพ่อมดเฮกฮาร์จะไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองแม้ว่าเมอร์ลินจะร่ายเวทย์เพียงสองคาถาแต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่านักวเทย์ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามพ่อมดเฮกฮาร์กลับมีความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมเขาไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน?

ในขณะที่เมอร์ลินกําลังสับสน ม้วนคัมภีร์โบราณปรากฏขึ้นในมือของพ่อมดเฮกฮาร์

รไหลออก ทําให้สีหน้าของเมอร์ลินเปลี่ยน

แม้ว่าตัวม้วนคัมภีร์จะดูทรุดโทรมแต่ความผันผวนของพลังยนไปทันที

“รูปปั้นผู้พิทักษ์!”

เมอร์ลินร่ายคาถารูปปั้นผู้พิทักษ์ออกมาโดยไม่ลังเลที่สําคัญมันเป็นคาถาแบบเสริมพลัง

ในเวลาเดียวกันพ่อมดเฮกฮาร์ได้เผยรอยยิ้มที่น่าสยดสยองออกมาจากนั้นเขาเปิดใช้งานม้วนคัมภีร์ด้วยความรวดเร็ว